ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.4 : ศาลเจ้าคิบิทสึ
ก.พ. 18, 2021
มาเดินตามรอยโมโมทาโร่กันเถอะ~ เริ่มที่ ‘ศาลเจ้าคิบิทสึ’ ต่อด้วยปราสาทคิโนะโจ ปิดท้ายด้วยเมืองคุราชิกิ!
ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine) เป็นศาลเจ้าที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่มีชีวิตของโมโมทาโร่เลยก็ว่าได้ เพราะศาลเจ้าชินโตแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าคิบิทสึฮิโก (Kibitsu hiko no mikoto) ผู้ปราบยักษ์ยูระ (Ura) [1] ฟังแล้วคงคุ้นหูกันใช่ไหมล่ะคะ? ที่คุ้นก็เพราะว่านิทานเรื่องโมโมทาโร่ได้ประพันธ์ขึ้นจากตำนานดังกล่าวนั่นเอง
และเนื่องจากนี่เป็นรีวิวทริปของเราวันที่ 4 ถ้าใครไม่ได้อ่านตั้งแต่วันแรกก็สามารถจิ้มลิงก์ด้านล่างเพื่อย้อนอ่านตอนก่อนหน้านี้กันได้นะคะ
วันที่ 4 เราจะออกตามรอยโมโมทาโร่กันค่ะ สถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือศาลเจ้าคิบิทสึ สถานที่ที่ว่ากันว่าโมโมทาโร่ได้นำหัวยักษ์ที่ถูกตัดมาไว้ที่นี่ จากนั้นเราจะไปที่ปราสาทคิโนะโจซึ่งยักษ์อาศัยอยู่ และจบทริปวันที่ 4 ด้วยการเที่ยวเมืองคุราชิกิค่ะ
คำเตือน : เนื่องจากเราขับรถไม่เป็น เราจึงเดินทางโดยรถสาธารณะที่มีและ…รถแท็กซี่ค่ะ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพง แต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายามะให้เพื่อนๆ เผื่อจะได้นำไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ *หากขับรถเป็น แนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*
สารบัญ
- 10:17~10:35 Okayama Station —> Kibitsu Station ด้วยรถไฟ Kibi Line (มุ่งหน้าไปทางเมืองโซฉะ)
- 10:50~12:00 ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine)
- 13:15~13:27 Kibitsu Station —> Soja Station
- 13:40~14:05 Soja Station —> Kinojozan Visitor Center
- 14:15~15:25 ปราสาทคิโนะโจ (Kinojo Castle)
- 16:24~16:35 Soja Station —> Kurashiki Station ด้วยรถไฟ Hakubi Line (มุ่งหน้าไปทาง Bizen-Katakami)
- 17:00 เช็กอินที่ Kurashiki Station Hotel
- 18:00~20:00 เดินเล่นที่คุราชิกิในช่วงค่ำคืน
- 20:30 กลับถึงโรงแรม Kurashiki Station Hotel
10:17~10:35 Okayama Station —> Kibitsu Station ด้วยรถไฟ Kibi Line (มุ่งหน้าไปทางเมืองโซฉะ) สู่จุดหมายปลายทางคือ ศาลเจ้าคิบิทสึ
ช่วงเวลา 10 โมงเช้านั้นเป็นเวลาที่ดีที่จะเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม Hotel AreaOne Okayama หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่สถานีโอคายามะโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที และพร้อมลุยต่อในวันที่ 4 ของทริปจังหวัดโอคายามะ วันนี้เราจะไปที่ศาลเจ้าคิบิทสึก่อนเป็นที่แรกค่ะ
จากสถานี JR โอคายามะ เราจะนั่งรถไฟสายโมโมทาโร่ไปที่สถานีคิบิทสึค่ะ
ค่าตั๋วรถไฟ
- ผู้ใหญ่ 210 เยน
- เด็ก 100 เยน
หน้าตาของรถไฟที่เราจะไปขึ้น เป็นรถไฟสีส้มพีช
ถึงแล้ว! นี่คือสถานี Kibitsu จุดหมายปลายทางของเราค่ะ
สถานีเล็กมาก แต่ได้ฟีลความเป็นญี่ปุ่นแบบในหนังเลย
จากสถานีเดินไปที่ศาลเจ้าใช้เวลาประมาณ 9 นาที เป็นระยะทาง 650 เมตร
เริ่มได้! ออกจากสถานีมาแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ
เดินไปเรื่อยๆจนสุดทาง พอเจอแยกแล้วเลี้ยวขวา
พอเลี้ยวขวาแล้วจะเห็นสะพานสีแดงและเสาโทริอิหิน ให้เดินตรงไปเรื่อยๆค่ะ
เมื่อเจอไฟแดงให้ข้ามถนนแล้วเดินตรงไป ภูเขาที่เราเห็นด้านหน้านั้นคือศาลเจ้าแล้วค่ะ
พอเดินไปจนสุดทางเราจะเจอศาลเจ้า ให้เลี้ยวซ้ายไปนิดนึง ก็จะเจอประตูทางขึ้นไปยังศาลเจ้าคิบิทสึค่ะ
10:50~12:00 ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine)
ถึงแล้ววววว! ทางเข้าจะมีที่ให้ล้างน้ำก่อน แล้วก็ขึ้นบันไดไปต่อ
จากที่เคยเล่าไปใน EP.2 เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกเรื่อง โมโมทาโร่ นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายโมโมทาโร่ที่เกิดมาจากลูกท้อ (พีช) และมีตายายคู่หนึ่งเก็บไปเลี้ยงจนเติบโต วันหนึ่งโมโมทาโร่ได้ออกไปปราบยักษ์เพื่อความสงบสุขของหมู่บ้าน ระหว่างทางเขาก็ได้ให้ขนมคิบิดังโกะแก่สัตว์ต่างๆและกลายเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปปราบยักษ์ด้วยกัน จนในที่สุดเขาและผองเพื่อนก็กำจัดยักษ์ได้สำเร็จ
ซึ่งตัวละครเอกของเรื่อง ‘โมโมทาโร่’ มีต้นแบบมาจากเทพเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้าคิบิทสึแห่งนี้นี่เองค่ะ!
ว่ากันว่าตอนที่โมโมทาโร่ไปปราบยักษ์ เขาได้ตัดหัวยักษ์ตนนั้นและนำกลับมาไว้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้
และนี่ก็คืออาคารหลักที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติค่ะ
มีอุโมงค์เอะมะ (เอะมะ หมายถึงป้ายเขียนคำอธิษฐาน) ป้ายเป็นรูปโมโมทาโร่ด้วย แก้มแดงเชียววว
ที่เสี่ยงเซียมซี แต่ละด้านจะเป็นรูปเรื่องราวของโมโมทาโร่
มีภาษาอังกฤษด้วย
จุดที่โด่งดังของที่นี่คือทางเดินที่ทอดยาวกว่า 360 เมตร สวยแบบได้ฟีลลึกลับเบาๆ
มีเครื่องรางน่ารักๆเยอะเลย แต่เขาห้ามถ่ายรูปค่ะ
เราซื้อเครื่องรางรูปลูกท้อสีชมพูมีกระดิ่งมาด้วย ตรงลูกท้อจะเห็นว่ามีรูๆอยู่ พอลองส่องดูจะเห็นโมโมทาโร่อยู่ด้านใน!! น่ารักมากก ได้โมโมทาโร่มาเป็นของตัวเองแล้วค่า ><
เราซื้อโกะชูอิน(ตราประทับของศาลเจ้า)มาด้วย อารมณ์เหมือนสะสมแสตมป์แรลลี่ศาลเจ้าญี่ปุ่น จริงๆจะมีสมุดที่สะสมโดยเฉพาะ แต่เราลืมไว้ที่ไทยก็เลยซื้อเป็นกระดาษแทน เดี๋ยวค่อยเอาไปแปะค่ะ ราคา 300 เยน
ใครสนใจเรื่องตราประทับ เราแปะลิงก์ให้ลองศึกษาดูนะคะ >>> Click Here!
จุดพีคที่เราอยากไปก็คือพิธีดูดวงด้วยการฟังเสียงยักษ์ (จริงๆคือเสียงข้าวสุกจากหม้อ) เขาเล่าขานกันว่ามีหัวของยักษ์ฝังอยู่ข้างใต้หม้อนี้จ้าาาา
ข้อมูลจากเว็บไซต์การท่องเที่ยวโอคายามะ >>> Click Here!
เดินหาอยู่นานมาก สรุปมันปิดตอนเราไปจ้า จบข่าว.. . T^T
13:15~13:27 Kibitsu Station —> Soja Station
จุดต่อไปที่เราจะไปคือปราสาทคิโนะโจ (Kinojo) เป็นสถานที่ที่ใช้เป็นโมเดลในการออกแบบที่อยู่ของยักษ์ในเรื่องโมโมทาโร่
ไปค่ะ! ไปปราบยักษ์กัน!
เราจะเดินกลับไปตามทางเดิมกับที่เรามา เพื่อไปยังสถานีคิบิทสึนะคะ
เราจะไปที่สถานีโชฉะ (Soja) สายโมโมทาโร่สีชมพู กดตั๋วไปที่ราคา 240 เยนเลยจ้า
*จุดที่เราอยู่คือ Kibitsu สีแดงตัวใหญ่ๆ จากตรงนี้ให้นั่งไปยังสถานี Soja ที่ห่างออกไป 5 สถานีค่ะ
เข้าไปนั่งรอตรงชานชาลาที่ 2 ชานชาลาเดียวกับที่เราลงตอนมาทีแรกค่ะ
รถไฟหน้าตาแบบเดิมเลย เป็นสีส้มพีช รถขบวนนี้จะมาตอนประมาณ 13.27 น.
ถึงสถานีโชฉะแล้ว
ออกจาก East Gate
มี Tourist Information แน่นอนว่าเราก็เข้าไปถามทางอีกเช่นเคย ฮ่าๆ จากตรงนี้ต้องนั่งรถแท็กซี่ (แท็กซี่อีกแล้วจ้าาาาาา) จากหน้าสถานีโซฉะไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวปราสาทคิโนะโจ (Kinojozan Visitor Center) เพื่อเดินต่อขึ้นไปที่คิโนะโจค่ะ
ก่อนจะไปคิโนะโจ เราไปหาของกินอร่อยๆกันดีกว่าค่ะ หิวมากกก
Tourist Information ให้แผนที่มาและแนะนำว่าที่เมืองโชฉะนี้ขนมปังอร่อย ดังนั้นมื้อเที่ยงเราจะไปกินขนมปังเพื่อพิสูจน์กัน!
จากสถานีโซฉะเดินไปประมาณ 130 เมตร จะเจอร้าน Bakery Tongu
ตรงข้ามร้าน Bakery Tongu เป็นบริการแท็กซี่ของเมืองนี้ เรารีบถ่ายรูปจดเบอร์ไว้ก่อนเลย เดี๋ยวจะต้องได้ใช้แน่ๆ เพราะดูทรงแล้วรถบัสก็ไม่มี รถไฟก็ไม่มี T^T
หันกลับมาที่ร้านขนมปัง คนเต็มเข้าออกไม่ขาดสาย กลิ่นหอมยั่วยวนออกมาหน้าร้านกันเลยทีเดียวววว ขนมปังมีให้เลือกหลากหลายแบบเลยค่ะ ถ้าดูไม่ผิดราคาจะเริ่มตั้งแต่ 120 เยนขึ้นไปค่ะ
เราเลือกเป็นขนมปังไส้หมูทอด ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดมันคือ หมูทอดดดดดดด!
อีกอันเป็นไส้คอร์นเฟลกกับช็อกโกแลต ทั้งสองไส้ขนมปังนุ่มหอมมากๆๆๆๆ เนื้อแน่นครีมนัวแซ่บมาก
ป.ล. ไม่รู้ราคาเพราะเพื่อนจ่าย ฮ่าๆ
ใกล้ๆกับสถานีก็มีร้านพิซซ่าค่ะ
กินขนมปังไปแค่ 2 อันแต่อิ่มจุกมากๆ เราก็เดินกลับมาที่จุดขึ้นรถแท็กซี่หน้าสถานีไปที่ Kinojozan Visitor Center
13:40~14:05 Soja Station —> Kinojozan Visitor Center
ถึงที่หมายในราคา 2,740 เยน คุณลุงคนขับแท็กซี่ใจดีมาก ถามว่าจะกลับไปสถานียังไง ถ้าเราขึ้นไปเดินเล่นถ่ายรูปแล้วเดินกลับมาแบบใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เขารอได้นะ ไม่คิดค่ารอ เราก็บอกเขาไปแบบเกรงใจว่า “OK please … โอเนะไกอิตะชิมัส” (คิดในใจว่าได้โปรดรอหนูด้วย ไม่งั้นหนูต้องขอให้พนักงานโทรไปเรียกแท็กซี่อี๊กกก รักลุงงงง ขอบคุณค่ะ)
ก่อนเดินขึ้นไปที่ปราสาท เราก็ไปเดินดูศูนย์บริการนักท่องเที่ยวปราสาทคิโนะโจ ด้านในจะมีโมเดลของปราสาทและประวัติต่างๆ มีที่ให้นั่งพัก ห้องน้ำ ตู้กดน้ำ ล็อกเกอร์เก็บของ
ใกล้ๆจุดสตาร์ทมีไม้ค้ำให้ยืมด้วย
ทางเดินขึ้นไปไม่ขรุขระ เดินสบายๆ ค่อยๆเดินขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีก็จะถึงจุดชมวิว
14:15~15:25 ปราสาทคิโนะโจ (Kinojo Castle)
ดูไกลๆจากจุดชมวิว สวยอลังการมากกกก
ถึงป้อมประตูฝั่งตะวันตกแล้วค่ะ
สวยงามสมกับที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
ด้านหน้าประตูทิศตะวันตกของปราสาท
ที่นี่มีแนวกำแพงกั้นยาวประมาณ 2.8 กิโลเมตร ซึ่งทอดยาวไปตามแนวเขา แนวกำแพงนี้จะเชื่อมต่อกับประตูที่ตั้งอยู่ตามทิศต่างๆ
ข้อเสียของการมาเที่ยวช่วงฤดูร้อนคือร้อนจนเหงื่อแตก แต่ข้อดีคือวิวสวย ต้นไม้ ภูเขาเขียวๆ ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าคราม
เดินถ่ายรูปเล่นชมที่อยู่ของยักษ์อยู่ประมาณเกือบชั่วโมง เราก็ลงมาหาคุณลุงแท็กซี่ที่รออยู่ แล้วเราก็นั่งรถกลับไปที่สถานีโซฉะ
*หากใครไม่มีรถกลับ คิดว่าสามารถขอให้ทางศูนย์โทรเรียกแท็กซี่ให้ได้นะคะ
16:24~16:35 Soja Station —> Kurashiki Station ด้วยรถไฟ Hakubi Line (มุ่งหน้าไปทาง Bizen-Katakami)
จากสถานีโซฉะ เราก็ซื้อตั๋วราคา 240 เยนเพื่อไปยังสถานีคุราชิกิ (Kurashiki Station)
ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาเบอร์ 2
นั่งไปแค่ 3 สถานี เราก็มาถึงเมืองคุราชิกิแล้วค่า โรงแรมที่เราจะพักในคืนนี้มีชื่อว่า Kurashiki Station Hotel ซึ่งต้องออกทางประตู South Exit แต่เราจะออกไปสำรวจฝั่ง North Exit กันก่อนค่ะ
จากฝั่งทางออกทิศเหนือ พอออกมาเราก็จะเจอกับหอนาฬิกา เมื่อมองไปด้านหลังจะเห็นป้ายห้าง Ario
เข้าไปด้านใน Ario ก็จะมีร้านอาหาร ร้างรวงต่างๆ เช่น ร้านขายสินค้าของโชเน็นจัมป์ ร้านรองเท้า ABC-MART
ด้านหลัง Ario ก็จะมี Mitsui Outlet เดินตามป้ายไปเรื่อยๆก็จะมาโผล่ตรงทางเชื่อม
ไม่ได้ถ่ายรูปแต่ละร้านมานะคะ เขาไม่ให้ถ่าย ฝนก็ตกด้วย T^T
ประมาณ 17.00 น. เราก็เดินกลับไปที่สถานีคุราชิกิแล้วออกไปทางประตูทิศใต้ เพื่อจะไปที่ Kurashiki Station Hotel ซึ่งเราจะพักกันในคืนนี้
ฝั่งทิศใต้จะเป็นฝั่งที่มี Tourist Information Center มีสถานีรถบัส และเป็นฝั่งที่มีเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) ซึ่งเป็นจุดต่อไปที่เราจะไปเที่ยวกันค่ะ
จากสถานีเดินมา 350 เมตร ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ถึงโรงแรม Kurashiki Station Hotel
17:00 เช็กอิน Kurashiki Station Hotel
ห้องเล็กตามสไตล์บิสสิเนสโฮเทลอีกเช่นเคย ราคาคืนละ 1,490 บาท เหตุผลที่เลือกก็เหมือนเดิมเลยค่ะ เพราะว่าอยู่ใกล้สถานี เดินทางสะดวก (ที่ชั้น 6 และชั้น 8 มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ)
ด้านล่างชั้นใต้ดินของโรงแรมมีร้านอาหารญี่ปุ่น มื้อเย็นเราก็เลยทานที่นี่ ข้างๆร้านมีเซเว่นอยู่ติดกันเลยค่ะ
*หากมาพักที่โรงแรมนี้ ชื่อโรงแรมจะเห็นชัดอยู่ด้านบนตึก แต่ทางเข้าโรงแรมจะอยู่ในซอยข้างๆ ส่วนด้านหน้าตึกจะเป็นป้ายร้านอาหาร
หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็ไปเดินย่อยอาหาร โดยมุ่งหน้าไปที่เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) เพื่อชมวิวตอนกลางคืน ที่นี่อยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 750 เมตร ระหว่างทางที่เดินไป เราก็ผ่านย่านที่มีร้านขายชื่อว่า Kurashiki Ebisu ด้วยค่ะ
ย่านชอปปิ้งนี้จะทอดยาวไปจนถึงโซนของเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคังเลย
18:00~20:00 เดินเล่นที่คุราชิกิในช่วงค่ำคืน
มาถึงพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกพอดีค่ะ
ร้านรวงเริ่มเปิดไฟ
เขาบอกว่ามีไลท์อัพด้วย เราก็นึกว่าจะเปิดไฟประดับเยอะๆ แต่จริงๆคือเปิดแค่โคมไฟนั่นเองจ้าาา แต่ก็สวยดีนะ
20:30 กลับถึงโรงแรม Kurashiki Station Hotel
เราเดินกลับจากคุราชิกิไปยังที่พัก ใช้เวลาประมาณ 9 นาทีค่ะ
จบวันที่ 4 ของทริปโอคายามะแล้วค่ะ! อย่าลืมติดตามต่อวันที่ 5 น๊า~
อ่านบทความเรื่องทริปโอคายามะตอนอื่นๆ จาก Mayry Go Round
ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.1 : หมู่บ้านฟุกิยะ
ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.2 : ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ
ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.3 : ปราสาทโอคายามะ
ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.5 : โคจิมะ เมืองแห่งยีนส์
ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.6 : ทะเลเซโตะ เรืองแสงได้ด้วยนะ
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ