fbpx

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.5 : โคจิมะ เมืองแห่งยีนส์

ก.พ. 23, 2021

เยือน ‘โคจิมะ’ เมืองแห่งยีนส์ ไปลองทำกางเกงยีนส์ที่ Betty Smith Jeans Museum & Village กันเถอะ!

โคจิมะ (Kojima) เป็นย่านหนึ่งในจังหวัดโอคายามะที่มีชื่อเสียงเรื่องผ้าเดนิมและกางเกงยีนส์อย่างมาก เรียกได้ว่าดังไกลไปทั่วโลกเลย! นั่นก็เพราะว่าที่นี่คงกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะกางเกงยีนส์ผ้าดิบ (Raw Denim) ของที่โคจิมะนั้นมีชื่อเสียงและพรีเมียมมาก จนแบรนด์กางเกงยีนส์ดังๆทั่วโลกยังต้องมาซื้อผ้าเดนิมจากที่นี่เพื่อนำไปผลิตเป็นกางเกงยีนส์ของตัวเองเชียวล่ะ!

สวัสดีเช้าวันที่ 5 ของทริป ณ เมืองคุราชิกิ จังหวัดโอคายามะ! วันนี้เราจะออกเดินทางไปยังเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) จากนั้นก็จะนั่งรถบัสไปตะลุยที่โคจิมะ เมืองแห่งยีนส์ กินฮะจิบังราเมนต้นตำรับของญี่ปุ่น ทำกางเกงยีนส์ในแบบฉบับของเราซึ่งมีตัวเดียวในโลกที่ Betty Smith Jeans Museum & Village เดินเล่นเพลินๆชมยีนส์ตามเสาไฟที่ถนนยีนส์ จากนั้นก็จะไปพักที่โรงแรมสุดหรูพร้อมวิวอันแสนอลังการที่ WASHU BLUE RESORT

คำเตือน : เนื่องจากเราขับรถไม่เป็น เราจึงเดินทางโดยรถสาธารณะที่มีและ…รถแท็กซี่ค่ะ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพง แต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายามะให้เพื่อนๆ เผื่อจะได้นำไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ *หากขับรถเป็น แนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*

และเนื่องจากนี่เป็นรีวิวทริปโอคายามะของเราในวันที่ 5 ถ้าใครไม่ได้อ่านตั้งแต่วันแรกก็จิ้มลิงก์ด้านล่างเพื่อย้อนอ่านตอนเก่าได้ค่ะ

แผนการเดินทาง DAY 5 : ไป ‘โคจิมะ’ กันเถอะ!

9:00~13:20 เดินเล่นที่คุราชิกิ

ก่อนที่จะเช็กเอาท์ออกจากโรงแรม เราก็เดินไปที่เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) อีกรอบ
ระหว่างทางก็ก้มหาฝาท่อของเมืองคุราชิกิไปด้วย เราเก็บมาได้ 5 อันล่ะ >///<
ช่วงกลางวันบรรยากาศที่นี่จะแตกต่างจากตอนค่ำค่ะ ร้านค้าเปิดครบเลย คึกคักมากๆ
ร้านที่มีอสูรน้อยคิทาโร่ยืนอยู่หน้าร้าน ด้านในจะขายของเกี่ยวกับยีนส์ มีตั้งแต่เสื้อ กระเป๋า พวงกุญแจต่างๆ ซึ่งเป็นลายของอสูรน้อยคิทาโร่
ชั้น 2 มีบ้านผีสิงธีมอสูรน้อยคิทาโร่ค่ะ ค่าเข้าประมาณ 300 เยน ถ้าซื้อตั๋วก็จะได้รับของที่ระลึกเป็นที่รองแก้วยีนส์ลายคิทาโร่ด้วย

ทางร้านจะให้แผนที่ร้านค้าในย่านนั้นมาด้วย ซึ่งถ้าหากว่าซื้ออะไรก็ตามในร้านที่อยู่ในลิสต์ เราก็จะได้แสตมป์มาสะสม และถ้าหากว่าสะสมครบ 3 ดวง เราก็จะได้เสื้อ1 ตัว และถ้าสะสมครบ 5 ดวง ก็จะได้เสื้อ 2 ตัวค่ะ

ป.ล. 2 บ้านผีสิงของคิทาโร่เป็นแสตมป์ดวงที่ 1
พอขึ้นไปจะมีโซนให้ถ่ายรูป มีชุดกับวิกให้คอสเพลย์เป็นคิทาโร่
ร้านขายผ้าญี่ปุ่น (เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เอาไว้เช็ดมือ ห่อของ ตกแต่ง อะไรก็ได้แล้วแต่เราเลย) อยู่ติดกับร้านคิทาโร่ ทางเข้าคนละประตู เหมือนจะเป็นร้านเดียวกันแต่จริงๆคนละร้านจ้า เราเข้าไปซื้อผ้ามา 1 ผืน เลยได้แสตมป์สะสมมาเป็นดวงที่ 2
ซื้อเสร็จก็ไปเดินต่อ เจอร้านกระเป๋ายีนส์ มีตุ๊กตาและของน่ารักๆเต็มเลย
เดินมาเจอร้านขายร่ม ลายก็น่ารักน่าซื้อไปอี๊กกกก มีร่มแบบที่โดนน้ำแล้วถึงจะเห็นลายด้วย ถ้าแห้งๆก็จะเป็นสีธรรมดาๆ เป็นลูกเล่นที่เก๋มาก
ก่อนที่เราจะเสียสติ(จ่ายตัง)เพราะของน่ารักๆไปมากกว่านี้ เราก็รีบออกจากโซนร้านขายของไปที่คลอง… มาเดินถ่ายรูปเล่นดีกว่า
เราสามารถนั่งเรือไปตามคลองเพื่อชมวิวได้จ้า จุดซื้อตั๋วขึ้นเรือจะเป็นโต๊ะตั้งแบบในรูปด้านล่างเลย ค่าตั๋วของผู้ใหญ่ราคา 500 เยน ของเด็ก 250 เยน ลำหนึ่งสามารถนั่งได้ 6 คน
นอกจากเรือแล้วก็มีรถลากที่ลากด้วยผู้ชาย แต่ด้วยน้ำหนักของตัวเรานั้นก็ไม่ได้เบา เราเลยไม่กล้านั่งค่ะ สงสารพี่เขา T^T
กล้องเราไม่มีเลนส์เปลี่ยน เลยถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกคือดีมากๆ เมืองนี้มาแล้วเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปสมัยโบราณเลย
ที่คลองนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็มีต้นซากุระเรียงรายตามคลองเลย
หลังจากพูดว่าไม่กล้าขึ้นรถลากเพราะหนัก เราก็เดินมาเจอร้านน้ำผึ้ง ซึ่งขายทั้งน้ำผึ้งดิบ พุดดิ้งรสน้ำผึ้ง และไอศกรีมน้ำผึ้ง
เราก็จัดมา 1 ถ้วย น้ำผึ้งหอมมากกก ไอศกรีมเนื้อละมุนสุดๆ ราคา(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ) 600 เยนค่ะ
ข้างๆร้านขายน้ำผึ้งมีร้านพาร์เฟ่ต์และเครป มีรสพีชด้วย อยากกินแต่คิวยาวมาก…ข้าน้อยขอยอมแพ้และเดินจากไป
เดินเล่นมาเรื่อยๆจนสุดทางก็จะเจอร้านขายผ้าม่านโนเรน ซึ่งอยู่ในลิสต์ของแผนที่เหมือนกัน เราเลยซื้อมาอีก 1 ผืน ก็เลยได้แสตมป์ครบ 3 ดวงแล้วค่ะ
คุณยายคนขายก็ชี้ๆ บอกว่าให้เดินข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 200 เมตร จะเจอร้าน Masking Tape ให้เราไปแลกของรางวัลได้ที่นั่น

(นี่คือรูปที่เราข้ามถนนมาแล้ว หันหน้าเข้าร้านคุณยายนะ)
เจอร้าน Masking Tape แล้วค่า ชื่อร้านว่า Kurashiki Masking Tape Gallery

เราเอาแสตมป์ที่สะสมครบ 3 ดวงมาแลก ได้เสื้อที่เขียนว่าคุราชิกิมา 1 ตัว มูลค่า 1,000 เยน เลือกสีเสื้อได้ด้วย เราเลยเอาสีชมพูอ่อนมา เนื้อผ้านุ่มไม่แข็ง ถือว่าคุ้มเลย เพราะแต่ละร้านที่ซื้อของมาก็ราคาไม่ได้แพง

ใครมีเวลาก็ลองขอแผนที่มาเก็บแสตมป์ดูนะคะ
ส่วนในร้าน Masking Tape ชั้นแรกเป็นร้านขายของที่ระลึก
ชั้น 2 ขายเทปทั้งชั้นเลยค่ะ ตกแต่งด้วยเทปทั้งหมด น่ารักมากกก ใครชอบทำงานประดิษฐ์บอกเลยว่าห้ามพลาด!
หลังจากเดินวนไปวนมาสักพักเราก็ได้ของที่ตามหา นั่นคือพวงกุญแจมิกกี้ มินนี่ และชินจังเวอร์ชั่นออกมาจากลูกท้อของจังหวัดโอคายามะ (เราจำไม่ได้ว่าซื้อมาจากร้านไหนนะคะ)
หลังจากเดินเสร็จ เราก็กลับไปเช็กเอาท์ เก็บกระเป๋า จุดต่อไปที่เราจะไปกันก็คือโคจิมะ เมืองแห่งยีนส์

Back To Index

13:40~14:35 Kurashiki Station —> JR Kojima Station ด้วยรถไฟสาย Amaki line (มุ่งหน้าไปทางสถานี โคจิมะ)

สำหรับการเดินทางไปยังโคจิมะนั้น เราจะขึ้นรถบัสจากหน้าสถานีคุราชิกิ ฝั่งประตูทางออกทิศเหนือ (ฝั่งโรงแรมที่เรานอนนั่นล่ะ)
เราเดินไปรอรถเมล์ที่ป้ายเบอร์ 6 รถจะออกตอน 13.40 น. (ต้องไปดูที่ป้ายอีกทีนะคะ)
ตรงประตูเขาจะให้เราหยิบกระดาษไป พอหยิบมาแล้วต้องเก็บไว้อย่าให้หายนะคะ เพราะเราจะต้องใช้จ่ายเงินตอนลง
นั่งไปประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง รถเมล์ก็มาจอดที่ป้ายสุดท้าย ซึ่งก็คือสถานีโคจิมะ (Kojima) นั่นเองค่า
หน้าสถานีมียีนส์แขวนอยู่ด้วย สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งยีนส์ เท่าที่เราหาข้อมูลมา เหตุผลที่โคจิมะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งยีนส์ นั่นก็เพราะว่านี่เป็นเมืองที่ผลิตผ้ายีนส์ขึ้นเป็นที่แรกในประเทศญี่ปุ่น แล้วก็มีการทำต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน

เข้ามาดูในสถานีก็มีความยีนส์เหมือนกันค่ะ บันไดก็เป็นลายยีนส์
ประตูกั้นยีนส์
มีกางเกงยีนส์โชว์อยู่ที่สถานี
เคาน์เตอร์ Tourist Information ก็มีรูปยีนส์
มาถึงที่สถานีโคจิมะก็ประมาณ 14.35 น. แล้ว เรายังไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ จากที่หาข้อมูลมา(โดยใช้กูเกิลแมป) ใกล้ๆสถานีโคจิมะ (Kojima) มีฮะจิบัง ราเมน เราวางแผนไว้ตั้งแต่อยู่ที่ไทยเลยว่าจะมากินมื้อกลางวันที่นี่ เพราะส่วนตัวเราชอบกินฮะจิบังที่ไทยมากๆ เลยอยากจะลองมากินต้นตำรับที่ญี่ปุ่นดูสักครั้ง
เมนูของฮะจิบังที่นี่มีความหลากหลายกว่าที่ไทยนิดหน่อย ที่ต่างกันก็คือจะมีเซ็ตที่รวมราเมนกับข้าวเข้าไว้ด้วยกัน
เราสั่งมา 2 อย่าง กินไม่หมดสักอย่าง เยอะม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
รสชาติมีความเป็นญี่ปุ่น ซุปอ่อนๆ เส้นจะใหญ่กว่าที่ไทยนิดหน่อย ผักหวานมาก สรุปอร่อยน้ำตาไหล >///<
มีโซนเก้าอี้สำหรับคนที่มากินคนเดียว
พนักงานที่ร้านใส่ผ้ากันเปื้อนกับหมวกเป็นเครื่องแบบ ซึ่งเป็นชุดที่ทำจากยีนส์ด้วย อยู่เมืองยีนส์ชีวิตต้องยีนส์!
จุดต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ พิพิธภัณฑ์ยีนส์เบ็ตตี้สมิธ (Betty Smith Jeans Museum) เป็นหมู่บ้านที่ผลิตยีนส์และมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ซึ่งเราสามารถทำกางเกงยีนส์ของเราได้เองที่นี่ด้วย!!

จากร้านฮะจิบังก็โบกแท็กซี่ไปประมาณ 2.8 กิโล นั่งไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงที่เลยค่ะ

Back To Index

15:10~16:30 เที่ยวชมและเปิดประสบการณ์ทำยีนส์ที่ Betty Smith Jeans Museum

แล้วก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ Betty Smith Jeans Museum!

ด้านในชั้น 1 ของพิพิธภัณฑ์จะมีกางเกงยีนส์จัดแสดงให้ชม
ชั้น 2 เป็นร้านที่เราสามารถสั่งตัดสูทและกางเกงยีนส์ได้ค่ะ
ข้างๆ Betty Smith Jeans Museum เป็นโซนที่เราจะไปทำกางเกงยีนส์กัน
ประตูทางเข้าด้านหน้าเป็นรูป Betty และเขียนว่า DIY
เข้าไปถึงก็จะมีป้ายบอกขั้นตอนในการทำกางเกงค่ะ

ก่อนอื่นเราก็ต้องเลือกกางเกงแบบที่เราอยากจะทำ มีหลายแบบมาก เราไม่ค่อยเซียนด้านนี้เท่าไหร่เลยอธิบายไม่ถูกค่ะ รู้แค่ว่ามีแบบยืดข้าง ยืดบน ยืดทั้งข้างทั้งบน บลาๆๆ ของผู้หญิงจะมีเป็นกระโปรงยีนส์ทรงยาวด้วย

พอเลือกยีนส์เสร็จแล้วเราก็เข้าไปลองสวมวัดความยาวของขากางเกง ราคาจะขึ้นอยู่กับกางเกงที่เราเลือกทำ มีตั้งแต่ประมาณ 7,000 – 40,000 เยน
หลังจากนั้นก็ไปเลือกกระดุมกันค่ะ โดยเราจะเลือกกระดุมเม็ดใหญ่ 1 เม็ด (เม็ดตรงกลาง) เม็ดตกแต่งเม็ดเล็ก 8 เม็ด
เม็ดใหญ่ก็จะมีลายต่างๆให้เลือก
ส่วนเม็ดเล็กจะเป็นสีๆ เราใช้เวลาเลือกอยู่เกือบ 30 นาที คือมันเยอะมาก เลือกไม่ถูก ฮ่าๆ
มีลายคิตตี้ด้วย อันนี้ต้องจ่ายเพิ่ม กระดุม 400 เยน ป้ายหลัง 1,000 เยน
หลังจากเลือกกระดุมได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือตอกกระดุมด้วยเจ้าเครื่องหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ไม่ต้องกลัวว่าจะทำพลาดนะคะ เพราะมีพนักงานคอยอธิบายอยู่ข้างๆ กระดุมอันนี้หงายขึ้นนะ อันนี้เอาใส่ด้านนี้นะ ฯลฯ เขาจะคอยดูแลอธิบายอย่างดีทุกขั้นตอนค่ะ
หลังจากใส่กระดุมครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือเลือกป้ายด้านหลังกางเกงค่ะ
เราเลือกรูป Betty มาเพราะเป็นสัญลักษณ์ของร้านนี้ น้องน่ารักดีด้วย สำหรับป้ายเราก็สามารถเลือกตำแหน่งได้เลยว่าจะวางตรงไหน
จากนั้นพนักงานจะทำการเย็บให้เรา ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย! กางเกงยีนส์ตัวเดียวในโลกที่ถูกเลือกกระดุมหลากสีโดยเราเอง ฮ่าๆๆๆ
สามารถเลือกถุงผ้าเพื่อใส่กางเกงได้ มีให้เลือก 2 สีค่ะ
นอกจากทำกางเกงยีนส์แล้วก็ยังมีทำพวกกุญแจด้วยนะ ราคา 400 เยน กระเป๋าผ้าประมาณ 2,000 เยนค่ะ
จากนั้นเราก็ไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ยีนส์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านที่เราทำกางเกงเมื่อกี้
ด้านในจะจัดแสดงเกี่ยวกับวิธีการทำกางเกงยีนส์ เครื่องจักรที่ใช้ทำชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของกางเกง
แล้วก็เดินมาอีกนิดใกล้ๆกันจะมี Outlet
เจอน้อง Betty ด้วยค่ะ

Back To Index

16:40~17:00 Betty Smith Jeans Museum —> Kojima Jeans Street ด้วยรถแท็กซี่ Betty Smith

จาก Betty Smith Jeans Museum จุดต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ Kojima Jeans Street ค่ะ พนักงานที่ร้านเรียกแท็กซี่มาให้ นั่งรถไป 2.8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาทีก็จะถึงถนนยีนส์

ลงจากรถปุ๊ป ร้านแรกที่เราเจอก็คือร้านกางเกงยีนส์ยี่ห้อโมโมทาโร่ค่ะ แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ในไทยก็มีนะ เราเอาเข้ามาเหมือนกัน

จากที่เข้าไปดูในร้าน (และถามเพื่อนที่ชอบแบรนด์นี้) นางบอกว่าที่นี่ราคาถูกกว่าไทยประมาณ 1,000 – 3,000 บาท แล้วแต่รุ่นค่ะ มีหลายแบบมากๆ แต่ในร้านถ่ายรูปไม่ได้ ใครชอบแบรนด์นี้ต้องลองมาที่จังหวัดโอคายามะให้ได้นะคะ รับรองได้ว่ามีช้อปแหลกกก

Back To Index

17:10~18:00 เดินเล่นที่ Kojima Jeans Street

ที่ Kojima Jeans Street พอเราเดินไปได้นิดนึงก็จะเห็นกางเกงยีนส์ลอยฟ้า ตากอยู่กลางถนนเลยจ้า
เจอฝาท่อออ ถ่ายเก็บ! (โรคจิตไปแล้วววว ก็ฝาท่อญี่ปุ่นมันน่ารักนี่นา ไปที่ไหนก็ไม่เหมือนกันเลยอ่า เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งในการเที่ยวญี่ปุ่นของเรา ฮ่าๆ)
ป้ายรถเมล์ (หรือเปล่า? 555)
มีร้านอยู่ตามทางเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเราไปวันธรรมดา ร้านก็เลยไม่ค่อยเปิดค่ะ

Back To Index

18:40 เช็กอินที่ WASHU BLUE RESORT

จาก Kojima Jeans Street เราก็เดินกลับไปที่สถานีโคจิมะ เพื่อไปรอรถชัตเตอร์บัสของโรงแรม WASHU BLUE RESORT ที่เราจะไปพักกันในคืนนี้ค่ะ (ต้องอีเมล์แจ้งทางโรงแรมไว้ก่อนว่าเราจะมากี่โมง)

มาถึงแล้วลืมถ่ายด้านหน้าโรงแรม… ใครอยากเห็นสามารถเช็กดูได้ที่เว็บไซต์นะคะ ><

มาถึงบริเวณล็อบบี้ กว้างขวางมาก
ที่ชั้น 1 จะมีโซนบาร์ สามารถนั่งด้านในหรือออกไปนั่งบริเวณด้านนอกระเบียงก็ได้
มาดูบริเวณระเบียงด้านนอกกันค่ะ
จากโรงแรมสามารถมองเห็นสะพานเซโตะได้อย่างชัดเจนเลยค่า ลมพัดสบายๆ นั่งดื่มพีชโซดาชมวิว ชิลล์สุดๆ
นอกจากนี้ที่ชั้น 1 ก็ยังมีห้องคาราโอเกะ ห้องปิงปอง มีเกมเก่าๆของญี่ปุ่นให้เล่น
ตรงนี้เป็นร้านขายของ ขาดเหลืออะไรสามารถซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ
มาดูในส่วนของห้องพักกันบ้าง ห้องค่อนข้างกว้าง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว อุปกรณ์ทุกอย่างครบ จากห้องเราสามารถมองเห็นวิวสะพานได้เหมือนกัน
ที่นี่มีออนเซ็น 2 แห่งด้วยกัน คือที่ชั้น 2 และชั้น 7

ที่ชั้น 7 จะเป็นออนเซ็นกลางแจ้งค่ะ

Back To Index

19:00 ทานอาหารค่ำภายในโรงแรม

ห้องอาหารของโรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 2 เป็นบุฟเฟ่ต์ มีโซนให้ตักเอง
และมีโซนที่เชฟทำให้ เช่น แล่ปลาดิบ ทำสเต๊ก ทาโกะยากิ
เราว่าจะเดินมาชิมอย่างละหน่อย แต่อร่อยทุกอย่างจริงๆ เบิ้ลไปหลายรอบมากค่า >3<
ทางด้านของขนมหวานนั้นเราก็ไม่พลาด มีเค้กรสชาเขียว สตรอว์เบอร์รี เค้กโรล และที่เราชอบมากที่สุดก็คือพุดดิ้งรสพีช ในลูกพีชนั้นเราจะได้รสพีชเต็มๆ หอม เนื้อละมุนในปาก~ คิบิดังโกะก็เหนียวนุ่ม หวานกำลังดี
จบวันที่ 5 ของทริปโอคายามะแล้วค่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกันแบบชิลล์ๆ โดยจะไปพักกันที่ The Hotel Limani & Spa เที่ยวทะเลแหวก ชมการทำดาบที่พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น จากนั้นไปหาขนมกินที่ร้านขายขนมญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชมวิวทะเลเซโตะที่สวนอุชิมาโดะ ทานดินเนอร์อาหารกรีก และชมทะเลเรืองแสงกันจ้าาา

Back To Index

อ่านบทความเรื่องทริปโอคายามะตอนอื่นๆ จาก Mayry Go Round

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.1 : หมู่บ้านฟุกิยะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.2 : ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.3 : ปราสาทโอคายามะ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.4 : ศาลเจ้าคิบิทสึ

ไปบ้านเกิดโมโมทาโร่กัน! ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.6 : ทะเลเซโตะ เรืองแสงได้ด้วยนะ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top