fbpx

Hotel De Yama โรงแรมสุดคลาสสิกที่โดดเด่นด้วยวิวฟูจิริมทะเลสาบอาชิ

ม.ค. 07, 2021

Hotel De Yama โรงแรมสุดคลาสสิกที่โดดเด่นด้วยวิวฟูจิริมทะเลสาบอาชิ

ที่มา : https://www.booking.com

‘Hotel De Yama’ (โฮเตล เดอ ยามะ) เป็นโรงแรมสไตล์รีสอร์ตที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสุดแสนอลังการของเมืองฮาโกเนะอย่างทะเลสาบอาชิ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างศาลเจ้าฮาโกเนะ หรือจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่างเสาโทริอิสีแดงสดใสด้วย

แต่ถ้าใครมีแผนว่าจะมาเที่ยวแค่ที่นี่ เราขอบอกเลยว่าคุณจะไม่เบื่อและไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะตั้งอยู่บนยุทธศาสตร์อันยอดเยี่ยมอย่างทะเลสาบอาชิแล้ว ที่นี่ยังมีคาเฟ่ให้ได้นั่งชิลล์นั่งเปื่อยกันไปในวันสบายๆด้วย

และที่เด็ดสุดอีกอย่างคือ เราสามารถชมวิวภูเขาฟูจิได้จากสถานที่แห่งนี้ แถมภายในตัวรีสอร์ตเองก็ยังมีสวนดอกอาซาเลียขนาดใหญ่จุใจให้เราไปเดินเล่นด้วย

พออ่านมาถึงตรงนี้ คงจะมีหลายๆคนแอบร้องว้าวในใจ แถมโดนผู้เขียนล่อซื้อได้สำเร็จด้วย 555

ถ้าใครอยากมาเที่ยวที่นี่ก็สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยนะ และสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาที่พักสุดแจ่ม ติดริมทะเลสาบอาชิ แถมเอื้อต่อการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆภายในเมืองฮาโกเนะ โรงแรม Hotel De Yama เป็นที่ที่ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน

สารบัญ

1.เรื่องน่ารู้ของโรงแรม ‘Hotel De Yama’

2.รีวิวบรรยากาศของโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฮาโกเนะ

3.การเดินทางมายังโรงแรมโฮเตล เดอ ยามะ

4.ข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมโฮเตล เดอ ยามะ

1. เรื่องน่ารู้ของโรงแรม ‘Hotel De Yama’

Gallery image of this property

ที่มา : https://www.booking.com

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีที่แล้ว Hotel De Yama ก็ยังคงเป็นบ้านพักตากอากาศของประธานรุ่นที่ 4 แห่งบริษัท Mitsubishi Group แต่แล้วเขาก็ได้นำที่ดินตรงนี้มาสร้างเป็นรีสอร์ต และบริเวณที่เป็นสวนนั้นก็เป็นพื้นที่ที่คงสภาพเดิมไว้ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นโลเคชันที่ดีเลิศแล้ว โรงแรมนี้ยังมีความเป็นมาที่น่ารู้อีกด้วย แค่เกริ่นเป็นน้ำจิ้มยังน่าไปขนาดนี้ เรามาเข้าเนื้อหากันเลยดีกว่าว่าสถานที่จริงจะสวยเด็ดแค่ไหน ตามมาดูกันเลยจ้า

กลับไปที่สารบัญ

2. รีวิวบรรยากาศของโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฮาโกเนะ

และที่ทุกคนเห็นอยู่นี้ก็คือห้อง Corner Triple Room นั่นเอง ห้องนี้เหมาะมากสำหรับการพาครอบครัวมาเที่ยว หรือจะมากับเดอะแก๊งของคุณก็ได้นะ

ส่วนของหวานที่เราภูมิใจนำเสนอก็คือร้าน Salon de the Rosage Cafe ของโฮเตล เดอ ยามะนั่นเอง โดยจานที่เป็นซิกเนเจอร์ของเขาก็คือ Traditional Hot Apple Pie ที่ประกอบด้วยพายแอปเปิลนุ่มละมุนลิ้น ตกแต่งด้วยซอสผลไม้หลากรสชาติ

เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟ พนักงานจะนำเจ้าของหวานจานนี้มาให้เราที่โต๊ะ พร้อมกับบรรจงวาดซอสผลไม้เป็นลวดลายดอกไม้ที่มีสีสันสวยงามสดชื่นตา ก่อนจะวางท็อปปิ้งอย่างไอศกรีมวานิลลาลงไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกรสชาติจะผสมผสานกันอย่างเพอร์เฟคเมื่อดื่มกับชารสอ่อนที่มีกลิ่นหอมชวนให้ผ่อนคลาย

เราออกมาชมวิวด้านนอกโรงแรมกันบ้างดีกว่า และจุดแรกที่เราจะพาทุกคนไปชิลล์กันก็คือเสาโทริอิริมทะเลสาบอาชิ

เสาโทริอิสีแดงส้มสดใสที่ตัดกับประกายระยิบระยับของทะเลสาบอาชิยามต้องแสงแดด คือความสวยงามที่ควรไปยลมากถึงมากที่สุด แน่นอนว่าตรงจุดนี้เองที่จะทำให้คุณได้รูปสวยๆกลับไปจนเมมกล้องแทบเต็ม!

สำหรับสวนดอกไม้ของที่นี่ก็บอกเลยว่าปังมาก! เพราะนอกจากเราจะสามารถชมได้ตลอดปีแล้ว ในเดือนพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาที่ดอกอาซาเลีย 30 ชนิด จำนวนทั้งหมด 300 พุ่มบานสะพรั่งพร้อมกันเต็มสวน

และถ้าหากเราเดินเข้าไปยังบริเวณด้านหลังสวนดอกอาซาเลีย เราจะพบกับดอกกุหลาบพันปีอีกประมาณ 200 ชนิด จำนวน 300 พุ่มอีกด้วย

ในวันอากาศดีๆ ท้องฟ้าแจ่มใสแบบนี้ ทุกอย่างจะเป็นใจให้เห็นทิวทัศน์แสนสวยของภูเขาฟูจิแน่นอน

และนี่ก็เป็นวิวสวยๆยามพลบค่ำจากห้องพัก Fuji View Deluxe Twin ที่สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิพร้อมกับบรรยากาศแสนสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของฮาโกเนะ

ด้วยโทนห้องสีน้ำตาลอบอุ่นที่มีหน้าต่างบานใหญ่ของห้อง Standard Twin เราจึงสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอาชิและวิวภูเขาในฮาโกเนะได้อย่างเต็มตา ถ้าจะบอกว่านี่คือการกลับคืนสู่ธรรมชาติก็คงเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงแต่อย่างใด

ห้อง Fuji View Japanese / Western Room เป็นห้องที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว แถมมองเห็นธรรมชาติสวยๆในฮาโกเนะอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบอาชิ สวนดอกไม้ และภูเขาฟูจิในวันอากาศแจ่มใส

ห้อง Premium Force แบบ Hot Spring เป็นห้องชั้นบนสุดของโรงแรม ภายในห้องจะเน้นโทนน้ำตาลขาวสุดคลาสสิก สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบไปด้วยเตียง 4 หลัง และยังมีอ่างออนเซ็นส่วนตัวที่ทำให้เราได้อิ่มเอมกับความผ่อนคลาย อีกทั้งยังสามารถทอดสายตาไปยังทิวทัศน์ที่แสนงดงามของทะเลสาบอาชิและวิวธรรมชาติของฮาโกเนะได้ด้วย

และนี่ก็คือออนเซ็นส่วนตัวภายในห้องพัก ประกอบไปด้วยกระจกใสบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นทะเลสาบอาชิและภูเขาสีเขียวของฮาโกเนะ แค่ได้หย่อนตัวลงแช่ออนเซ็นแบบชิลล์ๆก็ฟินมากแล้วล่ะ ว่าไหม?

รายละเอียดของห้องพักอื่นๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย >>> Link

มาถึงถิ่นฮาโกเนะทั้งทีอย่าได้พลาดออนเซ็นเชียวล่ะ โดยเฉพาะออนเซ็นของโรงแรมที่มีออนเซ็นรวม หรือสึสึจิโนยุ (Tsutsuji no Yu) ให้บริการด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ่อ indoor หรือ open-air ก็มีหมด อีกทั้งยังแยกบ่อชายและหญิงด้วย เราจึงเพลิดเพลินไปกับออนเซ็นและธรรมชาติของฮาโกเนะได้อย่างผ่อนคลาย สะดวกสบายเป็นที่สุด แน่นอนว่าลูกค้าของโรงแรมสามารถใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ

มาถึงส่วนห้องอาหารฝรั่งเศสอย่างห้อง Vert Bois ที่สร้างบรรยากาศสุดชิลล์แบบเพลินๆในระหว่างที่เรากำลังอร่อยกับมื้ออาหาร ไม่ว่าทัศนียภาพของทะเลสาบอาชิที่สวยงามตลอดเวลาในยามที่มองออกไปหรือสวนของที่นี่ก็ล้วนดีงามไปหมด และถ้าวันไหนที่อากาศแจ่มใสเหมือนจิตใจที่แสนเบิกบานของเรา ขอแนะนำให้มานั่งตรงระเบียงของร้านอาหารนะ เพราะเราจะเห็นทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาฟูจิด้วย

และนี่ก็คืออาหารที่เราพูดถึงไปเมื่อครู่ ดูหน้าตาที่แสนน่ากินนั่นสิ แถมคุณหัวหน้าเชฟของที่นี่ยังได้รับการฝึกฝนจากฝรั่งเศสมาเป็นอย่างดีด้วย แค่นี้ก็การันตีความอร่อยไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว

    • หมายเหตุ : อาหารจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

ต่อด้วยอีกหนึ่งร้านของโรงแรม นั่นคือร้านสึสึจิโนชายะ (Tsutsuji no Chaya) ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แน่นอนว่าจากตรงนี้ก็สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอาชิและธรรมชาติสวยๆของฮาโกเนะได้เช่นเดียวกัน

ร้านอาหารจะใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล โดยเน้นสีสันสดใสของอาหาร และให้บริการแบบไคเซกิหรือเป็นคอร์สเสิร์ฟเรียงลำดับตามธรรมเนียมญี่ปุ่นดั้งเดิม

นอกจากนี้ เราขอแนะนำคาเฟ่ขนมหวานชื่อดังในฮาโกเนะอย่างร้าน ‘ซาลอน เดอ เต โรสาจ’ (Salon de the Rosage) ที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบอาชิ แม้ว่าคาเฟ่แห่งนี้จะมีชื่อเสียงในเรื่องของชามาก ด้วยว่ามีชาชื่อดังให้เลือกถึง 20 ชนิด แต่ของหวานสูตรต้นตำรับของที่นี่ก็ดีต่อใจไม่แพ้กันนะ ในวันที่ไม่อยากไปไหนไกลจากที่พักหรืออยากจะหาที่นั่งเปื่อย ก็สามารถมานั่งจิบชาชมวิวทั้งวันกันแบบชิลล์ๆได้ค่ะ

ทั้งนี้บริเวณชั้น 1 จะเป็นคาเฟ่ ส่วนชั้น 2 จะเป็นพรีเมียมชอปที่มีขนมเค้กและแยมสูตรต้นตำรับสำหรับซื้อกลับบ้าน รวมถึงมีภาชนะเก๋ๆอย่างจานชามหรือถ้วยชาแบบดั้งเดิมของคาเฟ่ให้เลือกซื้อด้วย โดยร้านจะเปิดทำการทุกวันในเวลา 11.00 – 16.30 น.

และนี่ก็เป็นบรรยากาศภายในคาเฟ่ ถ้าใครอยากรับลมหน่อยก็นั่งที่ระเบียงด้านนอกได้นะ

นอกจากนี้โรงแรมนี้ยังมีสปาให้บริการด้วย จากห้องสปาก็สามารถชมวิวทะเลสาบอาชิและวิวภูเขาในฮาโกเนะได้เหมือนกัน เป็นการพักผ่อนกายและใจได้อย่างดีเลย

    • หมายเหตุ : สปามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

มาดูบรรยากาศรอบๆโรงแรมกันต่อเลยดีกว่า

สวนดอกไม้ของที่นี่ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั้นสวยไม่แพ้ฤดูใบไม้ผลิเลย ถ้าใครอยากมาแล้วได้ฉากแบบนี้ เราขอแนะนำว่าให้มาตอนต้นเดือนพฤศจิกายนนะ หรือถ้าอยากมาเวลาอื่นก็สามารถเช็กภาพสวนสวยๆแบบเรียลไทม์กันได้ที่นี่เลยจ๊ะ > Link

    • หมายเหตุ : อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ

เสน่ห์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นคือบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวที่โดนคุมโทนจากฤดูกาลในตอนนั้น สวนดอกกุหลาบที่บานสะพรั่งก็เช่นกัน ถ้าอยากมาชมฉากสวยๆแบบนี้ แนะนำให้มาช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และช่วงกลางเดือนกันยายนถึงกลางตุลาคม

    • หมายเหตุ : อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ

ตรงนี้คือท่าเรือที่สร้างมาเพื่อให้พวกเราไปเดินเล่นรับลม ชมบรรยากาศชิลล์ๆใกล้ทะเลสาบอาชิ ขนาดเห็นแค่ในรูปยังฟินเลย

บรรยากาศของทะเลสาบอาชิยามพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ นับเป็นความสวยงามอีกอย่างหนึ่งที่น่าจดจำ

ในช่วงที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาดอย่างหนักแบบนี้ ทางโรงแรมก็มีมาตรการรับมืออย่างเคร่งครัด โดยให้บริการ Check-in แบบไร้สัมผัสและติดตั้งฉากใส พร้อมทั้งมีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ทั่วโรงแรม และมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันไวรัสอีกด้วย เพื่อให้ลูกค้าเข้าใช้บริการได้อย่างไร้กังวล

กลับไปที่สารบัญ

3. การเดินทางมายังโรงแรมโฮเตล เดอ ยามะ

ว่าด้วยเรื่องของการเดินทางมายังโรงแรมโฮเตล เดอ ยามะ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฮาโกเนะ จ. คานากาวะ เราขอแนะนำตั๋วเดินทางแบบ Hakone Freepass หรือ Hakone Kamakura Pass ที่จะช่วยให้คุณเดินทางในฮาโกเนะอย่างสะดวกสบายสุดๆ

สำหรับใครที่อยากสัมผัสการนั่งรถไฟด่วนและซึมซับบรรยากาศแบบญี่ปุ่น เราขอแนะนำรถไฟด่วนพิเศษ Romancecar ที่สามารถนั่งจากชินจูกุมายังสถานี Hakone-Yumoto ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 80 นาที จากนั้นก็ขึ้นรถบัสฮาโกเนะโทซังมาลงที่ป้าย Motohakone-ko โดยจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วค่อยต่อรถ Shuttle Bus ฟรีของโฮเตล เดอ ยามะ ที่ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็จะมาถึงได้อย่างสะดวกสบาย

    • หมายเหตุ : มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ 1,110 เยน / เที่ยว

หรือใครจะนั่งรถบัส Odakyu Highway Bus จากสถานีชินจูกุตรงมายังโฮเตล เดอ ยามะเลยก็ได้เหมือนกัน โดยใช้เวลาประมาณ 150 นาที ทั้งนี้ระยะทางจากชินจูกุ – ฮาโกเนะ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากตั๋ว 2,250 เยน / เที่ยว สำหรับจำนวนเที่ยวของรถบัสจะอยู่ที่ 1 เที่ยวไป-กลับต่อวัน โดยวิ่งจากสถานีชินจูกุถึงโฮเตล เดอ ยามะ รถบัสนี้จะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

    • หมายเหตุ : เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 รถบัสจึงหยุดให้บริการชั่วคราวในขณะนี้ (บทความนี้เขียนในช่วงต้นปี 2021)

สิทธิพิเศษของผู้ถือตั๋ว Hakone Freepass สามารถนำตั๋วใบนี้ไปใช้เป็นส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่มมื้อกลางวันที่ร้านอาหารของ Hotel De Yama ได้ (ยกเว้นเดือนพฤษภาคม)

ส่วนรายละเอียดการเดินทางต่างๆ สามารถดูเพิ่มเติมจากลิงก์ที่อยู่ด้านล่างได้เลย

เว็บไซต์

กลับไปที่สารบัญ

4. ข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมโฮเตล เดอ ยามะ

การเดินทาง
    • เดินทางโดยรถบัสสายฮาโกเนะโทซัง ลงที่สถานี Motohakone-ko และต่อรถ Shuttle Bus ฟรีของโรงแรม
เว็บไซต์
ที่มา

 

Back To Top