เที่ยวโยชิโนะ ชมซากุระบานต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ กับรถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony
มี.ค. 19, 2024
เที่ยวโยชิโนะ ชมซากุระบานต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ กับรถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony
ก่อนจะไป ‘เที่ยวโยชิโนะ’ กับรถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony กันในวันนี้ ทุกคนทราบไหมคะว่าหัวใจของความเป็นญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไร
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ หัวใจของความเป็นญี่ปุ่นอาจจะอยู่ที่การผสมผสานกันอย่างลงตัวของวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียน ประเพณีดั้งเดิมและความเป็นโลกสมัยใหม่อย่างในในยุคปัจจุบัน ดังเช่นทริปนี้ที่เราจะพบว่าแก่นแท้ของญี่ปุ่นและความงามของธรรมชาตินั้นถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันค่ะ
เช่นเดียวกับ “รถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony” ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทรถไฟคินเท็ตสึ (Kintetsu Railway) สำหรับรถไฟสายนี้จะวิ่งระหว่างสถานีโอซาก้าอาเบะโนะบาชิ (Osaka Abenobashi Station) จากโอซาก้าตอนกลาง ไปถึงยังสถานีโยชิโนะ(Yoshino Station) จังหวัดนารา ซึ่งสถานีโยชิโนะนี้เองค่ะที่เป็นเสมือนประตูสู่หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นที่รักที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง หุบเขาโยชิโนะ
ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเดินทางผ่านกาลเวลาและธรรมชาติ สำรวจเสน่ห์ของเส้นทางรถไฟในญี่ปุ่น ชมดอกซากุระบานสะพรั่งในโยชิโนะ และมอบประสบการณ์ที่ทุกคนไม่อาจลืมเลือนด้วยการเดินทางแสนสะดวกสบายกับรถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony รถไฟท่องเที่ยวชมวิวจากคินเท็ตสึค่ะ
สารบัญ (Index)
- 1.เริ่มการเดินทางที่ยากจะลืมเลือนสู่ดินแดนญี่ปุ่นตะวันตกอันมีเสน่ห์
- 2.วิธีการเดินทางไปโยชินะ ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony
- 3.ชมวิวซากุระสวยงามตระการตาจนแทบลืมหายใจที่โยชิโนะ จังหวัดนารา
- 4.ทริคเด็ดที่จะช่วยให้คุณ ‘เที่ยวโยชินะ’ ได้สนุกมากขึ้น!
1.เริ่มการเดินทางที่ยากจะลืมเลือนสู่ดินแดนญี่ปุ่นตะวันตกอันมีเสน่ห์
ก่อนจะเริ่มต้นเดินทาง เราก็ต้องไปรู้จักกับยานพาหนะที่จะพาเราไปท่องเที่ยวกันก่อนค่ะ นั่นก็คือ “Blue Symphony” ซึ่งเป็นรถไฟที่ไม่ใช่แค่ขนส่งที่จะพาทุกคนไปถึงจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่รถไฟขบวนนี้มีทั้งความหรูหราและเสน่ห์อันซับซ้อนในตัวเอง
ขบวนรถไฟนั้นถูกออกแบบอย่างประณีต ซึ่งการออกแบบเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายของญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ละรายละเอียดก็เรียกได้ว่ารังสรรค์มาอย่างดีค่ะ ตั้งแต่เบาะที่นั่งสุดหรูหราไปจนถึงการตกแต่งอันวิจิตรบรรจงในด้านต่างๆอย่างพิถีพิถัน นั่นเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การใช้บริการรถไฟที่ไม่มีใครเทียบได้นั่นเอง
โดยรถไฟขบวนนี้ถูกดีไซน์ใหม่มาจากรถไฟชานเมืองพลังงานไฟฟ้า (Electric commuter train) รุ่น 6200 series ซึ่งเริ่มวิ่งให้บริการตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2016
ตัวรถไฟด้านนอกได้รับการดีไซน์ให้มีสีน้ำเงินเข้มหรูหรา ส่วนด้านในก็เตรียมความสะดวกสบายให้กับทุกคนด้วยที่นั่งอันกว้างขวางและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ย้อนยุคดังภาพด้านบน และในขบวนรถไฟจะประกอบไปด้วย 3 ตู้โดยสาร โดยภายในตู้โดยสารที่ 1 และ 3 ที่นั่งจะถูกแบ่งออกเป็นแถวสำหรับที่นั่งเดี่ยวและแถวสำหรับที่นั่งคู่
ที่นั่งจำนวนมากจะถูกจัดให้หันหน้าชนกัน โดยเป็นที่นั่งแถวยาว (Salon seats) ซึ่งนั่งได้ 4 คน และที่นั่งคู่ (Twin seats) ซึ่งนั่งได้ 2 คน
ยิ่งไปกว่านั้น รถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony มีบริการทุกระดับชวนให้ประทับใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ โดยเฉพาะในตู้โดยสารที่ 2 ซึ่งจะเป็นพื้นที่เลานจ์ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 คน ในเลานจ์นี้เองจะมีบริการอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงของหวานอีกมากมาย เพื่อให้ทุกท่านได้กินดื่มกันให้เพลินใจค่ะ
ในส่วนของอาหารการกิน ผู้โดยสารทุกท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารท้องถิ่นตามฤดูกาลต่างๆ เช่น “หม้อไฟหมูป่า” หรือที่เรียกว่า “โบทันนาเบะ” อาหารจานเด็ดขึ้นชื่อในภูมิภาคนี้ค่ะ
ไม่เพียงเท่านั้น เราขอแนะนำให้ลองทาน“คะคิโนะฮะซูชิ” ซูชิที่ห่อด้วยใบของต้นพลัมซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของเมืองโยชิโนะ รับรองว่าหลายคนจะต้องติดใจค่ะ
นอกจากนี้ยังมีกองทัพของหวานอีกจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำมาจากผลไม้ตามฤดูกาล เช่น สตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์อาสุกะรูบี้ องุ่นคาวาจิ ลูกพลับและส้มของจังหวัดนาราค่ะ
เรียกได้ว่าในขณะที่รถไฟแล่นผ่านทิวทัศน์อันงดงาม ทุกท่านก็สามารถดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ที่พร้อมเสิร์ฟด้วยความเอาใจใส่สูงสุด ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางไปสู่อีกขั้นหนึ่งของการพักผ่อนเลยล่ะค่ะ
สำหรับหนอนหนังสือ สิ่งนี้อาจทำให้ทุกคนต้องกรี๊ดด้วยความดีใจ เพราะเขามีโซนห้องสมุดขนาดเล็กไว้ให้บริการด้วย โดยห้องสมุดแห่งนี้เต็มไปด้วยหนังสือรวมภาพและคู่มือท่องเที่ยวจังหวัดนารา ทุกคนสามารถยืมหนังสือไปอ่านที่ที่นั่งของตนเองได้ หรือจะมานั่งชิลล์อ่านตรงนี้ตลอดทริปก็ได้เช่นกันค่ะ
2.วิธีการเดินทางไปโยชินะ ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ Blue Symphony
หนึ่งในแง่มุมที่น่าหลงใหลที่สุดของรถไฟ Blue Symphony ก็คือการที่เส้นทางของรถไฟเชื่อมอย่างไร้รอยต่อกับโยชิโนะ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศ และเป็นสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดนาราค่ะ 😊
ยิ่งไปกว่านั้น รถไฟสายนี้เชื่อมต่อกับบรรดาเมืองใหญ่ๆ เช่น โอซาก้าและเกียวโต นั่นยิ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวมาเยือนยังจุดหมายปลายทางอันงดงามแห่งนี้ได้อย่างสะดวกสบาย โดยในระหว่างทางมันก็จะพานักเดินทางออกไปค้นพบมนต์เสน่ห์ของญี่ปุ่น อย่างบรรดาภาพทิวทัศน์อันสวยงามทั้งสองข้างทางนั่นเอง
อย่างที่เราได้กล่าวไป เส้นทางสู่โยชิโนะนั้นมีเสน่ห์พอๆกับการไปถึงจุดหมายปลายทางค่ะ โดยรถไฟขบวนนี้จะนำทุกคนไปสู่เส้นทางคดเคี้ยวอันสวยงาม ผ่านหมู่บ้านที่มีเสน่ห์แปลกตา ผ่านป่าเขียวชอุ่ม และในขณะที่ผู้โดยสารมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะพบภาพแบบพาโนรามาของทิวทัศน์ที่สวยงามน่าทึ่ง แต่ละฉากที่เผยให้เห็นล้วนสวยงามราวกับงานศิลปะที่รังสรรค์จากธรรมชาติค่ะ
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ก็ง่ายดายมากๆค่ะ หากทกคนเริ่มเดินทางจากโอซาก้าให้ขึ้นรถไฟ Blue Symphony ที่สถานี Osaka-Abenobashi ไปยังสถานี Yoshino โดยใช้เวลาไม่ถึง 90 นาที แต่หากเดินทางจากสถานี Kyoto จะต้องเปลี่ยนสายที่สถานี Kashiharajingu-mae จากนั้นจึงขึ้นรถไฟ Blue Symphony ไปยังสถานี Yoshino ได้ค่ะ ✨
- ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสายรถไฟและตารางเวลาได้ที่นี่ค่ะ >> click here.
3.ชมวิวซากุระสวยงามตระการตาจนแทบลืมหายใจที่โยชิโนะ จังหวัดนารา
หุบเขาโยชิโนะ (Yoshino) เป็นหนี่งในจุดชมซากุระที่ดีของสุดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ซากุระทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวจะบานสะพรั่งพร้อมๆกัน นั่นทำให้เนินเขาแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่ใด
ด้วยความงามอันบริสุทธิ์ของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง เสมือนเป็นมนต์เสน่ห์ที่สะกดผู้คนจากทั่วทั้งโลกให้หลั่งไหลกันเข้ามาชมทิวทัศน์ของต้นซากุระหลายพันต้นที่ปกคลุมภูมิทัศน์โดยรอบจนกลายเป็นสีชมพูและสีขาวค่ะ
สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกซากุระที่โยชิโนะ คือช่วงต้นเดือนเมษายน เพราะจะเป็นตอนที่ดอกซากุระเริ่มบานสะพรั่งพอดีค่ะ ในช่วงเวลาดังกล่าว เมืองทั้งเมืองจะจัดกิจกรรมมากมายสำหรับเทศกาลชมซากุระ ทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวต่างก็แห่กันเข้าร่วมเทศกาลชมดอกซากุระนี้อย่างคึกคักค่ะ
และด้วยความสวยงามเกินห้ามใจ ทำให้หลายๆคนเลือกจะมาปิกนิกกับครอบครัวใต้ต้นซากุระ หรือจะเป็นการทำกิจกรรมชิลล์ๆในรูปแบบต่างๆ เช่น บางคนที่อาจเลือกนั่งกินขนมระหว่างพูดคุยกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว นั่นทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุข ในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง
อีกหนึ่งทิวทัศน์ที่ไม่ควรพลาดคือ การมาชมภาพของต้นซากุระที่ประดับประดาอยู่บนเส้นทางมรดกโลก “โอมิเนะ โอคุคาเคมิจิ” (The World Heritage Omine Okugakemichi) เส้นทางนี้เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกค่ะ ซึ่งเมื่อรวมเส้นทางแสวงบุญโบราณแห่งนี้เข้ากับต้นซากุระที่เรียงรายโดยรอบก็ส่งผลให้ที่นี่นั้นยังคงงดงามเหนือกาลเวลาและดูศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเดิม
ในขณะที่เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางคดเคี้ยว ทุกคนจะได้รับการต้อนรับจากซากุระบานสะพรั่งที่ราวกับกำลังเต้นระบำไปตามสายลม และด้วยเส้นทางดอกซากุระนี้เป็นดั่งจิตวิญญาณของโอมิเนะ โอคุคาเคมิจิ ไม่ว่าใครที่ได้เดินผ่านเส้นทางนี้ ต่างก็มักจะเกิดความรู้สึกเคารพและยำเกรงในเส้นทางอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยงจึงมักจะหยุดชมวิวและไตร่ตรองกับความงามเหนือธรรมชาติ ณ ที่แห่งนี้เป็นประจำ
หากใครได้มาที่โยชิโนะแล้ว เราก็ขอแนะนำให้ลองชมวิวและดื่มด่ำกับบรรยากาศในเส้นทางนี้กันสักครั้งนะคะ 🌸
4.ทริคเด็ดที่จะช่วยให้คุณ ‘เที่ยวโยชินะ’ ได้สนุกมากขึ้น!
แม้ว่าการไปเยี่ยมชมโยชิโนะในช่วงฤดูดอกซากุระบานจะเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เราก็มีเคล็ดลับบางประการมาบอกทุกคนเพิ่มเติมค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างราบรื่นและสนุกได้เต็มที่นั่นเอง 🥰
ประการแรก หากวางแผนที่จะใช้เวลา 2 – 3 วันในพื้นที่โยชิโนะ เราขอแนะนำให้จองที่พักล่วงหน้า เนื่องจากโรงแรมและเรียวกังในบริเวณนั้นมักจะเต็มอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยวค่ะ
นอกจากนี้ เนื่องจากเส้นทางในโยชิโนะมักจะต้องลัดเลาะไปตามภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาและขรุขระสักหน่อย ทุกคนก็ควรเตรียมรองเท้าที่เหมาะสำหรับเดินในเส้นทางแบบนี้ และแน่นอนว่าต้องเป็นรองเท้าที่สวมใส่สบายที่สุดด้วยนะ
ประการต่อมาที่ทุกคนควรคำนึงคือเรื่องของสภาพอากาศค่ะ แนะนำให้ทุกคนตรวจสอบอุณหภูมิก่อนออกมาท่องเที่ยว เนื่องจากอุณหภูมิอาจแตกต่างกันตลอดทั้งวัน เราแนะนำให้เตรียมแจ็คเก็ตหรือเสื้อสเวตเตอร์สีอ่อนมาเผื่อด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใครอยากจะเดินเล่นยามเย็นใต้ต้นซากุระ ขอบอกเลยว่าอากาศอาจจะหนาวขึ้นมาได้ทุกเมื่อค่ะ
และประการสุดท้ายคือ อย่าลืมนำกล้องมาถ่ายภาพความงดงามของดอกซากุระแห่งโยชิโนะ เพื่อเก็บความทรงจำนี้ให้คงอยู่ตลอดไปด้วยนะคะ 🩷
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด หากพูดถึงญี่ปุ่นแล้วนอกจากเราจะได้ชมภูมิทัศน์อันงดงามจากทริปโยชิโนะในครั้งนี้ เราก็จะเห็นได้ว่ามรดกของญี่ปุ่นคือความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและความงามตามธรรมชาติ ทั้ง 2 อย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เราเห็นตลอดทริป ไล่มาตั้งแต่ความหรูหราของรถไฟ Blue Symphony ไปจนถึงมนต์เสน่ห์จากธรรมชาติของซากุระที่โยชิโนะ 🌸
การเดินทางครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการผสมผสานแก่นแท้ของญี่ปุ่นและความงามของธรรมชาติ ทั้งภาพ เสียง และความรู้สึกที่ได้รับ ซึ่งเราเชื่อว่าจะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน
ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการค้นพบความงามและแก่นแท้ของประเทศญี่ปุ่นอย่างแท้จริง และอยากจะไปท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามตระการตาจนไม่สามารถหาที่อื่นมาเทียบได้ เราก็แนะนำให้ทุกคนลองขึ้นรถไฟ Blue Symphony มายังโยชิโนะสักครั้งค่ะ 🌸
อ่านบทความอื่นๆจาก fromJapan
- นั่งรถไฟ Shimakaze ชมวิวทะเลคันไซ ณ เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ & เกาะคาชิโกะ
- แวะพักแช่น้ำพุร้อน & เที่ยวชมฟาร์มสตรอว์เบอร์รี ณ “รีสอร์ตออนเซ็น AQUAIGNIS”
-
ท่องโลกแห่งธรรมชาติ สัมผัสความสงบจากภายใน ณ ภูเขาชิงิ จังหวัดนารา
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
คันไซ

จังหวัด โอซาก้า

จังหวัด เกียวโต

จังหวัด เฮียวโกะ

จังหวัด นารา

จังหวัด มิเอะ

จังหวัด ชิกะ

จังหวัด วาคายามะ