เที่ยวภูมิภาคคันไซด้วย Kintetsu Rail Pass บัตรเดินทางที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายตลอดทริปท่องเที่ยว
ม.ค. 19, 2023
- ข้อมูลต่างๆ
- ทางรถไฟ
- สถานที่ท่องเที่ยว
- เคล็ดลับการเดินทาง
- คันไซ
- โอซาก้า
- เกียวโต
- นารา
- มิเอะ
- Kintetsu Railway
- Rail Pass
เที่ยวภูมิภาคคันไซด้วย Kintetsu Rail Pass บัตรเดินทางที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายตลอดทริปท่องเที่ยว
ภูมิภาคคันไซ เป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมากมายของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเกียวโต โอซาก้า นารา สถานที่เหล่านี้สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากมีบริษัทรถไฟหลายแห่งให้บริการเส้นทางเดินรถในพื้นที่เหล่านี้ แต่บางครั้งค่าโดยสารรถไฟเหล่านี้ก็มีราคาค่อนข้างสูงหากเรานั่งรถไฟด่วนพิเศษหรือรถไฟชินคันเซ็นบ่อยครั้ง
“Kintetsu Rail Pass” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดค่าเดินทาง บัตรชนิดนี้จัดจำหน่ายโดยบริษัทรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ (Kintetsu Railway) โดยเป็นบริการพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นที่ย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ต่างประเทศอย่างถาวร บัตรเดินทางดังกล่าวสามารถใช้โดยสารรถไฟ Kintetsu Railway ได้อย่างไม่จำกัด (ยกเว้นรถไฟด่วนพิเศษ) ทำให้เรามีทางเลือกในการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคคันไซ
ในบทความนี้เราจะมาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบัตร “Kintetsu Rail Pass” กันค่ะ บัตรชนิดนี้จะพาทุกคนไปค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวมากมายซึ่งเป็นดั่ง ‘เพชรเม็ดงาม’ ที่ซุกซ่อนอยู่ในภูมิภาคคันไซและบริเวณโดยรอบ!
สารบัญ (Index) : เที่ยวภูมิภาคคันไซด้วย Kintetsu Rail Pass
- 1. Kintetsu Rail Pass คืออะไร?
- 2. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิซื้อ Kintetsu Rail Pass
- 3. ค่าโดยสารและพื้นที่ให้บริการ
- 4. เงื่อนไขในการใช้ Kintetsu Rail Pass
- 5. สถานที่จัดจำหน่ายบัตร
- 6. เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วย Kintetsu Rail Pass
1. Kintetsu Rail Pass คืออะไร?
Kintetsu Rail Pass เป็นบัตรเดินทางที่จะมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเมื่อท่องเที่ยวในภูมิภาคคันไซโดยใช้บริการรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ
บัตร Kintetsu Rail Pass มอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้โดยสารดังนี้
- สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า Kintetsu Railway ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (ยกเว้นรถไฟด่วนพิเศษ)
- ใช้บริการรถบัสสาย Nara Kotsu ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- มีส่วนลดและสิทธิพิเศษสำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวที่กำหนดในเงื่อนไขของบัตร
- พื้นที่ให้บริการของ Kintetsu Rail Pass ครอบคลุมถึงเมืองนาโกย่าและเมืองอิเสะ (เฉพาะบัตร Kintetsu Rail Pass แบบ 5 Day Pass และแบบ 5 Day Pass Plus)
- ช่วยประหยัดค่าเดินทาง โดยค่าบัตรแต่ละประเภทสามารถแบ่งออกได้ดังนี้:
- 1 Day Pass ราคา 1,500 เยน
- 2 Day Pass ราคา 2,500 เยน
- 5 Day Pass ราคา 3,700 – 3,900 เยน
- 5 Day Pass Plus ราคา 4,900 – 5,100 เยน
2. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิซื้อ Kintetsu Rail Pass
บัตร Kintetsu Rail Pass จำกัดให้ซื้อได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นในฐานะ “ผู้พำนักระยะสั้น” (Temporary visitor) เท่านั้น หรือต้องเป็นคนญี่ปุ่นที่ย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ต่างประเทศอย่างถาวร จึงจะมีสิทธิซื้อบัตร Kintetsu Rail Pass ได้
หากเป็นผู้ที่เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยสถานภาพอื่น เช่น ผู้ฝึกอบรม (Trainee), Entertainer, or Re-entry Permit จะไม่สามารถซื้อบัตรเดินทางชนิดนี้ได้ ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นด้วยสถานะผู้พำนัก (Residents) ก็ไม่สามารถซื้อได้เช่นกัน
พนักงานจะขอตรวจสอบพาสปอร์ตของทุกคนเมื่อซื้อหรือแลกบัตรเดินทาง ดังนั้นเพื่อนๆควรเช็กให้แน่ใจทุกครั้งว่ามีคุณสมบัติที่จะซื้อบัตรเดินทางชนิดนี้หรือไม่
3. ค่าโดยสารและพื้นที่ให้บริการ
ค่าโดยสารของบัตร Kintetsu Rail Pass สามารถแบ่งได้ตามตารางด้านล่างนี้
Kintetsu Rail Pass | ||
ซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น | ซื้อในประเทศญี่ปุ่น | |
5 Day Pass Plus | 4,900 เยน | 5,100 เยน |
5 Day Pass | 3,700 เยน | 3,900 เยน |
2 Day Pass | 2,500 เยน | |
1 Day Pass | 1,500 เยน | |
*บัตร Kintetsu Rail Pass จะลดราคาเป็นพิเศษสำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี (มีส่วนลด 50%) |
สำหรับพื้นที่ให้บริการของบัตรประเภทนี้ กรุณาศึกษาจากเส้นทางที่ให้ไว้ด้านล่าง
- บัตรเดินทาง 1 Day Pass
- บัตรเดินทาง 2 Day Pass
- บัตรเดินทาง 5 Day Pass
- บัตรเดินทาง 5 Day Pass Plus
4. เงื่อนไขในการใช้ Kintetsu Rail Pass
- บัตร Kintetsu Rail Pass สามารถใช้โดยสารรถไฟ Kintetsu Railway ได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว รวมถึงรถไฟท้องถิ่น (gutsu), รถไฟเร็ว (kaisoku), รถไฟด่วน (kyuko) และรถราง cable car ภายในพื้นที่ที่กำหนดในเงื่อนไขของบัตร
- บัตร Kintetsu Rail Pass ไม่ครอบคลุมรถไฟด่วนพิเศษ หากต้องการใช้บริการรถไฟด่วนพิเศษ ผู้โดยสารจะต้องชำระค่าโดยสารรถไฟประเภทนี้แยกต่างหาก
- บัตร Kintetsu Rail Pass บางชนิดสามารถใช้ได้กับรถบัสสาย Nara Kotsu คันที่กำหนด ซึ่งจะวิ่งให้บริการในพื้นที่โซน Nara และ Asuka รวมถึงรถบัสสาย Mie Kotsu และ Toba City คันที่กำหนด ซึ่งจะวิ่งให้บริการในพื้นที่แถบคาบสมุทรชิมะ
- บัตร Kintetsu Rail Pass สามารถใช้เป็นส่วนลดเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ตามที่เงื่อนไขกำหนดไว้
- บัตร Kintetsu Rail Pass สามารถใช้ได้ตามวันที่ในปฏิทิน (ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่เริ่มใช้งานจนถึงเที่ยงคืนถัดไป) ในส่วนของบัตรแบบ 2 Day Pass และ 5 Day Pass จะใช้ได้เฉพาะวันที่ติดกันตามปฏิทินเท่านั้น
5. สถานที่จัดจำหน่ายบัตร
คุณสามารถซื้อ Kintetsu Rail Pass ได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวภูมิภาคคันไซ (Kansai Tourist Information Center) ได้ทันที โดยไม่ต้องมีการจองล่วงหน้า
6. เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วย Kintetsu Rail Pass
ด้วยบัตร Kintetsu Rail Pass คุณสามารถเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในภูมิภาคคันไซและบริเวณโดยรอบได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะจังหวัดโอซาก้า เกียวโต นารา และมิเอะ
ในวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “เพชรเม็ดงาม” ที่ซุกซ่อนอยู่ในภูมิภาคคันไซ ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ที่ควรค่าอย่างมากแก่การไปเยี่ยมเยือนด้วยบัตรเดินทางสุดพิเศษใบนี้
6.1 ภูเขาโยชิโนะ/โยชิโนะยามะ (Mt. Yoshino/Yoshinoyama)
“ภูเขาโยชิโนะ” หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “โยชิโนะยามะ” ด้วยซากุระกว่า 30,000 ต้นที่เรียงรายเป็นแนวไปตามทางขึ้นภูเขา โยชิโนะยามะจึงเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอย่างมากของประเทศญี่ปุ่น
ภูเขาโยชิโนะนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดนารา และเป็นพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่นี่ไม่เพียงแต่มีจุดชมซากุระที่สวยงามเท่านั้น แต่ในฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอีกด้วย
นอกจากนี้พื้นที่ของภูเขาโยชิโนะนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางแสวงบุญในเทือกเขาคิอิ” (Sacred Sites and Pilgrimage Routes in the Kii Mountain Range) เพราะภูเขาแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยศาลเจ้าและวัดหลายแห่งที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม
เราสามารถเดินทางไปยังภูเขาโยชิโนะได้ด้วยรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ สายโยชิโนะ (Kintetsu Yoshino Line) โดยนั่งไปลงที่สถานีโยชิโนะ (Yoshino Station) จากนั้นก็นั่งกระเช้าลอยฟ้าเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาโยชิโนะ
6.2 หมู่บ้านสเปนชิมะ (Shima Spain Village)
หมู่บ้านสเปนชิมะ (Shima Spain Village) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Parque Espana เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติมิเอะ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์ขึ้นใหม่ให้มีบรรยากาศเหมือนภูมิภาค Andalusia ในประเทศสเปน ภายในหมู่บ้านจะมีทั้งสวนสนุก บ่อน้ำพุร้อน ร้านอาหารสเปน อีกทั้งยังมีการจำลองถนนให้มีกลิ่นอายบรรยากาศแบบสเปนอีกด้วย
สถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสเปนชิมะคือ “สถานีคินเท็ตสึ ชิมะ อิโซเบะ” (Kintetsu Shima Isobe Station) ซึ่งเราสามารถเดินทางไปได้ง่ายๆด้วยบัตร Kintetsu Rail Pass เช่นกัน
6.3 ภูเขาโกไซโช (Mt. Gozaisho)
“ภูเขาโกไซโช” (Mt. Gozaisho) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาวของญี่ปุ่น เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากยอดเขาโกไซโชในวันที่อากาศแจ่มใส นอกจากนี้ที่ภูเขาโกไซโชยังมีบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังอย่าง “ยูโนะยามะออนเซ็น” อีกด้วย
เราสามารถขึ้นไปยังด้านบนภูเขาแห่งนี้ได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้าโกไซโช เพื่อจะได้เพลิดเพลินไปกับการทำกิจกรรมสนุกๆในฤดูหนาวอย่างการเล่นสกีหรือเดินป่าลุยหิมะ
สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ภูเขาโกไซโชมากที่สุดคือ “สถานีคินเท็ตสึ ยูโนะยามะ” (Kintetsu Yunoyama Station) โดยสามารถใช้บัตร Kintetsu Rail Pass ในการเดินทางได้เช่นกัน
6.4 จุดชมวิวโชกุนซึกะและวัดเซริวเด็น (Shogunzuka Seiryuden)
วัดเซริวเด็น (Seiryuden) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขาฮิกาชิยามะทางฝั่งตะวันออกของเกียวโต วัดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดโชเรนิน (Shorenin Temple) ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณเชิงเขา
โชกุนซึกะ (Shogunzuka) เป็นจุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นเนินดินสูง 2 เมตร พื้นที่ตรงนี้ถูกตั้งชื่อตามยศตำแหน่งของจักรพรรดิคันมุ (Emperror Kanmu) เชื่อกันว่าท่านมาเดินชมวิวในบริเวณนี้บ่อยๆในศตวรรษที่ 8 เพื่อตรวจสอบสถานที่สำหรับตั้งเมืองหลวงใหม่ ซึ่งในปัจจุบันก็คือ “เกียวโต” นั่นเอง นอกจากนี้ในบริเวณเดียวกันยังมี จุดชมวิวโชกุนซึกะ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ตั้งแต่ปี 2015 ทุกคนสามารถชมทัศนียภาพของเมืองเกียวโตแบบพาโนรามาได้จากที่นี่
เราสามารถเดินทางไปที่วัดเซริวเด็นและจุดชมวิวโชกุนซึกะได้ ด้วยการเดินขึ้นเขามาจากทางวัดชิโอนิน (Chionin Temple) ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขาฮิกาชิยามะ โดยสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดก็คือ “สถานีเกียวโต” (Kyoto Station)
6.5 ตรอกโฮเซนจิ โยโกะโจ (Hozenji Yokocho)
โฮเซนจิ โยโกะโจ (Hozenji Yokocho) เป็นตรอกเล็กๆที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ร้านค้าเล็กๆ และร้านอาหาร ตรอกแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใกล้แม่น้ำโดทงโบริ ห่างจากป้ายกูลิโกะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้าไปเพียงไม่กี่ช่วงถนน เราอาจกล่าวได้ว่าโฮเซนจิ โยโกะโจเป็นเสมือนย่านร้านอาหารลับๆสำหรับหลบฝูงชนที่แน่นขนัด
ภายในตรอกโฮเซนจิ โยโกะโจมีร้านขนมหวานชื่อดังแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “ร้านเมโอโตะ ซันไซ” (Meoto Zanzai) ถ้าหากเพื่อนๆพาคนพิเศษมาเที่ยวด้วยในการเดินทางครั้งนี้ ห้ามพลาดการได้ลิ้มลองเมนู ‘โมจิในซุปถั่วแดง’ (zenzai) กับคนรักของคุณเชียวนะ เพราะเชื่อกันว่าเมนูขนมหวานนี้จะนำพาโชคดีมาให้กับความสัมพันธ์ของคุณและคนพิเศษค่ะ
สถานีรถไฟที่ใกล้ตรอกโฮเซนจิ โยโกะโจมากที่สุดคือ “สถานีโอซาก้า-นัมบะ” (Osaka-Namba Station) โดยเราสามารถเดินทางมายังสถานีนี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการด้วยบัตร “Kintetsu Rail Pass” ค่ะ
*.。.*゚*.。.*゚*.。.*
หลังจากอ่านรีวิวบัตรท่องเที่ยวนี้แล้ว ทุกคนคงสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบายและความคุ้มค่าของบัตร “Kintetsu Rail Pass” กันแล้วใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นหากได้เดินทางไปยังภูมิภาคคันไซล่ะก็ อย่าลืมนำบัตรนี้ไปใช้ในการท่องเที่ยวกันนะ!
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตร Kintetsu Rail Pass
อ่านบทความอื่นๆจาก Kintetsu Railway
- เพลิดเพลินใจไปกับวิวบน “กระเช้าลอยฟ้าโกไซโช” พร้อมแวะเที่ยวสกีรีสอร์ตเพียงหนึ่งเดียวในจังหวัดมิเอะ!
- ชมดอกไม้และไฟประดับที่ Nabana no Sato สวนดอกไม้อันกว้างใหญ่ในจังหวัดมิเอะ
- เที่ยวโยชิโนะด้วยรถไฟ Blue Symphony รถไฟท่องเที่ยวสไตล์ย้อนยุคโดยรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ