fbpx

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.1 : หมู่บ้านฟุกิยะ

ก.พ. 02, 2021

หมู่บ้านฟุกิยะ สัมผัสบรรยากาศย้อนยุค ณ บ้านเกิดของโมโมทาโร่

หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น หลายๆคนก็คงจะเลือกไปเที่ยวตามเมืองใหญ่ๆดังๆกันใช่ไหมล่ะ และไม่รู้ว่าเพื่อนๆรู้จักจังหวัดโอคายามะกันบ้างหรือเปล่าคะ

จังหวัดโอคายามะ (Okayama) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) ของประเทศญี่ปุ่นค่ะ เหตุผลที่เลือกไปจังหวัดนี้ก็เพราะว่าเรากำลังหาที่เที่ยวอยู่ แล้วหลานของเรากำลังดูการ์ตูน ‘โมโมทาโร่’ อยู่ข้างๆ ดูแล้วน่าสนใจดี ก็เลยค้นหาข้อมูลและเจอว่าบ้านของน้องโมโมทาโร่อยู่ที่จังหวัดโอคายามะ เราคิดว่าเป็นจังหวัดที่ยังไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวมากนัก ก็เลยว่าจะไปตามหาน้องกันค่ะ  >////<

หลังจากไปมาแล้ว เราก็คิดว่าทริปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ไม่มากก็น้อย เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังกันค่ะ

อธิบายคร่าวๆก่อนนะคะ ทริปนี้เราไปเที่ยวแบบเน้นที่จังหวัดโอคายามะโดยใช้เวลาประมาณ 6 วันค่ะ การเดินทางภายในจังหวัดสำหรับคนขับรถไม่เป็นแบบเราก็จะยากหน่อย ซึ่งขนส่งสาธารณะภายในโอคายามะก็จะมีตั้งแต่รถไฟชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถเมล์ เรือ รถแท็กซี่ (นั่งทุกอย่างที่มี ฮ่าๆ)

    • ป.ล. 1 เนื่องจากเราขับรถไม่เป็น วิธีเดินทางจึงเน้นไปที่การโดยสารรถสาธาระทั้งหมดที่มีและ…รถแท็กซี่ค่ะ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพง แต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายามะให้เพื่อนๆ เผื่อจะได้เอาไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ *หากขับรถเป็นแนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*
    • ป.ล. 2 เราไปมาช่วงเดือนกันยายนปี 2019 ค่ะ ดองไว้เพิ่งได้มาลงช่วงนี้ เก็บตัวอยู่บ้านว่างๆเลยมานั่งเขียน ><

แผนการเดินทาง DAY 1 : ไป ‘หมู่บ้านฟุกิยะ’ กันเถอะ!

00:50 ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ (TG648)
8:00 ถึงสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะ
9:30~9:45 ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะ —> ฮากาตะ
9:47~11:34 ฮากาตะ —> โอคายามะ บ้านเกิดโมโมทาโร่
12:04~12:40 Okayama Station ทางทิศตะวันออก —> บิทจูทาคาฮาชิ (Bitchu Takahashi)
12:55 ฝากกระเป๋าที่โรงแรม Takahashi Kokusai Hotel
13:30~18:00 เดินเล่นที่บิทจูทาคาฮาชิ และ ‘หมู่บ้านฟุกิยะ’ (Fukiya Furusato Village)
18:30 เช็กอินที่โรงแรม Takahashi Kokusai Hotel
19:30~20:30 ชิมยากิโซบะมะเขือเทศ ที่ร้าน Gomangoku

 

08.00 น. ถึงสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) 

จากไทยไม่มีเที่ยวบินตรงมาลงที่โอคายามะค่ะ เราสามารถเลือกลงสนามบินใกล้เคียงได้ นั่นก็คือสนามบินคันไซ (Kansai International Airport) หรือสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) เราเลือกมาลงที่ฟุกุโอกะ เนื่องจากคำนวณเวลาการเดินทางต่างๆแล้วคิดว่าใกล้กว่า แต่หากใครอยากเที่ยวโอซาก้าด้วย แนะนำว่าไปลงสนามบินคันไซจะดีกว่าค่ะ

สำหรับสายการบินก็จะมี AirAsia X ตั๋วไป-กลับ ราคาตั๋วจะมีตั้งแต่ประมาณ 6,000 บาทขึ้นไปค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ฤดูกาลที่เพื่อนๆเลือกไป ลองใช้ Skyscanner หาราคาตั๋วที่ถูกใจกันดูนะคะ ส่วนของเรารอบนี้เราบินโดยการบินไทยค่ะ ตั๋วไป-กลับก็ประมาณ 15,000 บาท

Back To Index

9:30~9:45 ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะ —> ฮากาตะ

หลังจากรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอออกมาปุ๊ปเราก็มองหาป้าย Shuttle Bus แล้วก็เดินไปตามลูกศรเลยค่า

เดินไปประมาณ 5 นาทีก็เจอรถมาจอดรออยู่แล้วค่ะ ข้างๆเขียนว่า Shuttle bus [INT’L <-> Domestic, Subway for Fukuokakuko Station] กระโดดขึ้นไปโลด!!

Back To Index

9:47~11:34 ฮากาตะ —> โอคายามะ : ไป ‘หมู่บ้านฟุกิยะ’ กันเถอะ!

นั่งไปประมาณ 10 นาที รถก็จะมาจอดที่หน้าสถานี Fukuoka Airport K13 ค่ะ

จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วรถไฟจาก Fukuoka Airport K13 ไปสถานีฮากาตะ (Hakata Station) K11  

ค่าตั๋ว

  • ผู้ใหญ่ 260 เยน 
  • เด็ก 130 เยน


ที่ตู้กดเราสามารถเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษได้ค่ะ หลังจากได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้วก็ลงไปรอรถไฟที่ชานชาลากันค่า

หากไม่รู้ว่าจะต้องนั่งไปฝั่งไหน สามารถดูได้ที่เสาน่ารักๆต้นนี้ได้เลย ของเราไปรอตรงชานชาลาที่ 1 ค่ะ (จริงๆคือมันสุดสายแล้ว ฮ่าๆ)

จาก K13 ก็นั่งย้อนไปที่ฝั่ง K11 ค่ะ

รถไฟมาถึงที่ K13 ในเวลาประมาณ 09.09 น. และจะไปถึงที่ K 11 ตอน 09.14 น.

พอถึงสถานีฮากาตะ K11 แล้วเราก็มุ่งหน้าหาป้ายชินคันเซ็นกันต่อเลยค่า

สำหรับใครที่ลืมแลกเงินมา พอออกจากสถานี K11 ปุ๊ปก็จะเจอ Exchangers เลยค่ะ

เดินตามป้ายไปเรื่อยๆก็จะโผล่ขึ้นมาด้านบนค่ะ รีบวิ่งไปซื้อตั๋วชินคันเซ็นกันต่อเลย บอกพนักงานว่า “ไปโอคายามะเที่ยวที่เร็วที่สุด!” และเขาก็จัดมาให้ค่ะ ได้เที่ยว Nozomi18  ออกเดินทางตอน 9.36 น. มาครอบครอง

จากฟุกุโอกะไปโอคายามะ ราคา 11,880 เยน เป็นแบบ Non-reserve ค่ะ หากใครกลัวว่าจองแบบนี้แล้วจะไม่มีที่นั่งก็สามารถจองแบบเลือกที่นั่งได้นะ ราคาจะเพิ่มไปอีกประมาณ 630 เยนค่ะ

หลังจากเสียบตั๋วเข้ามาแล้ว เราก็มองหาคำว่า ‘Nozomi 18 9:36’ จากนั้นก็เดินตามป้าย (อีกแล้วจ้า) เดินไปเรื่อยๆเลยค่ะ แล้วไปรอที่ชานชาลาเบอร์ 13

และนี่ก็คือโฉมหน้าของชินคันเซ็น Nozomi 18 ที่เราจะนั่งไปโอคายามะกันค่า!!

สำหรับตั๋วแบบ Non-reserve หากใครไม่มั่นใจว่าสามารถนั่งได้ที่ขบวนไหนบ้าง ตรงรั้วที่กันระหว่างรอรถไฟ หรือบนรถไฟเองก็จะมีเขียนบอกรายละเอียดไว้ค่ะ

สำหรับ Nozomi โบกี้ที่ 1-3 เป็นแบบ Non-reserve ค่ะ เราสามารถขึ้นไปและหาที่ว่างๆนั่งได้เลยค่ะ

ด้านในรถไฟ

ข้างหน้าต่างจะมีที่ให้ชาร์จแบตฯด้วยค่ะ

เราจะนั่งชินคันเซ็นไปโอคายามะโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีค่ะ ภายในรถไฟมีห้องน้ำอยู่ที่โบกี้ 1, 3, 5, 7, 9, 11, 13 และ 15 ค่ะ

สำหรับใครที่ลืมซื้อขนมขึ้นมาไว้ทานก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะหลังจากนั่งไปสักพักก็จะมีพี่สาวพนักงานเอาขนมและน้ำมาขายให้ค่ะ

บนชินคันเซ็นมี Wi-fi ให้ใช้ฟรีด้วยค่ะ เข้าไปเชื่อมต่อและกดตามขั้นตอนไปเรื่อยๆก็สามารถใช้ได้เลย

Back To Index

12:04~12:40 Okayama Station ทางทิศตะวันออก —> บิทจูทาคาฮาชิ (Bitchu Takahashi)

ถึงสถานีโอคายามะเวลาประมาณ 11.10 น. เราก็ไม่รอช้า พุ่งตัวออกไปกดตั๋วกันต่อเลยค่า วันแรกเราจะไปพักกันแถวๆสถานี Bitchu-Takahashi และเที่ยวแถวๆเมืองนั้นกันค่ะ
ออกจากสถานีของรถไฟชินคันเซ็นแล้วก็ไปกดตั๋วราคา 840 เยน  เพื่อไปขึ้นรถไฟปกติไปยัง Bitchu-Takahashi ค่ะ โดยนั่งรถไฟสาย Hakubi Line

หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ เข้าประตูมาสิ่งแรกที่เจอเลยคือโซน Information ค่ะ เป็นจุดที่ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดโอคายามะที่เราจะไปตะลุยกันในครั้งนี้…อี๊~ อี๊~ อี๊~ (โปรดอ่านเป็นเสียงเอคโค่) พี่สาวพนักงานประจำเคาน์เตอร์ information สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ อยากรู้อะไรถามเลย!


เงยหน้ามองป้าย หาคำว่า Bitchu-Takahashi และลงไปรอที่ชานชาลา 2 กันค่ะ

รถไฟสีเหลืองขบวนนี้แหละที่เรากำลังจะไปขึ้นกันค่ะ! ลุยยยย

ภายในรถไฟจะเป็นเบาะแบบหันหน้าเข้าหากันค่ะ

หลังจากถึงแล้วก็ออกไปทาง Shiromi-dori Gate (West Gate) ค่ะ ซึ่งสิ่งแรกที่เราจะทำคือ พุ่งตัวไปเช็กอินที่โรงแรมและวางกระเป๋า เพื่อเตรียมออกลุยต่อค่ะ!


ในสถานีมีห้องสมุดขนาดใหญ่ ด้านในมีทั้ง Tourist Information Center และสตาร์บัคอยู่ด้วยค่ะ แต่เขาห้ามถ่ายรูปนะ ><

Back To Index

12:55 ฝากกระเป๋าที่โรงแรม Takahashi Kokusai Hotel


เราเลือกพักที่โรงแรม Takahashi Kokusai Hotel เพราะว่าอยู่ใกล้ๆกับสถานี เดินมาประมาณ 3 นาทีก็ถึงเลยค่ะ เราจะเที่ยวเมือง Takahashi ที่มี ‘หมู่บ้านฟุกิยะ’ กันในช่วงบ่าย แล้วเช้าวันถัดไปเราจะไปที่ปราสาท Bitchu กันค่ะ เมื่อพิจารณาจากแผนเที่ยวของเราแล้ว โรงแรมนี้จึงเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ค่อนข้างโอเคเลย

เราเลือกนอนห้องแบบ Twin room ส่วนราคาตอนที่เราจองใน Agoda ราคาแบบมีอาหารเช้า 2,367 บาท แต่ถ้าไม่มีอาหารเช้า 2,100 บาทค่ะ


ห้องเก่านิดหน่อยแต่สะดวกมากๆค่ะ เพราะอยู่ใกล้กับสถานีและใกล้ 7-11 กับ Lawson ด้วยค่ะ

วิวจากห้องก็สวยงาม ถ้าอากาศดีๆจะมองเห็นปราสาทบิทจูด้วย

หลังจากเช็กอินฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปของเราก็คือ…หมู่บ้านโบราณฟุกิยะ (Fukiya Furusato Village / 吹屋ふるさと村) จากโรงแรม Takahashi Kokusai Hotel เรานั่งรถแท็กซี่ไป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาทีค่ะ ค่าเสียหายราวๆ 8,830 เยน (ฮืออ~ ขับรถไม่เป็นก็ต้องยอมจ่ายอ่ะค่ะ T^T)

แต่เราลองไปหาดูอีกที จริงๆแล้วเราสามารถเดินทางจาก Bitchu-Takahashi Station ไปยัง Fukiya Furusato Village ได้ด้วยนะคะ

เที่ยวรถ Takahashi Bus Center ไป Fukiya Furusato Village
    • ออกเดินทาง 10.50 น. ถึง 11.48 นาที
    • ออกเดินทาง 13.50 น. ถึง 14.48 นาที
    • ออกเดินทาง 18.00 น. ถึง 18.58 นาที


ถึงแล้วค่ะ ที่นี่คือย่านเมืองเก่า Fukiya Furusato Village ตั้งอยู่ในเมืองทาคาฮาชิ จังหวัดโอคายามะ จากที่เดินสอบถามคนแถวนั้นก็ได้ความว่า ที่นี่โด่งดังในเรื่องของกระเบื้องสีแดงที่เรียกว่า Sekishu-gawara และผนังดินสีแดง Bengara สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่ทองแดงขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งคนสมัยนั้นได้เอาสีต่างๆจากแร่นั้นมาทำเป็นกระเบื้องและผนัง แต่ก่อนทั้งหมู่บ้านจะเป็นสีแดงไปหมดเลยค่ะ ตอนนี้ก็ยังมีสีแดงๆอยู่ แต่เริ่มมีสีดำมาแทรกๆบ้างแล้ว

Back To Index

13:30~18:00 เดินเล่นที่บิทจูทาคาฮาชิ และ ‘หมู่บ้านโบราณฟุกิยะ’ (Fukiya Furusato Village)


‘หมู่บ้านโบราณฟุกิยะ’ บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ ที่นี่ค่อนข้างไกลและเดินทางลำบาก นักท่องเที่ยวก็เลยไม่ค่อยมากัน แต่สำหรับเรารู้สึกว่าได้ฟีลความเป็นญี่ปุ่นมากๆ ถ้ามีร้านให้เช่าชุดกิโมโนนี่จะดีมากๆเลย สามารถเดินถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องหลบคนเลย เพราะไม่มีคนเลยค่ะ >< คือถนนโล่งมากๆ มันดีมากสำหรับเราเลย เพราะเราชอบถ่ายรูปก็เลยมีรูปสวยๆมาฝากเพียบเลยค่ะ ที่นี่เราแนะนำเลยสำหรับคนที่ไม่ชอบคนเยอะ และชอบความธรรมชาติ ความเมืองเก่า ที่นี่คือดีต่อใจแน่นอน ห้ามพลาดเลยค่ะ

เดินเล่นชมเมืองไปเรื่อยๆก็จะเจอร้านค้าบ้าง หรือเป็นบ้านเก่าๆให้เข้าไปชมบ้าง ระยะทางประมาณ 300 เมตรค่ะ

อาคารสีแดงหลังนี้คือที่ทำการไปรษณีย์ค่ะ เข้าไปด้านในจะมีจุดขายของที่ระลึกเล็กๆและมีมุมให้นั่งพักผ่อนด้วย

ร้านนี้เป็นร้านที่ย้อมผ้า กระเป๋า ผ้าเช็ดหน้า และของใช้ต่างๆ โดยใช้สีจากดิน Bengara ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านฟุกิยะ


อาจจะเป็นเพราะว่าเรามาวันธรรมดา ร้านค้าก็เลยไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ โดยรวมแล้วสำหรับใครที่ชอบซึมซับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ หรือเป็นนักท่องเที่ยวสายชิลล์ สายถ่ายรูป ที่นี่เหมาะค่ะ!

เดินมาจนจะสุดทางก็นึกว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่มาเจอคาเฟ่ค่ะ เราชอบมากๆเลย ร้านนี้มีชื่อว่า Beniya เป็นร้านที่นำของเก่าๆที่ไม่ได้ใช้แล้วมาตกแต่ง มีตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ไปจนถึงของเล่นสมัยโบราณ หนังสือพิมพ์ บลาๆๆ เอามาวางๆในร้าน แอบรกนิดนึงแต่ก็คือสวยอ่ะ ฮ่าๆ ส่วนข้างในก็มีชาให้ดื่ม ราคาปกติทั่วไป 200 – 500 เยนค่ะ


ถัดจากคาเฟ่ไปนิดนึงก็มาเจอกับร้านขายของที่ระลึก เราสามารถไปย้อมผ้าเองได้ด้วยนะ แต่ทางเราขอแค่เพ้นท์สีก็พอ 5555 เดินมาทั้งวันแล้ว ตั้งแต่ถึงญี่ปุ่นก็ยังไม่ได้พักเลย เราเลยเข้ามานั่งระบายสีเล่นๆเป็นการพักผ่อนสักแปบนึงค่ะ
เราสามารถเลือกได้นะว่าจะเพ้นท์อะไร มีที่รองแก้ว กระเป๋าไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่ ผ้าเช็ดหน้า ของเราเลือกเป็นกระเป๋ารักษ์โลกมา ราคา 2,000 เยน >///<
สามารถวาดเองก็ได้ หรือจะเลือกกระดาษที่เป็นลายๆแล้วระบายสีตามช่องเอาก็ได้ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเรามั่นใจในฝีมือด้านศิลปะของเรามาก เราเลยเลือกที่จะ…ระบายตามแบบช่องๆที่เขามีให้เลือก 555+

หลังจากนั่งพัก(ระบายสี)เสร็จแล้ว เราก็ไปลุยกันต่อคร่า~ โทรเรียกแท็กซี่เลยจ้า อันนี้บอกไว้ก่อนว่าถ้าจะเรียกแท็กซี่มารับ เราจะต้องเสียค่าเรียกมาด้วยนะ ซึ่งค่าเรียกรถจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่บริษัทค่ะ

จุดมุ่งหมายต่อไปคือเหมืองซาซะอุเนะ (Sasaune Mine) เสียค่าแท็กซี่ไป 730 เยน เหมืองแห่งนี้เป็นเหมืองทองแดงที่ใช้ตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงสมัยไทโช ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดของ Sekishu-gawara และ Bengara ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปชมด้านในได้ค่ะ

ค่าเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 400 เยน
  • เด็ก 200 เยน


ตรงจุดขายตั๋วด้านหน้าจะมีหมวกนิรภัยให้ยืมใส่ด้วยค่ะ เนื่องจากเพดานภายในอุโมงค์ค่อนข้างต่ำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสำหรับคนที่สูง 170 ซม. ขึ้นไปควรสวมหมวกด้วยค่ะ หากสูงไม่ถึงแต่อยากใส่ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เช่นกันค่ะ แน่นอนว่าคนเตี้ยๆอย่างเราสามารถเดินได้สบายมาก ฮ่าๆ

ทางเข้าช่วงแรกจะเป็นคอนกรีตก่อน พอเข้าไปปุ๊ปหนาวปั๊ป!  ช่วงที่เราไปเป็นช่วงต้นเดือนกันยายน ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อนมากๆ แต่พอเข้ามาในอุโมงค์แล้วรู้สึกเย็นสบายขึ้นมาทันที

เดินเข้าไปอีกไม่ถึง 200 เมตรผนังก็เริ่มเป็นหินธรรมชาติค่ะ มีเสาไม้เป็นโครง มีน้ำไหลหยดติ๋งๆ (เริ่มหนาวด้วย)
ระหว่างทางเดินเข้าไปเราจะเห็นน้ำสีออกส้มๆ เจ้าหน้าที่บอกว่านี่คือน้ำจากดิน Bengara ที่เอาไปทำเป็นสีต่างๆนั่นเองค่ะเดินเข้ามาประมาณ 700 เมตรก็จะเจอถ้ำขนาดใหญ่ มีรูปปั้นคนกำลังขุด 4 คน (แอบตกใจเบาๆ)

คิดว่าตรงนี้เป็นจุดที่ขุดทองแดงกันในสมัยก่อนค่ะ ความพิเศษของที่นี่คือ ฤดูร้อนด้านในจะเย็นสบาย ส่วนฤดูหนาวด้านในจะอบอุ่นค่ะ
จุดที่พบแร่ชาลโคไพไรต์ (Chalcopyrite)

*ทองแดงที่มีไพไรต์ด้วยจึงเรียกชาลโคไพไรต์

หลังจากเดินชมเหมืองแร่เสร็จ เราก็ไปต่อกันที่บ้านพักฮิโรคาเนะ (The Hirokane Residence) โดยนั่งรถแท็กซี่ จ่ายไป 1,270 เยนค่ะ

ตอนแรกเรานึกว่าเป็นปราสาท เพราะอยู่บนเขาและค่อนข้างใหญ่อลังการมาก!!

แอบเห็นป้ายภาษาอังกฤษเขียนอธิบายเกี่ยวกับเจ้าของบ้าน สรุปก็คือเจ้าของบ้านหลังนี้ขาย Bengara จนร่ำรวย

ทั้งหมู่บ้านโบราณฟุกิยะและเหมืองแร่ที่เราไปมา รวมถึงพื้นที่ทั้งหมดนี้..เป็นของเจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ! รวยไปอี๊กกก ไม่ธรรมดาจริงๆ

วิวจากด้านบน

หลังจากยืนดูวิวเสร็จ เราก็นั่งรถกลับไปยังโรงแรม Takahashi Kokusai Hotel ค่ะ

เราออกไปเดินเล่นบริเวณรอบๆ หาของกิน ซึ่งรถบัสขากลับก็จะวิ่งเป็นรอบๆด้วยเหมือนกัน

ตารางรถบัสจาก Fukiya Furusato Village ไป Takahashi Bus Center
    • ออกเดินทาง 6.50 น. ถึงเวลา 7.48 น. (วิ่งเฉพาะวันธรรมดา)
    • ออกเดินทาง 7.15 น. ถึงเวลา 8.13 น. (วิ่งเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด)
    • ออกเดินทาง 9.05 น. ถึงเวลา 10.03 น. (วิ่งเฉพาะวันธรรมดา)
    • ออกเดินทาง 12.45 น. ถึงเวลา 13.45 น.
    • ออกเดินทาง 15.45 น. ถึงเวลา 16.43 น.

Back To Index

18:30 เช็กอินที่โรงแรม Takahashi Kokusai Hotel



หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่นาน เราก็เจอร้านอาหารชื่อว่า Gomangoku จากโรงแรมใช้เวลาเดินไปประมาณ 7 นาที

Back To Index

19:30~20:30 ชิมยากิโซบะมะเขือเทศ ที่ร้าน Gomangoku

เมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด เลยนั่งถามพี่กู(เกิล) แล้วก็มีเว็บนี้เด้งออกมา มีรูปก็เลยจิ้มๆตามรูปไปค่ะ

ส่วนอันนี้เป็นลิงก์เมนูนะคะ >>> Click Link!

มาดูจานแรกกันเลยดีกว่าว่าจะน่าทานแค่ไหน~
Indian tomato yakisoba ยากิโซบะราดซอสมะเขือเทศ
ราคา 670 เยน


Ikatama Okanomiyaki โอโคโนมิยากิปลาหมึกย่าง ราคา 550 เยน
Yuzu Konnyaku takoyaki ทาโกยากิ ราคา 430 เยน

จริงๆมี 6 ลูกค่ะ กินไปแล้วนึกว่าเป็นไส้ปลาหมึก แต่พอกินๆไปก็…เอ๊ะ! ทำไมมันเด้งๆจัง? ก็เลยแกะดู สรุปว่าเป็นไส้บุก ฮ่าๆ

อร่อยมากกกก พออิ่มแล้วก็กลับโรงแรมค่ะ เหนื่อยหมดพลังงานมาก เพิ่งวันแรกเองนะเนี่ย

เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปที่ปราสาทบิทจูมัตสึยามะ (Bitchu Matsuyama Castle) ไปหาน้องซังจูโร่กันค่ะ!! เดี๋ยวมาต่อตอนหน้านะคะ

Back To Index

อ่านบทความเรื่องทริปโอคายามะตอนอื่นๆ จาก Mayry Go Round

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.2 : ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.3 : ปราสาทโอคายามะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.4 : ศาลเจ้าคิบิทสึ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.5 : โคจิมะ เมืองแห่งยีนส์

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.6 : ทะเลเซโตะ เรืองแสงได้ด้วยนะ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

 

Back To Top