fbpx

10 กิจกรรมห้ามพลาด! เมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบ

เม.ย. 20, 2022

10 กิจกรรมห้ามพลาด! เมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบ

สวนนารา (Nara Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปิดในปี ค.ศ.1880 สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ในบริเวณเชิงเขาวาคะคุสะ สวนนาราเป็นหนึ่งในสวนที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และมีกวางชิกะแสนน่ารักเป็นเอกลักษณ์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในบริเวณสวนมีกวางมากกว่า 1,200 ตัวสัญจรอยู่โดยรอบ เนื่องด้วยในอดีตกวางเหล่านี้ได้รับการนับถือในฐานะผู้ส่งสารจากเทพเจ้า มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกจากเหล่ากวางแสนทรงเสน่ห์แล้ว สวนแห่งนี้ยังตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของนาราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัดโทไดจิ ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ วัดโคฟุคุจิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา และวัดชินยาคุชิจิ

วันนี้เราจะมานำเสนอ “10 กิจกรรมห้ามพลาด! เมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบ” เพื่อให้ทุกคนนำไปประกอบแผนการเดินทางเมื่อทริปนาราครั้งต่อไปมาถึง

สารบัญ (Index)

1. พบปะและให้อาหารกวาง

ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ บริเวณสวนนารามีกวางมากกว่า 1,200 ตัว แต่เราจะหาพวกมันเจอได้ตรงจุดไหนบ้างล่ะ?

คำตอบคือเราสามารถเจอน้องกวางเหล่านี้ได้ในทุกๆที่ เพราะรอบสวนนารามีกวางเยอะมากจริงๆ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องก้าวออกไปไกลจากสถานีรถไฟมากนัก พวกมันก็จะมารายล้อมเราเต็มไปหมด

เหล่ากวางในสวนนาราคุ้นเคยกับมนุษย์เป็นอย่างดี พวกมันรู้ดีว่านักท่องเที่ยวอย่างเรานี่แหละคือแหล่งอาหารของพวกมัน เราสามารถให้อาหารกวางเหล่านี้ได้ด้วยการซื้อแครกเกอร์สำหรับกวาง 10 ชิ้นในราคา 200 เยน แครกเกอร์เหล่านี้มีคุณค่าทางสารอาหารที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับกวาง

เมื่อเริ่มให้อาหารกวาง พวกมันจะเริ่มเดินตามคุณไปรอบๆ แต่อย่าวิ่งหนีหรือตื่นตระหนก ไม่งั้นพวกมันจะวิ่งไล่ตามเรา สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่เราต้องค่อยๆให้แครกเกอร์กวางจนหมดเท่านั้น

ข้อมูลของสวนนารา

วันและเวลาทำการ
  • เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าธรรมเนียมการเข้า
  • เข้าชมฟรี
เว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่ Google MAP

Back To Index

2. ชื่นชมความน่ารักของเหล่ากวางที่โค้งคำนับให้คุณ

เรื่องน่าสนุกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกวางในสวนนาราคือ พวกมันสามารถทำท่าทางสุดพิเศษอย่างการโค้งคำนับให้กับเหล่าผู้มาเยี่ยมชม!

ถ้าคุณโค้งคำนับให้กวางก่อน พวกมันก็จะโค้งคำนับกลับมา ท่าทางน่ารักๆเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้ของเจ้ากวาง และพวกมันก็รู้ด้วยว่าจะได้อาหารมากขึ้นถ้าทำท่าโค้งคำนับแบบนี้

อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่ากวางเหล่านี้จะเรียบร้อยตลอดเวลาเชียว เพราะที่นี่มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวว่ากวางสามารถกัด เตะ หรือขวิดผู้คนได้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงไม่ควรยั่วยุให้พวกมันโมโห ตราบใดที่เราเก็บอาหารไว้กับตัวดีๆและปฏิบัติกับพวกมันอย่างดี กวางในสวนนาราก็จะกลายเป็นสัตว์ป่าที่เชื่องกับเรา

Back To Index

3. พบกับพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

สิ่งหนึ่งที่ทำให้สวนนาราเป็นที่รู้จักก็คือที่นี่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่ง สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สวนนาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังและนักท่องเที่ยวล้วนต้องมาเยือนก็คือ วิหารไดบุทสึเด็นแห่งวัดโทไดจิ

วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณ 300 ตัน

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องไปชมให้ได้เมื่อมาถึงวัดโทไดจิคือ นันไดมง (Great South Gate) ซุ้มประตูไม้ที่เป็นประตูหลักสู่วัดโทไดจิ ซุ้มประตูแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 13 โดยมีรูปปั้นนิโอะหรือผู้พิทักษ์รูปร่างกำยำท่าทางดุดันเฝ้าอยู่ริมประตูทั้งสองฝั่ง รูปปั้นทั้งสองถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1203 และมีความสูงอยู่ที่ 8.5 เมตร

ข้อมูลของวัดโทไดจิ (Todaiji Temple)

เวลาทำการ
  • เดือนเมษายนถึงตุลาคม : 7:30 – 17:30 น.
  • เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม : 8:00 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
  • ผู้มีอายุ 13 ปีขึ้นไป : 600 เยน
  • นักเรียนประถม : 300 เยน
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP

Back To Index

4. ชมทัศนียภาพอันน่าหลงใหลของเจดีย์ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในบริเวณสวนนาราคือ เจดีย์สูง 50 เมตรอันแสนสง่างามตรงบริเวณใกล้ๆกับ วัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji Temple) เจดีย์องค์นี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1436 แต่เจดีย์ที่เราเห็นกันอยู่ ณ ปัจจุบันเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่หลังจากเจดีย์องค์เก่าถูกเผา โดยเจดีย์องค์นี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเจดีย์ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น

นอกจากความสูงของเจดีย์ที่มีถึงห้าชั้นแล้ว โบสถ์รูปทรงแปดเหลี่ยม ‘ฮาคุเอ็นโด’ (Hokuen-do) และ ‘นาเน็นโดะ’ (Nanendo) ก็เป็นที่ขึ้นชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวเช่นกัน บริเวณฐานของโบสถ์แห่งนี้มีลักษณะเรียบและเป็นรูปทรงกลม โบสถ์แห่งนี้จึงมีชื่อเสียงจากรูปทรงที่ดูสวยงามแปลกตานั่นเอง

อีกจุดหนึ่งของวัดโคฟุคุจิที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ‘โทคนโดะ’ (Tokondo, The East Golden Hall) วิหารไม้แบบดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลของวัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji Temple)

วันและเวลาทำการ
  • วัดเปิดตลอดทั้งปี ในเวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
  • ผู้ใหญ่และนักศึกษา : 700 เยน
  • นักเรียน ม.ต้นและ ม.ปลาย : 600 เยน
  • นักเรียนประถม : 300 เยน
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP

Back To Index

5. แวะพักที่ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ ศาลเจ้าชินโตที่ใหญ่ที่สุดในนารา

ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่สถิตของเทพเจ้าหลากหลายองค์ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงดึงดูดทั้งผู้ที่นับถือศาสนาชินโตและนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศของความเป็นชินโต

ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 768 โดยผู้นำตระกูลฟูจิวาระอันยิ่งใหญ่ ที่นี่มีความแตกต่างจากศาลเจ้าแห่งอื่นๆเนื่องจากศาลเจ้าทั่วไปเป็นที่สถิตของเทพหนึ่งหรือสององค์ แต่ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้าถึง 4 องค์เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะยังมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ซึ่งมีสีสันสดใส เหมาะแก่การถ่ายรูปลงอินสตาแกรม ตัวอาคารสีแดงสดที่ตัดกันดีกับกำแพงสีขาว รวมถึงหลังคาไม้สนไซเพรส ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างความประทับใจให้แก่เหล่านักท่องเที่ยวและช่างภาพมาช้านาน

เพื่อให้ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะมีสภาพแข็งแรงคงทน คนในท้องถิ่นจึงทำการบูรณะซ่อมแซมศาลเจ้าคาสึกะไทฉะทุกๆ 2 ทศวรรษ แต่ประเพณีนี้ก็ได้หยุดลงเมื่อสิ้นสุดยุคเอโดะ

ข้อมูลของศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine)

เวลาทำการ
  • เดือนเมษายนถึงกันยายน : 6:00 – 18:00 น.
  • เดือนตุลาคมถึงมีนาคม : 6:30 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
  • 500 เยน
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP

Back To Index

6. เรียนรู้ประวัติของพระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา (Nara National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นๆ เพราะที่นี่มุ่งเน้นด้านการเก็บรักษามรดกและโบราณวัตถุทางศาสนา อีกทั้งยังนำเสนอเอกสารและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่อธิบายว่าพุทธศาสนิกชนมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในนาราได้อย่างไร เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบมากสำหรับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นในเชิงลึก

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินาราออกแบบโดย โทคุมะ ทาคายามะ สถาปนิกชื่อดังผู้นำสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสและสถาปัตยกรรมตะวันตกมาใช้กับสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น อีกทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากที่นี่ได้เก็บรวบรวมศิลปะโบราณและวัตถุทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการพัฒนาและการบำเพ็ญปฏิบัติของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น

อาคารปีกใหม่ของพิพิธภัณฑ์และบริเวณทางเชื่อมเป็นโซนที่จัดแสดงงานศิลปะในยุคโบราณ เราสามารถเยี่ยมชมบริเวณทางเชื่อมนี้ได้หากต้องการศึกษาเรื่องราวการสร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ (งานศิลปะในเชิงพุทธศาสนา) และตลอดทางเดินจะมีคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับชิ้นงานให้อ่านด้วย

หากใครสนใจศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับงานพุทธศิลป์เพิ่มเติม เราขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชม ‘ห้องสมุดพุทธศิลป์’ (Buddhist Art Library) ของพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากห้องสมุดแห่งนี้เป็นสถานที่เก็บหนังสือจำนวนมาก วัตถุจำลอง ภาพพิมพ์ที่ใช้เทคนิคพิมพ์ถู และภาพถ่ายที่บันทึกประวัติศาสตร์ของศาสนาในประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา (Nara National Museum)

เวลาทำการ
  • 9:30 – 17:00 น.
วันทำการ
  • พิพิธภัณฑ์ปิดในวันจันทร์ และช่วงวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปี
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 700 เยน
  • นักศึกษามหาวิทยาลัย : 350 เยน
  • นักเรียนอายุ 17 ปีหรือต่ำกว่านั้น : ไม่เสียค่าเข้าชม
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP

Back To Index

7. ไหว้พระขอพรให้สุขภาพดีกับวัดชินยาคุชิจิ

Credit : Takashi Images / Shutterstock

วัดชินยาคุชิจิ (Shinyakushiji Temple) เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็น ‘วัดแห่งการเยียวยารักษาโรคภัย’ ตำแหน่งที่ตั้งของวัดคือบริเวณทิศใต้ของสวนนารา ในอดีตวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของจักรพรรดินีโคเมียว ภายหลังจากที่จักรพรรดิโชมุผู้เป็นพระสวามีเกิดอาการประชวรพระเนตร

สิ่งที่ทำให้วัดนี้มีชื่อเสียงก็คือพระพุทธรูปหลัก ‘ยาคุชิเนียวไร’ หรือ ‘พระไภษัชยคุรุ’ ซึ่งเป็นพระแห่งการรักษาโรคภัย พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้เพียงท่อนเดียวเท่านั้น และเชื่อกันว่ามีพลังในการรักษาโรคภัยได้

รอบๆพระพุทธรูปหลักจะมีรูปปั้น ‘ชินโซริทสึโซ’ (twelve Shinsho Ritsuzo statues) หรือยักษ์บริวาร 12 ตนที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 8 เชื่อกันว่านี่เป็นรูปปั้นชินโซริทสึโซที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

นอกจากนี้วัดชินยาคุชิจิก็ยังมีระฆังขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่าครั้งหนึ่งระฆังนี้เคยถูกโจมตีโดย ‘โอนิ’ ยักษ์ประเภทหนึ่งตามความเชื่อของญี่ปุ่น และร่องรอยขีดข่วนขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าเกิดจากกรงเล็บของโอนิก็ยังคงปรากฏอยู่บนระฆังตราบจนทุกวันนี้

ข้อมูลของวัดชินยาคุชิจิ (Shinyakushiji Temple)

เวลาทำการ
  • 9:00 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้า
  • นักศึกษาและผู้ใหญ่ : 600 เยน
  • นักเรียนมัธยม : 350 เยน
  • นักเรียนประถม : 150 เยน
เว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่ Google MAP

Back To Index

8. เพลิดเพลินไปกับฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่นที่สวนนารา

ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของฤดูกาลทั้งสี่เป็นอย่างมาก และสวนนาราก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชื่นชมความเปลี่ยนแปลงของแต่ละฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่น ที่พิเศษสุดๆเลยก็คือเราสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ธรรมชาติและความน่ารักของกวางได้ในเวลาเดียวกัน

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่สวนนารามีการปลูกต้นซากุระมากกว่า 1,700 ต้น ที่นี่จึงถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น

ส่วนในฤดูร้อน สวนนาราจะขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ของผืนหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ เราจะได้เห็นเหล่ากวางเดินไปรอบๆบริเวณสวนอย่างเป็นอิสระ พลางก้มหน้าเล็มหญ้าเพื่อมองหาอาหาร

นอกจากฤดูกาลที่กล่าวมาข้างต้น นักท่องเที่ยวหลายๆคนก็โปรดปรานการมาเที่ยวสวนนาราในฤดูใบไม้ร่วง เพราะในฤดูนี้เราจะได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้สีแดงสลับสีเหลืองและกวางที่เดินทอดน่องไปมาทำให้สวนนารากลายเป็นสถานที่อันแสนสมบูรณ์แบบสำหรับการชมใบไม้ร่วงในภูมิภาคคันไซ

ฤดูหนาวเป็นอีกหนึ่งฤดูที่ดีที่สุดในการมาเยี่ยมชมสวนนารา แม้ว่าอากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาวเย็นก็ตาม ช่วงเวลาที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ในช่วงนี้สภาพอากาศจะหนาวเย็นมากพอที่เราจะได้เจอหิมะตก

การได้เห็นกวางป่าเดินไปรอบสวนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายนั้น ช่างเป็นภาพที่สวยงามดั่งต้องมนตร์สะกด เป็นความงดงามในแบบที่คุณจะหาไม่ได้จากฤดูกาลอื่นๆอย่างแน่นอน

Back To Index

9. แวะชิมของกินสุดพิเศษตามแผงขายอาหารริมทาง

การท่องเที่ยวจะไม่จบครบสมบูรณ์แน่นอนถ้าเราไม่ได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ดังนั้นอย่าลืมหยุดแวะตามแผงขายอาหารริมทางเดินในสวนนาราเพื่อชิมของอร่อยๆกันด้วยนะ

หนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของสวนนาราคือ ‘มิตาราชิดังโงะ’ (Mitarashi Dango) ขนมพื้นบ้านที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเสียบไม้ไผ่ เคลือบด้วยซอสมิตาราชิหวานๆ ในราคาไม่เกิน 500 เยนต่อหนึ่งไม้

นอกจากนี้ที่สวนนาราก็ยังมี ‘ซอฟต์ครีม’ สุดแสนวิเศษอันเป็นที่รู้จักกันดี บริเวณทางเดินไปวัดโทไดจิจะมีร้านขายซอฟต์ครีมเรียงรายตลอดทาง โดยซอฟต์ครีมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ซอฟต์ครีมรสมัทฉะตกแต่งด้วยเวเฟอร์โมจิรูปหัวใจ

Back To Index

10. แวะซื้อของฝากรูปน้องกวางแสนน่ารัก!

‘กวาง’ เป็นดั่งสัญลักษณ์ของจังหวัดนารา ที่นี่จึงมีร้านขายของฝากมากมายที่ขายสินค้าเกี่ยวกับกวาง ของฝากขึ้นชื่อส่วนใหญ่จะเป็นฟิกเกอร์รูปกวาง เครื่องประดับ และตุ๊กตาผ้า แต่ถ้าคุณกำลังมองหาสิ่งที่แตกต่างออกไป คุณสามารถซื้อขนมที่มีแรงบันดาลใจมาจากเหล่ากวางได้ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต คุ้กกี้ หรือเค้ก

*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚

เอาล่ะ! ในเมื่อตอนนี้ทุกคนได้ไอเดียกิจกรรมที่ควรทำเมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบกันแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือวางแผนการท่องเที่ยวของคุณซะ แล้วปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับจุดหมายปลายทางอันสวยงาม ซึ่งจะมอบประสบการณ์สนุกๆมากมายในแบบที่คุณจะไม่มีวันลืม!

Back To Index

วิธีการเดินทางไปยังสวนนารา

‘นารา’ เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในเส้นทางท่องเที่ยว Golden Route ของญี่ปุ่น อีกทั้งจังหวัดนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากโอซาก้าและเกียวโต สองเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมประจำภูมิภาคคันไซอีกด้วย

วิธีการเดินทางไปนาราที่เร็วที่สุดคือ การโดยสารรถไฟด่วนพิเศษ Rapid Express ของรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ จากสถานี Osaka-Namba ในจังหวัดโอซาก้า ไปยังสถานี Nara ในจังหวัดนารา โดยใช้เวลา 35 นาที ค่าเดินทางจะอยู่ที่ 570 เยน การเดินทางจากสถานี Kyoto ไปยังสถานี Nara ของรถไฟคินเท็ตสึนั้นก็ใช้เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น

สถานีรถไฟที่ใกล้สวนนารามากที่สุดคือ สถานีคินเท็ตสึ-นารา (Kintetsu-Nara Station) โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการเดินมาจากสวน หรือหากมาจากสถานีนาราของรถไฟเจอาร์ (JR Nara Station) ก็สามารถเดินมาถึงสวนนาราได้ภายในเวลาประมาณ 20 นาที

อ่านบทความอื่นๆจาก Kintetsu Railway

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top