fbpx

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.3 : ปราสาทโอคายามะ

ก.พ. 11, 2021

ไปหาน้องซาลาแมนเดอร์ยักษ์ ต่อด้วยชิมองุ่นหวานฉ่ำ แล้วจบที่ ‘ปราสาทโอคายามะ’ กันเถอะ!

ปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ‘ปราสาทอีกาดำ’ จะมีความสวยงามน่าชมแค่ไหน เราจะมารีวิวให้ทุกคนฟังเองค่ะ~

แผนการเดินทางวันที่ 3 แบบสั้นๆคือวันนี้จะไปดูซาลาแมนเดอร์ยักษ์!! เก็บผลไม้ เดินชิลล์ชมสวนโคราคุเอ็น สวนสวย Top 3 ของญี่ปุ่น เที่ยวปราสาทโอคายามะซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริปวันนี้ ปิดท้ายด้วยการช้อปที่ดองกี้

*คำเตือน : เนื่องจากเราขับรถไม่เป็น เราจึงเดินทางโดยรถสาธารณะที่มีและ…รถแท็กซี่ค่ะ ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพง แต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายามะให้เพื่อนๆ เผื่อจะได้เอาไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ

*หากขับรถเป็นแนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*

และเนื่องจากนี่เป็นรีวิวทริปของเราในวันที่ 3 ถ้าใครไม่ได้อ่านตั้งแต่วันแรกก็จิ้มลิงก์ด้านล่างกันก่อนนะ

แผนการเดินทาง DAY 3 : ไป ‘ปราสาทโอคายามะ’ กันเถอะ!

โอฮาโย โกไซมัส … เราตื่นเข้ามาตอนเวลาประมาณ 7.30 น. อาหารเช้าของ Yukai Resort Yubaraonsen Terunoyu ที่เราพักเมื่อคืนจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ มีข้าวต้ม ขนมปัง ขนมจีบ นักเก็ตไก่ ไข่ดาว ฯลฯ

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก่อนเช็กเอาต์เราจะไปเที่ยวกันที่ Hanzaki Center ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ซาลาแมนเดอร์ยักษ์!

จากโรงแรม Yukai Resort Yubaraonsen Terunoyu ที่เราพักสามารถเดินไปได้ประมาณ 2 นาทีค่ะ

08:00 Hanzaki Center : ก่อนไป ‘ปราสาทโอคายามะ’ ขอแวะมาหาน้องซาลาแมนเดอร์ยักษ์สักหน่อย


เข้าไปไม่คิดว่าจะมีตัวจริงอยู่ นึกว่ามีแต่ภาพให้ดู พอเจอปุ๊บถึงกับช็อก… เพราะว่าน้องตัวใหญ่มากกก ใหญ่ยักษ์จริงๆ!! น้องตัวนี้ความยาวประมาณเมตรกว่าๆค่ะ

*Japanese Giant Salamander
ภาษาญี่ปุ่น = โอซานโชอูโอ, ฮันซากิ


ตอนเราไปถึงพนักงานกำลังล้างตู้อยู่พอดี (น้องตัวใหญ่กว่าขาคนล้างอีก T^T) ที่ห้องนี้จะมีตัวใหญ่ประมาณ 3 ตัวค่ะ

ด้านในจะมีรูปบอกเล่าเรื่องราวว่าเจอน้องแถวแม่น้ำใกล้ๆนี้  น้องอาศัยอยู่ได้แค่ในแหล่งน้ำที่สะอาดเท่านั้น และกินปลากับสัตว์เล็กในแม่น้ำเป็นอาหาร

เดินไปเจอตัวที่ตายแล้วดองไว้ เพราะว่าเป็นตัวที่มีขนาดใหญ่ยักษ์มากกกก ประมาณ 163 ซม. (เทียบกับความสูงเราแล้ว น้องสูงกว่าเราอีกกก)

ด้านหลังมีศาลเจ้าเล็กๆ เจ้าหน้าที่บอกว่านี่คือศาลเจ้าซาลาแมนเดอร์ยักษ์ มีป้ายเขียนอธิบายไว้ว่า…อืมมม…เป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ อ่านไม่ออก ขอข้ามไปนะคะ 55555

09:00 เช็กเอาท์จากโรงแรม Yukai Resort Yubaraonsen Terunoyu

ประมาณ 9.00 น. เราก็กลับมาเช็กเอาต์ที่โรงแรม และโปรแกรมต่อไปของเราก็คือ เก็บผลไม้ที่ฟาร์มโทโมมิเอ็น (Tomomien Fruit Farm)

เราออกไปรอรถ Maniwakun (Hiruzen-Kuse Route) สีเขียวคันดีคันเดิม รถจะมารับที่หน้าทางเข้าโรงแรม บริเวณที่จอดรถค่ะ

09:21~10:00 Yubara —> Chugoku-Katsuyama Station โดยรถบัส Maniwakun Hiruzen-Kuse Route

รถบัสจะมาตอนประมาณ 9.20 น. เพื่อกลับไปที่สถานีชูโกกุ-คัตสึยามะ (Chugoku-Katsuyama Station)

*ขออนุญาตแปะรูปเดิมนะคะ พอดีรีบขึ้นรถเลยไม่ได้ถ่าย

จากสถานีชูโกกุ-คัตสึยามะ (Chugoku-Katsuyama Station) ให้ซื้อตั๋วรถไฟไปที่สถานีโอคายามะ (Okayama)

10:10~11.59 Katsuyama —> Okayama Station ทางออกทิศตะวันออก

จากสถานีโอคายามะ ให้ออกตรงทางออกทิศตะวันออกค่ะ พอออกมาก็จะเจอกับ…โมโมทาโร่และสหาย!! (ในที่สุดเราก็เจอน้องแล้ววววว)

เราจะเล่าเรื่องย่อนิทานโมโมทาโร่นะคะ เพื่อใครไม่รู้จัก จุดเริ่มต้นของเรื่องคือวันหนึ่งมีลูกท้อลูกใหญ่ลอยมาตามลำธาร ผ่านคุณยายที่กำลังซักผ้าอยู่ คุณยายเห็นเข้าก็เลยเก็บกลับบ้านเพื่อจะเอามากิน หลังจากคุณตากลับมาบ้าน ทั้งคู่ก็ผ่าลูกท้อดู ปรากฏว่ามีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักอยู่ข้างในลูกท้อ ตายายที่อยู่กันตามลำพังเหงาๆสองคนจึงดีใจมาก คิดว่าสวรรค์ประทานเด็กมาให้แน่ๆ เลยเลี้ยงดูและตั้งชื่อเด็กน้อยว่า ‘โมโมทาโร่’ หรือ ‘เด็กชายลูกท้อ’ (โมโมะ หมายถึงลูกท้อ ส่วนทาโร่เป็นชื่อที่นิยมใช้กับเด็กผู้ชายชาวญี่ปุ่น)

โมโมทาโร่เติบโตขึ้นเป็นเด็กดี มีน้ำใจ ที่สำคัญคือมีพละกำลังมหาศาล วันหนึ่งมีข่าวว่ามียักษ์มารังควานที่หมู่บ้าน เด็กชายจึงอาสาออกไปปราบ ระหว่างการเดินทางเขาก็ได้เจอกับสุนัข ลิง และนก โมโมทาโร่ให้ขนมคิบิดังโงะกับสัตว์ต่างๆเพื่อให้เดินทางไปด้วยกัน สุดท้ายเขาก็เอาชนะยักษ์และตัดหัวของมันได้สำเร็จ และบ้านเกิดของโมโมทาโร่ก็คือ ‘จังหวัดโอคายาม่า’ นี่เองค่าาาาา

วันนี้เราจองโรงแรมไว้ที่ Hotel AreaOne Okayama จากสถานีให้ไปที่ทางออกทิศตะวันออก แล้วเดินไปที่โรงแรมโดยใช้เวลาประมาณ 6 นาที แวะไปฝากกระเป๋าทิ้งไว้ก่อน

*สำหรับใครที่พักโรงแรมไกลจากสถานีหรือไม่อยากเดินเยอะ ก็สามารถฝากกระเป๋าตามตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญในสถานีได้ค่ะ ราคาจะขึ้นอยู่กับไซส์ของตู้ล็อกเกอร์ ประมาณ 300 – 500 เยน

ฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะไปทัวร์กินผลไม้ เราก็ไปหาข้าวกลางวันกินซะก่อน เราเดินซอกแซกอย่างไร้จุดหมายจนไปเจอร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Yamato จากโรงแรมเดินไปประมาณ 15 นาทีค่ะ

เมนูไม่มีภาษาอังกฤษ แต่ว่ามีรูปให้จิ้มค่ะ เมนูจะมีเป็นโซบะ ข้าวผัด ทงคัตสึ แกงกะหรี่
 
เราสั่งโซบะกับข้าวหมูทอดมาค่ะ

โซบะน้ำข้นปานกลาง รสชาติกำลังดี หมูละลายในปาก ราคา 730 เยน ผ่าน!

ส่วนข้าวหมูทอดนั้น หมูก็กรอบนอกนุ่มใน ซอสหวานเปรี้ยวหน่อยๆ เข้ากันดี ข้าวนุ่มมาก สรุปสั้นๆเลยว่าอร่อย! ราคา 780 เยนค่ะ
อิ่มแล้วก็ไปลุยกันต่อเลยค่ะ!! .. จากบริเวณสถานีโอคายามะ ให้นั่งรถแท็กซี่ไปที่ฟาร์มโทโมมิเอ็น (Tomomien Fruit Farm) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคา 5,140 เยน

อย่างที่บอกว่าเรามาตามหาโมโมทาโร่ ดังนั้นถ้าจะให้เข้าธีมก็ต้องไปเก็บลูกพีช(ลูกท้อ)ด้วยสิ!  จังหวัดโอคายามะเป็นจังหวัดที่มีองุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคทปลูกเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งองุ่นสายพันธุ์นี้ได้ฉายาว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ลูกใหญ่อลังการ หวานฉ่ำเลื่องชื่อ แต่เราจะไปกินพีชกันค่ะ ฮ่าๆๆ

12:32~13:10 Okayama Station —> Tomomien Fruit Farm

มาถึงแล้ว! แต่เอ๊ะ…เรามาถูกไหมนะ? ที่นี่ที่ไหน? เรามองไปเห็นเป็นลานจอดรถโล่งๆ มีทุ่งนา ใกล้ที่จอดรถมีเต็นท์พนักงานอยู่ เราเดินเข้าไป Say hi แต่แล้วก็ต้องอกหักฝันสลาย เพราะช่วงที่เราไปเป็นช่วงต้นเดือนกันยายน พีชหมดพอดี และองุ่นพันธุ์ไชน์ มัสแคทก็ยังไม่โตเต็มที่ เจ้าหน้าที่เลยแนะนำให้ไปเก็บองุ่นพันธุ์พิโอเน่แทนค่ะ เพราะองุ่นพันธุ์นี้กำลังโตเต็มที่ รสก็หวานอร่อยไม่แพ้กัน

ปฏิทินผลไม้ขึ้นชื่อในโอคายามะนั้น นอกจากองุ่นก็มีพีชและสตรอว์เบอร์รี ขอแปะไว้ให้เพื่อนๆเพื่อกันพลาดแบบเรา ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ผลไม้จะออกผลนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยนะคะ

วิธีเก็บและราคาของแต่ละฟาร์มจะต่างกัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วยนะคะ สำหรับที่นี่จะเป็นดังนี้ค่ะ

ราคาองุ่นพันธุ์พิโอเน่

    • เก็บองุ่น 1 พวง + ทานองุ่นประมาณ 20 เม็ด  ราคา 2,100 เยน (จองล่วงหน้า 1,900 เยน)
    • เก็บองุ่นอย่างเดียว 1 พวง ราคา 1,500 เยน (จองล่วงหน้า 1,300 เยน)
    • ทานองุ่น 20 เม็ด ราคา 750 เยน (จองล่วงหน้า 700 เยน)

เราเลือกแบบที่ 1 คือเก็บด้วยและนั่งทานด้วย พอจ่ายตังเรียบร้อยเราได้องุ่นมา 1 พวง น่าจะประมาณ 20 เม็ดกว่าๆ เห็นน้อยแบบนี้นึกว่าจะไม่อิ่ม แต่พอกินจริงๆจุกมากค่ะ เพราะว่าลูกมันใหญ่มาก! เรากินองุ่นแบบไม่ปอกเปลือก คนญี่ปุ่นข้างๆเลยสะกิดบอกว่า “ปอกเปลือกก่อนสิ หวานกว่านะ” ขนาดไม่ปอกยังหวานเลย พอลองปอกแล้วหวานบาดคอมาก!!

13:30~14:30 Tomomien Fruit Farm ชิมองุ่นพันธุ์พิโอเน่ 20 เม็ด


ทานเสร็จคุณยายก็เดินนำเราไปยังที่เก็บองุ่น คุณยายอธิบายว่าเราสามารถเลือกได้ 1 พวง ถ้าเจอพวงที่ถูกใจให้เอามือข้างหนึ่งจับพวงองุ่นเพื่อรองไว้ อย่าให้ร่วง อีกมือถือกรรไกรตัดฉับ แล้วเอาใส่กล่องกลับบ้านได้เลย

หลังจากที่เดินวนหาสักพัก เราก็ได้พวงที่ใหญ่มหึมา ถูกใจใช่เลย! ตอนตัดเกือบหล่นเพราะหนักมาก น่าจะเกือบกิโลได้ค่ะ แนะนำว่าให้จับดีๆนะ



เดินผ่านองุ่นพันธุ์ไชมัสแคท ราชาแห่งผลไม้ แอบไปส่องดูก็คิดในใจว่า “เดี๋ยว! นี่คือยังไม่โตพร้อมที่จะกินเหรอ แค่นี้ก็ใหญ่แล้วนะเว้ย!”

หลังจากเก็บเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราแวะไปที่ร้านค้าของฟาร์ม จากฟาร์มต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 5 นาที

ที่ร้านค้ามีผลไม้ขายเหมือนกัน แต่ละแพ็คก็ลูกใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น เรียกได้ว่าคัดสรรมาอย่างดี นอกจากนี้ก็มีไวน์ ขนม ของฝากจากโอคายามะ และมีซอฟต์ครีมด้วยล่ะ! ไม่ได้กินพีชที่ฟาร์มก็ซื้อซอฟต์ครีมพีชกินก็ได้ ฮืออ ฟินหอมมม

จากร้านค้าเราจะไปต่อกันที่สวนซึ่งติดอันดับสวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น นั่นก็คือสวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden) จากนั้นก็จะไปต่อที่ปราสาทโอคายามะซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสวนค่ะ จากที่นี่นั่งรถแท็กซี่ไปสวนโคราคุเอ็นจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคา 5,500 เยน

16:10~18:10 ปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle) / (เข้าได้ถึง 17:00 น.) : สวนโคราคุเอ็นแห่งโอคายามะ (Okayama Korakuen Garden)

สวนโคราคุเอ็น (Okayama Korakuen Garden)

    • ตั๋วเข้าเฉพาะสวนโคราคุเอ็น ราคา 400 เยน
    • ตั๋วสำหรับเข้าสวนโคราคุเอ็นและปราสาทโอคายามะ ราคา 560 เยนค่ะ

ตรงทางเข้ามีคู่มือเป็นภาษาอังกฤษแจกด้วยนะ หรือใครอยากได้ภาษาจีน เกาหลี ฝรั่งเศส ก็จัดไปปป

จากทางเข้า ถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายจะเจอกับนกกระสา เป็นนกที่เลี้ยงไว้ในสวน จะมีปล่อยออกไปที่สวนบ้างเป็นบางวัน

สวนสวยสมคำร่ำลือจริงๆ

จากสวนสามารถมองเห็นปราสาทโอคายามะได้ด้วย

ตรงพื้นที่นี้ส่วนใหญ่จะปลูกดอกไม้ ข้าว ฯลฯ แล้วแต่ฤดูกาลค่ะ ส่วนเราไปต้นเดือนกันยายนจะเป็นช่วงปลูกข้าวค่ะ ด้านหลังที่เห็นสีเขียวเข้มๆคือต้นชาเขียว

มีร้านชาให้นั่งพักดื่มชาชมวิวด้วย

โซนต้นซากุระกว้างมาก ที่สวนนี้จะสวยทุกฤดู แต่ที่นิยมสุดๆจะเป็นช่วงซากุระกับใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ (เดี๋ยวเรามาใหม่ ฮ่าๆ)

ก่อนจะถึงทางออกฝั่งที่ใกล้กับปราสาท มีร้านขายของที่ระลึกด้วยค่ะ

จากสวนโคราคุเอ็นเราสามารถเดินข้ามสะพานเหล็กไปที่ปราสาทได้ (ไม่ใช่สะพานเหล็กที่ไทยนะ ฮ่าๆ)

ที่แม่น้ำเราสามารถปั่นเรือเป็ดหรือเรือลูกพีชชมวิวชิลล์ๆรอบปราสาทโอคายามะได้ค่ะ  (ราคานี่เราไม่ได้เดินไปดู ขอโทษด้วยนะคะ)


เดินเล่นในสวนเพลินไปหน่อย กว่าจะมาถึงปราสาทโอคายามะก็เกือบ 16.45 น. แล้วค่ะ รีบจ้ำเลยยย เพราะปราสาทปิด 17.30 น.
เนื่องด้วยสีดำของตัวปราสาท คนจึงเรียกที่นี่กันว่า ‘ปราสาทอีกาดำ’!!

ค่าเข้าปราสาทโอคายามะอย่างเดียวราคา 300 เยนค่ะ แต่เนื่องจากเมื่อกี้เราซื้อแบบเป็นเซ็ตรวมกับสวนโคราคุเอ็น เราเลยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าอีก สามารถเข้าไปได้เลย

พอเข้ามาด้านในจะมีจุดให้ถ่ายรูปแบบ 3D อยู่หลายจุด และแล้วเราก็เจอโมโมทาโร่!! โผล่ออกมาจากลูกพีชชชช

ซามูไรก็มา

ข้างในจะมีบอกเล่าประวัติต่างๆ มีชุดซามูไรให้ชม

ขึ้นมาชมวิวที่ชั้นบนสุด จากมุมนี้เราสามารถมองเห็นสวนโคราคุเอ็นได้


พอดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์เสร็จ เราก็ไปร้านขายของที่ระลึกที่ชื่อว่า Okayama Prefectural Local Products Center จากปราสาทเดินประมาณ 10 นาที

ตรงนี้จะเป็นโซนที่มีร้านค้าคาเฟ่ให้เราได้เดินช้อปกินดื่มเหมือนกันค่ะ

ด้านหน้าร้าน Okayama Prefectural Local Products Center

ด้านในมี 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นพวกของที่สามารถทานได้ รวมถึงพวงกุญแจ ตุ๊กตา กระเป๋า ส่วนชั้น 2 จะเป็นของตั้งโชว์ บิเซ็นยากิหรือเครื่องปั้นดินเผา หน้ากากและของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าชื่อดังในแต่ละเมืองของจังหวัดโอคายามะทั้งนั้นเลย

เราซื้อเครื่องปั้นดินเผาเล็กๆเป็นเซ็ตรูปโมโมทาโร่ ซื้อมาทั้งเซ็ต อันละ 600 เยน ตอนแรกนึกว่าเป็นที่ทับกระดาษหรือตั้งโชว์เฉยๆ คุณลุงที่ขายของบอกว่าให้เอาไปใส่ในน้ำดื่มหรือหม้อหุ้งข้าว รสชาติจะอร่อยขึ้น!! (จริงหรือเปล่าไม่รู้นะ.. ยังไม่กล้าลองเลย ฮ่าๆ)

ช้อปที่ร้านขายของโอคายามะเสร็จเราก็จะไปช้อปที่ดองกี้ต่อ ระหว่างทางไปเราก็พับกบ…เอ๊ย! พบกับ…โมโมทาโร่ดับเพลิง ลูกพีช โมโมทาโร่และพ้องเพื่อน โมโมทาโร่เต็มไปหมดดด น่ารักกก

จากร้าน Okayama Prefectural Local Products Center  เราเดินมาดองกิโฮเต้ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีโอคายามะ ใช้เวลาประมาณ 14 นาที

18:30~18:38 ดองกี้หน้าสถานีโอคายามะ


อาหารเย็นวันนี้ฝากไว้ที่ดองกิโฮเต้ เอ้ เอ้ เอ้…ค่าาา เดินอยู่นานมากเพราะของเยอะมากๆ มีตั้งแต่ของกิน ขนมญี่ปุ่น ขนมต่างชาติ เยอะแยะตาลายไปหมด เราซื้ออิชิรันราเมนแบบซองมาลองกินค่ะ ราคา 371 เยน อร่อยดี

ของแบรนด์เนมที่นี่ก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะค่ะ เอาเป็นว่าใครขาดเหลืออะไร ที่นี่มีทุกอย่างงงง

จากดองกิโฮเต้เดินไปโรงแรม Hotel AreaOne Okayama ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีค่ะ ตรงข้ามโรงแรมจะมี Aeon Mall ด้วย ใหญ่มากๆ แต่เราเดินเพลินที่ดองกี้ไปจนดึก แล้วก็พบว่าอิออนปิดจ้า…กลับโรงแรมนอนดีกว่า

19:00 เช็กอินที่ Hotel AreaOne Okayama


ทางเข้าหน้าโรงแรม Hotel AreaOne Okayama ห้องค่อนข้างแคบตามสไตล์บิสสิเนสโฮเทล สะอาด พนักงานบริการดี และที่สำคัญเดินทางสะดวกมากๆเพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้แหล่งชอปปิ้ง คืนละ 1,800 เยน แนะนำเลยค่า!

จบวันที่ 3 ค่ะ ส่วนวันที่ 4 เราจะไปตามรอยโมโมทาโร่กันค่ะ ที่แรกคือศาลเจ้าคิบิตสึ สถานที่ที่ว่ากันว่าโมโมทาโร่ได้นำหัวยักษ์ที่ถูกตัดมาไว้ที่นี่ จากนั้นก็จะไปกันที่ปราสาทคิโนะโจที่ซึ่งยักษ์อาศัยอยู่ และปิดท้ายกันที่เมืองคุราชิกิ

อ่านบทความเรื่องทริปโอคายามะตอนอื่นๆ จาก Mayry Go Round

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.1 : หมู่บ้านฟุกิยะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.2 : ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.4 : ศาลเจ้าคิบิทสึ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.5 : โคจิมะ เมืองแห่งยีนส์

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.6 : ทะเลเซโตะ เรืองแสงได้ด้วยนะ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

 

Back To Top