รวม 16 ที่เที่ยวใน “จังหวัดฟุกุโอกะ” ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!
ก.ย. 06, 2021
บทนำ : ไปเที่ยว “จังหวัดฟุกุโอกะ” กันเถอะ!
จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka Prefecture) เป็นจังหวัดที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกันไม่น้อย เพราะเป็นที่ตั้งของ เมืองฟุกุโอกะ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะคิวชู และ สนามบินฟุกุโอกะ ที่มักเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชู ทั้งนี้ตัวเมืองฟุกุโอกะเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย (ส่วนมากจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแนวชิลล์ๆ) แถมยังมีที่ชอปปิ้งและของกินอีกเพียบ เมืองฟุกุโอกะจึงตอบโจทย์คนที่อยากเที่ยวแบบชิลล์ๆ รีแล็กซ์จากการทำงาน นอกจากนี้ ในโซนอื่นๆยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเชิงประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และจุดถ่ายรูปสวยๆแนวเรโทรอีกเพียบ เรียกได้ว่ามาจังหวัดเดียวน่าจะเที่ยวได้ครบทุกแบบเลยก็ว่าได้
สำหรับการเดินทางไปฟุกุโอกะนั้น ถ้าเริ่มจากไทยก็ให้บินไปลงที่สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) เมื่อเทียบกับสนามบินอื่นๆแล้ว ที่นี่เป็นสนามบินที่ต่อรถเข้าเมืองได้เร็วมากกกก เพียงขึ้นรถไฟใต้ดินไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น!
แต่ถ้าใครเดินทางมาจากเมืองอื่นในญี่ปุ่นโดยเครื่องบิน ก็จะใช้เวลาประมาณนี้
- จากโตเกียว : 2 ชั่วโมง 15 นาที
- จากนาโกย่า : 1 ชั่วโมง 25 นาที
- จากโอซาก้า : 1 ชั่วโมง 15 นาที
ส่วนการเดินทางในฟุกุโอกะนั้น ถ้าเอาแค่ภายในตัวเมืองฟุกุโอกะ เพียงใช้ตั๋ว Fukuoka Subway 1-Day Pass ที่มีราคา 640 เยนก็น่าจะตอบโจทย์แล้ว แต่ถ้าอยากไปเมืองอื่นๆด้วย เช่น ดาไซฟุ เราขอแนะนำให้ลองใช้ Fukuoka Tourist City Pass แบบราคา 2,000 เยน
สำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวฟุกุโอกะรวมถึงจังหวัดอื่นๆในคิวชูด้วย มีตัวเลือกดังนี้
ความต่างของ 2 พาสนี้คือ แบบแรกใช้ขึ้นรถไฟ ส่วนแบบที่ 2 ใช้ขึ้นรถบัส แต่ถ้าถามว่าอันไหนดีกว่ากันก็คงต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับแผนเที่ยวของแต่ละคนครับ (โดยส่วนตัวผมมองว่า Sun Q Pass ดีกว่านิดๆ เพราะที่เที่ยวในคิวชูหลายๆที่ต้องนั่งรถบัสไป เนื่องจากไม่มีรถไฟไปถึงครับ)
สำหรับรถไฟ JR Kyushu ทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลยครับ >> JR Kyushu Railpass Guidebook (ภาษาไทย)
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งใน “จังหวัดฟุกุโอกะ” กันเลยนะครับ
สารบัญ (Index) : จังหวัดฟุกุโอกะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City)
-
- 1. สวนริมทะเล Uminonakamichi Seaside Park & พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World Uminonakamichi
- 2. สวนโอโฮริ (Ohori Park) & พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
- 3. ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)
- 4. สวนริมทะเล Momochi Seaside Park & ตึก Fukuoka Tower
- 5. วัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple)
- 6. ห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)
- 7. ย่านร้านอาหารแผงลอย ‘ยาไต’ (Yatai)
- 8. วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
- 9. teamLab Forest Fukuoka
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนดาไซฟุ (Dazaifu)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนคิตะคิวชู (Kitakyushu)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนมุนาคาตะ (Munakata)
อาหารท้องถิ่นประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ”
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City)
1. สวนริมทะเล Uminonakamichi Seaside Park & พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World Uminonakamichi
สวนริมทะเล Uminonakamichi Seaside Park มีพื้นที่กว้างถึง 15,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆของเมืองฟุกุโอกะ ภายในสวนมีต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้น โดยมีทีเด็ดอยู่ที่ช่วงต้นเดือนเมษายน เพราะในช่วงเวลานั้นดอกซากุระจะบานพร้อมๆกับดอกเนโมฟีลาสีฟ้า ทำให้เกิดวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งดอกไม้สีฟ้าตัดกับดอกซากุระสีชมพู เป็นภาพที่สวยงามตระการตามาก

ที่มา : https://allabout-japan.com
นอกจากดอกซากุระและดอกเนโมฟีลาแล้ว ดอกทิวลิปที่บานในช่วงเดือนพฤษภาคมก็สวยงามไม่แพ้กันครับ
หากเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของสวน เราจะเจอกับ Marine World Uminonakamichi พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริมทะเลซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่โชว์การแสดงโลมา ซึ่งเราจะได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงของเหล่าน้องโลมาสุดน่ารัก พร้อมกับชมวิวทะเลได้ในเวลาเดียวกัน

Niradj/Shutterstock

ที่มา : https://yokanavi.com
ข้อมูลเกี่ยวกับ Uminonakamichi Seaside Park และ Marine World Uminonakamichi
ที่อยู่
- Uminonakamichi Seaside Park
- 18-25 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka, 811-0321
- เบอร์โทร : 092-603-1111
- แฟ็กซ์ : 092-603-1199
- Marine World Uminonakamichi
- 18-28 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka 811-0321
- เบอร์โทร : 092-603-0400
วันและเวลาทำการ
- Uminonakamichi Seaside Park
- วันทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 17:30 น. (ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เปิดให้บริการถึง 17:00 น.)
- ปิดทำการ : วันที่ 31 ธันวาคมถึง 1 มกราคม และวันจันทร์กับวันอังคารแรกของเดือนกุมภาพันธ์
- Marine World Uminonakamichi
- วันทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เวลาทำการ : เดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน เปิดเวลา 9:30 – 17:30 น. / เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เปิดเวลา 10:00 – 17:00 น.
- ปิดทำการ : วันจันทร์และวันอังคารแรกของเดือนกุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม
- Uminonakamichi Seaside Park
- ผู้ใหญ่ : 450 เยน
- ผู้สูงอายุ : 210 เยน
- เด็กมัธยมต้นลงไป : ฟรี
- Marine World Uminonakamichi
- ผู้ใหญ่ : 2,350 เยน
- ผู้สูงอายุ : 1,880 เยน
- เด็กประถม : 1,100 เยน
- เด็กเล็ก (อายุ 3 ปีขึ้นไป) : 600 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima Main Line ไปลงที่สถานี Kashii แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Kashii Local Saitozaki ไปลงที่สถานี Uminonakamichi (ใช้เวลาประมาณ 32 นาที ค่าโดยสาร 480 เยน) จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
- Uminonakamichi Seaside Park : https://uminaka-park.jp/
- Marine World Uminonakamichi : https://marine-world.jp/en/
พิกัด
- Uminonakamichi Seaside Park
- Marine World Uminonakamichi
2. สวนโอโฮริ (Ohori Park) & พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
สวนโอโฮริ (Ohori Park) สร้างขึ้นในปี 1929 เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะที่ชาวเมืองนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจกัน โดยชื่อ โอโฮริ (Ohori) นั้นถ้าแปลแบบตรงๆเลยจะหมายถึงคูน้ำรอบเมืองหรือปราสาท ซึ่งสันนิษฐานกันว่าหมายถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลางนั่นเอง

JACK-Photographer/Shutterstock
นอกจากนี้ภายในสวนโอโฮริก็ยังมีสนามเด็กเล่นอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นจุดท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การพาครอบครัวมาผ่อนคลาย
นอกจากนี้ภายในสวนโอโฮริก็ยังมีโซนสวนญี่ปุ่นที่สวยงามมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สายถ่ายภาพไม่ควรพลาดครับ
สำหรับใครที่ชอบดูงานศิลปะ ภายในสวนโอโฮริก็ยังมีโซนย่อยที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะด้วยครับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ออกแบบโดยคุนิโอะ มาเอะกาวะ สถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดัง ด้านในจะมีผลงานของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่างมิโร ต้าหลี่และชากาล อีกทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่รวบรวมผลงานของจิตรกรผู้มีบ้านเกิดอยู่ในภูมิภาคคิวชูด้วย เช่น ชิเงรุ อาโอกิ, เซกิ คุโรดะ และฮันจิโร ซากาโมโตะ

ที่มา : www.fukuoka-now.com
นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีผลงานศิลปะอันเก่าแก่แห่งโลกตะวันออก รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เช่น อุปกรณ์ชงชา งานศิลปะทางพุทธศาสนา และผลงานอันทรงคุณค่าต่างๆอีกมากมาย
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนโอโฮริ (Ohori Park) & พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
ที่อยู่
- Ohori Park, 1 Ohorikoen, Chuo Ward, Fukuoka, 810-0051
- เบอร์โทร : 092-741-2004
วันและเวลาทำการ
- Ohori Park
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- สวนญี่ปุ่นเปิดทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น. (เปิดถึง 18:00 ในเดือนมิถุยายน – สิงหาคม) ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม
- Fukuoka Art Museum
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 17:30 น. (เปิดถึง 20:00 น. ในวันศุกร์และวันเสาร์ของเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม)
- ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ 28 ธันวาคม – 4 มกราคม
ค่าเข้าชม
- Ohori Park : เข้าชมฟรี
- สวนญี่ปุ่น : มีค่าเข้าชมดังนี้
- ผู้ใหญ่ : 250 เยน
- เด็ก : 120 เยน
- Fukuoka Art Museum : มีค่าเข้าชม 200 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ohori Park (Fukuoka Art Museum) โดยใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 260 เยน จากนั้นให้เดินต่อไปอีก 3 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
- Ohori Park
- Fukuoka Art Museum
3. ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)
ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins) เป็นส่วนหนึ่งของปราสาทเก่าที่หลงเหลืออยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ (ชื่อทางการ : ปราสาทมาอิซูรุ หรือ Maizuru Castle) เดิมทีปราสาทแห่งนี้เคยได้การขนานนามว่าเป็นปราสาทใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู โดยสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 โดย Kuroda Nagamasa ไดเมียวผู้ปกครองเมือง แต่พอเข้าสู่ยุคเมจิ ปราสาทฟุกุโอกะก็ถูกสั่งรื้อถอนเช่นเดียวกับปราสาทอีกหลายๆแห่งในสมัยนั้น
ปัจจุบันปราสาทฟุกุโอกะจึงเหลือเพียงส่วนของกำแพงและฐานของหอคอยเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะเหลือเพียงแค่บางส่วนของปราสาท แต่ที่นี่ก็ยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การมาเดินเล่นพักผ่อน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีซากุระบานสวยงาม
นอกจากนี้ ในบางช่วงของปียังมีการประดับไฟในยามค่ำคืนอีกด้วย สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยล่ะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)
ที่อยู่
- Fukuoka Castle Ruins, 1 Jonai, Chuo Ward, Fukuoka, 810-0043
เบอร์โทร
- 092-732-4801
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี (แต่มีค่าเข้าชมในช่วงที่มีการประดับไฟตอนกลางคืน)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ohori Park (Fukuoka Art Museum) โดยใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 260 เยน แล้วเดินต่อไปอีก 15 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
4. สวนริมทะเล Momochi Seaside Park & ตึก Fukuoka Tower
สวนริมทะเล Momochi Seaside Park เป็นที่ตั้งของหาดทรายซึ่งสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ จนก่อให้เกิดเป็นสวนหาดริมทะเลที่มีความกว้างและความยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยที่นี่นับเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวฮากาตะ
โซนที่อยู่ใกล้ทะเลมีชื่อว่าโซน Marizon ซึ่งมีทั้งร้านช้อปปิ้งเล็กๆน่ารักๆ ร้านอาหาร มุมนั่งเล่นพักผ่อน นอกจากนี้ยังมี Wedding Hall ที่มีลักษณะเป็นอาคารสไตล์ตะวันตกริมทะเลที่มีความสวยงามแบบย้อนยุคให้ได้ไปถ่ายรูปกัน

Sanga-Park / Shutterstock
นอกจากนี้บริเวณใกล้กับหาดยังเป็นที่ตั้งของ ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) ตึกที่มีความสูง 234 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดของเมืองฟุกุโอกะอีกด้วย

Jirat-Teparaksa / Shutterstock
เราสามารถชมวิวเมืองฟุกุโอกะและอ่าวฮากาตะโดยรอบได้จากที่นี่ โดยวิวจะสวยเป็นพิเศษในตอนกลางคืน

EQRoy/Shutterstock
ถัดมาอีกนิดจะเป็น Fukuoka City Museum พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองฟุกุโอกะ โดยภายในพิพิธภัณฑ์จะประกอบไปด้วยโซนต่างๆ เช่น โซนห้องสมุด โซนห้องเรียน โซนทดลองเรียนรู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีห้องจัดแสดงทั้งแบบทั่วไปและแบบพิเศษ
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ Fukuoka City Museum ยังเป็นสถานที่เก็บรักษา Gold Seal หรือเครื่องทองที่ถูกค้นพบบนเกาะ Shikanoshima เมื่อปี 1784 และได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนริมทะเล Momochi Seaside Park & ตึก Fukuoka Tower
ที่อยู่
- Momochi Seaside Park
- Jigyohama, Chuo Ward AND Momochi-hama, Sawara Ward, Fukuoka City, Fukuoka 814-0001
- โทร : 092-822-8141
- Fukuoka Tower
- 2 Chome-3-26 Momochihama, Sawara Ward, Fukuoka, 814-0001
- โทร : 092-823-0234
- Fukuoka City Museum
- 3-1-1, Momochihama, Sawara-ku, Fukuoka
- โทร : 0928455011
วันและเวลาทำการ
- Momochi Seaside Park
- สวนริมทะเล Momochi Seaside Park เปิดให้เข้าชมทุกวัน และเข้าชมได้ตลอดเวลา
- Fukuoka Tower
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เวลา 9:30 – 20:00 น. (เข้าได้จนถึงเวลา 19:30 น.)
- ปิดวันจันทร์และอังคารของสัปดาห์สุดท้ายในเดือนมิถุนายน
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- Fukuoka City Museum
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:30 – 17:30 น.
- หยุดทุกวันจันทร์ และวันที่ 28 ธันวาคม – 4 มกราคม
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี (มีค่าเข้าชมในช่วงที่มีการประดับไฟตอนกลางคืน)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Fukuoka Tower Minamiguchi (ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินต่อไปอีก 2-10 นาที ทั้งนี้เวลาในการเดินจะขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไป
- นอกจากนี้ เราอาจเลือกเดินทางด้วยเรือเฟอร์รีจาก Uminonakamichi Seaside Park พร้อมกับชมวิวระหว่างนั่งเรือไปด้วยก็ได้เช่นกัน (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 1,100 เยน)
เว็บไซต์
พิกัด
- Momochi Seaside Park
- Fukuoka Tower
- Fukuoka City Museum
5. วัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple)
วัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple) เป็นวัดพุทธมหายาน นิกายเซน สำนักรินไซแห่งแรกที่สร้างขึ้นในประเทศญี่ปุ่น วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเอไซ (Eisai) ในปี ค.ศ. 1195 หรือ พ.ศ. 1738 (โดยก่อนหน้านี้ศาสนาพุทธได้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงประมาณปี ค.ศ. 507 หรือ พ.ศ. 1050 แล้ว แต่เป็นพุทธมหายานนิกายอื่น)
อย่างไรก็ตาม นิกายเซนสำนักรินไซเป็นนิกายที่ให้ความสำคัญกับการทำสมาธิและสร้างวินัยในตนเอง จึงเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นปกครองและเหล่านักรบซามูไรของรัฐบาลโชกุนยุคคามาคุระ
ลักษณะเด่นของวัดพุทธนิกายเซนคือจะต้องมีสวนสไตล์เซนอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งสวนสไตล์เซนของวัดนี้ก็สวยงามมาก ผมขอแนะนำให้แต่งตัวสวยๆหล่อๆมาเดินถ่ายรูปกันครับ จุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดคือสะพานและประตูไซมง
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple)
ที่อยู่
- Shofukuji Temple, 6-1 Gokusho-machi, Hakata-ku, Fukuoka, 812-0037
โทร
- 092-291-0775
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Gion (ใช้เวลา 2 นาที ค่าโดยสาร 190 เยน) แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
6. ห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)

AVETPHOTOS / Shutterstock
คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata) เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมน้ำภายในตัวเมืองฟุกุโอกะ จุดเด่นคือด้านในมีการขุดคลองให้ไหลผ่านใจกลางห้างแห่งนี้จนกลายเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ในส่วนของร้านค้าก็มีมากกว่า 250 ร้าน โดยมีทั้งร้านที่มีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ไปจนถึงร้านที่นำเข้าสินค้ามาจากต่างประเทศ

Sanga-Park/Shutterstock
หลังจากช้อปปิ้งกันจนหิวก็ต้องแวะไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ราเมนสเตเดียม โซนที่รวมร้านราเมนชื่อดังเอาไว้ในที่เดียว ร้านราเมนที่นี่เยอะชนิดที่ว่าเราอาจจะไม่ต้องไปตามหาที่อื่นเลยก็ว่าได้
ข้อมูลเกี่ยวกับห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)
ที่อยู่
- Canal City Hakata, 1 Chome-2 Sumiyoshi, Hakata Ward, Fukuoka, 812-0018
โทร
- 092-282-2525
วันและเวลาทำการ
- เวลาทำการของห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ : เปิดให้บริการทุกวัน (เวลาทำการของร้านค้าจะแตกต่างกัน)
- เวลาทำการของโซนร้านค้า : 10:00 – 21:00 น.
- เวลาทำการของโซนร้านอาหาร : 11:00 – 23:00 น.
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata ให้นั่งรถบัสประมาณ 5 นาที ไปลงที่ป้าย Canal City Hakata หรือเดิน 12 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
7. ย่านร้านอาหารแผงลอย ‘ยาไต’ (Yatai)
ร้านอาหารแผงลอย หรือที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ยาไต (Yatai) นั้น ความจริงแล้วสำหรับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกรุงเทพฯ ก็คงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากมายใช่ไหมล่ะครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราเห็นกันจนชินตา แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ร้านอาหารแผงลอยแบบยาไตนี่ถือเป็นของหายากอย่างหนึ่งเลย เพราะปัจจุบันร้านอาหารแผงลอยในญีปุ่นนั้นดูเหมือนจะหาได้เฉพาะที่ฟุกุโอกะเท่านั้น ต่างจากอดีตในสมัยเอโดะที่จะมีร้านอาหารแผงลอยอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโตเกียว
ตัวอย่างของอาหารที่คนญี่ปุ่นขายกันในร้านยาไตก็อย่างเช่นราเมน หรือไม่ก็อาหารแนวย่างๆที่เข้ากันได้ดีเวลากินแกล้มกับเบียร์หรือสาเก
หรือแนวของทอดอย่างเทมปุระก็มีเหมือนกัน
การได้กินอาหารแบบโอเพ่นแอร์ สัมผัสกับบรรยากาศที่มีผู้คนเดินไปมา คนเมาตะโกนโหวกเหวก และดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ก็นับว่าเป็นเสน่ห์อีกแบบที่น่าลองหากมีโอกาสได้มาเที่ยวที่ฟุกุโอกะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับย่านร้านอาหารแผงลอย ‘ยาไต’ (Yatai)
ที่อยู่
- Yatai 4 Nakasu, Hakata-ku, Fukuoka, 818-0801
โทร
- 092-291-0775
วันและเวลาทำการ
- ไม่มีช่วงเวลาการเปิดบริการที่ตายตัวสำหรับทุกร้านในย่านร้านอาหารแผงลอยยาไต แต่โดยส่วนมากจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วง 5 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนของทุกวัน
วิธีเดินทาง
- ย่านร้านอาหารแผงลอยยาไตนั้นมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมืองฟุกุโอกะ แต่จะกระจุกตัวอยู่มากที่สุดในบริเวณเกาะนากาสึ (Nakasu Island) ซึ่งเป็นเกาะกลางเมือง วิธีเดินทางไปยังเกาะนากาสึคือให้นั่งรถไฟจากสถานี Hakata ไปลงที่สถานี Nakasu Kawabata หรือสถานี Minami Tenjin (ใช้เวลา 3 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10นาที
เว็บไซต์
พิกัด
8. วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple) เป็นที่ประดิษฐานของ The reclining Buddha หรือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์(พระนอน)ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก! พระพุทธรูปของวัดนันโซอินองค์นี้มีความยาว 41 เมตร สูง 11 เมตร (กะจากสายตาแล้วคิดว่าขนาดประมาณพระนอนที่วัดโพธิ์ครับ) และที่สำคัญคือพระพุทธรูปองค์นี้หนักถึง 300 ตัน ซึ่งนับว่าใหญ่กว่าหลวงพ่อโตที่คามาคุระ (หลวงพ่อโตที่คามาคุระสูง 13 เมตร หนัก 95 ตัน) แถมยังใหญ่กว่าหลวงพ่อโตที่นาราด้วย (หลวงพ่อโตที่นาราสูง 15 เมตร หนัก 250 ตัน)
หลวงพ่อโตที่วัดนันโซอินแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2538 สำหรับผู้ที่สนใจอาจเดินลงไปชมห้องสวดมนต์ใต้องค์พระได้ แต่จะมีค่าเข้าชมเพิ่มเติมนะครับ

LnP-images/Shutterstock
อ้อ! ที่นี่เขามีคำแนะนำว่าให้ลองขอพระเรื่องการเงินดูด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าขาย หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อหวย
แต่เอ…ทำไมต้องเป็นเรื่องซื้อหวยด้วยล่ะ?
เรื่องนี้เขาเล่ากันว่าเป็นเพราะเงินทุนในการสร้างหลวงพ่อโตองค์นี้มาจากเงินรางวัลที่พระถูกหวยหลายๆงวด โดยในปี 1995 เจ้าอาวาสของวัดนันโซอินถูกหวยเป็นเงินจำนวนถึง 130 ล้านเยน! (อันนี้เรื่องจริงนะ ไม่ได้โม้) หลายๆคนอาจจะงงว่าทำไมพระถึงซื้อหวยได้ ต้องบอกเลยว่าพระญี่ปุ่นซื้อหวยได้ไม่ผิดศีลจ้า เพราะเป็นพุทธมหายาน คนละนิกายกับที่ไทยนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
ที่อยู่
- Nanzoin, 1035 Sasaguri-machi, Kasuya-gun, Fukuoka, 811-2405.
โทร
- 092-947-7195
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งเวลา 09:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
- ยกเว้นห้องสวดมนต์บริเวณใต้พระพุทธรูป มีค่าเข้า 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata ให้นั่งรถไฟ JR Sasaguri มาลงที่สถานี Kido Nanzoin-mae (ใช้เวลา 26 นาที ค่าโดยสาร 380 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
9. teamLab Forest Fukuoka
ใครที่ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเราสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสถานที่ได้ เราขอแนะนำให้มาถ่ายรูปเพลิดเพลินไปกับ teamLab Forest Fukuoka พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิตอลในฟุกุโอกะที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มศิลปะระดับโลก ‘teamLab’ ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่คุณสามารถถ่ายรูปไปพร้อมกับเพลิดเพลินกับงานศิลปะได้ โดยภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 โซน ดังนี้
1. โซนป่า Catching and Collecting Forest
คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณเพื่อสำรวจ จับ และสังเกตสัตว์ต่างๆภายในโซนนี้ รวมถึงสร้างคอลเลกชันของคุณเองได้
2. โซน Athletics Forest
เป็นพื้นที่สามมิติที่คุณสามารถดื่มด่ำไปกับโลกที่มีการโต้ตอบจากการเดินและการสัมผัสของคุณ
teamLab Forest Fukuoka ตั้งอยู่ที่ตึก BOSS E・ZO FUKUOKA ชั้น 5 >> https://e-zofukuoka.com
หากมาเที่ยวในโซนตัวเมืองฟุกุโอกะ อย่าลืมแวะมาชม teamLab Forest Fukuoka กันนะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับ teamLab Forest Fukuoka
ที่อยู่
- teamLab Forest Fukuoka, BOSS E・ZO FUKUOKA 5F, 2-chōme-2-6 Jigyōhama, Chūō-ku, Fukuoka Prefecture
โทร
- +8192-400-0515
วันและเวลาทำการ
- วันธรรมดา : 11:00 – 20:00 น.
- วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 10:00 – 20:00 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) : 2,600 เยน
- ผู้สูงอายุ : 2,200 เยน
- เด็ก (อายุ 15 ปีหรือน้อยกว่า) : 1,000 เยน
* เด็กอายุ 3 ขวบหรือน้อยกว่านั้นที่มาพร้อมผู้ปกครอง สามารถเข้าชมได้ฟรี
* มีส่วนลดสำหรับผู้ที่เข้าชมพร้อมผู้พิการ
วิธีเดินทาง
- BOSS E・ZO FUKUOKA ตั้งอยู่ข้างๆ Fukuoka PayPay Dome สามารถเดินทางไปจากใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจาก HAKATA และ 15 นาทีจาก TENJIN
-
- รถไฟใต้ดิน : 5 นาทีจากสายสนามบินเทนจิน เดิน 15 นาทีจากสถานี Tojinmachi
- รถบัส : ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Fukuoka Tower และลงที่ PayPay Dome/Fukuoka Medical Center
-
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนดาไซฟุ (Dazaifu)
10. ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu Shrine)
ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu Shrine) เป็นศาลเจ้าอันดับต้นๆของศาลเจ้าสายเทพการศึกษาอย่าง เทพเทนจิน เคียงคู่กับศาลเจ้าคิตาโนะเทนมังกุของจังหวัดเกียวโต
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สิงสถิตของวิญญาณของ สึกาวาระ โนะ มิจิซาเนะ (Sugawara no Michizane) นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงในช่วง ค.ศ. 800 – 900 แต่กลับต้องมาสิ้นชีพที่ฟุกุโอกะเพราะถูกเนรเทศจากการโดนใส่ร้าย
หลังจากที่มิจิซาเนะเสียชีวิตไปก็ได้มีการสร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่ออุทิศให้เขา จนกลายเป็นศาลเจ้าสายเทนมังกุที่มีสาขาทั่วประเทศกว่า 12,000 แห่ง
เนื่องจากมิจิซาเนะเป็นนักปราชญ์ชื่อดังเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต ท่านจึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งการศึกษา ด้วยเหตุนี้นักเรียนนักศึกษาจำนวนมากจึงนิยมเดินทางมายังศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุเพื่อขอพรให้การเรียนดีและสอบผ่าน ซึ่งรวมไปถึงการสอบแข่งขันและการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานด้วยเช่นกัน
นอกจากส่วนของศาลเจ้าและความเป็นมาแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุก็คือบรรยากาศดีๆภายในพื้นที่ศาลเจ้า ดอกไม้สีชมพูสวยงามที่พบเห็นได้ในบริเวณศาลเจ้านั้นไม่ใช่ดอกซากุระนะครับ แต่เป็น ‘ดอกบ๊วย’ หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ ‘ดอกอุเมะ’
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาชมความงามหรือถ่ายภาพกับดอกบ๊วยคือกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนครับ รับรองว่าสวยงามไม่แพ้ดอกซากุระแน่นอน
นอกจากนี้ ใกล้กับศาลเจ้ายังมีร้านกาแฟ Starbucks ที่โด่งดังมากที่สุดสาขาหนึ่งของญี่ปุ่นเลยด้วย เนื่องจากสตาร์บัคส์สาขานี้ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์งานไม้โดดเด่นเป็นสง่า ควรค่าอย่างยิ่งแก่การเข้าไปนั่งจิบกาแฟและอัปรูปลงอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ครับ
หากใครอยากชมรีวิวสตาร์บัคส์สาขาศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลย >> 3 สตาร์บัคส์ญี่ปุ่น ที่สวยอบอุ่นด้วยงานไม้ดีไซน์เก๋
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu Shrine)
ที่อยู่
- Dazaifu Tenmangu Shrine, 4-7-1, Saifu, Dazaifu, Dazaifushi, Fukuoka, 818-0117.
โทร
- 092-922-8225
วันและเวลาทำการ
- ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ เปิดให้บริการทุกวัน ตามเวลาดังนี้
- เดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม : 6:00 – 19:00 น.
- เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม : 6:00 – 19:30 น.
- ต้นเดือนกันยายนถึงกลางเดือน : 6:00 – 19:00 น.
- ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน : 6:30 – 19:00 น.
- เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม : 6:30 – 18:30 น.
- ปลายเดือนมีนาคม : 6:00 – 18:30 น.
- เฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์ : เปิดให้บริการถึงเวลา 20:30 น.
- พิพิธภัณฑ์ศาลเจ้า : เปิดให้บริการวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
- พิพิธภัณฑ์ท่องเที่ยว : เปิดให้บริการวันพฤหัสบดีถึงวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี ยกเว้นพิพิธภัณฑ์ศาลเจ้าและพิพิธภัณฑ์ท่องเที่ยว ส่วนนี้จะมีค่าเข้าชม 200, 400, 500 เยน แล้วแต่ประเภทตั๋ว
วิธีเดินทาง
- จากตัวเมืองฟุกุโอกะ นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line จากสถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 25 นาที จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟไปนั่งสาย Dazaifu Line ไปลงที่สถานี Dazaifu ตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าเดินทางรวม 410 เยน)
- วิธีเดินทางอีกแบบหนึ่งคือการโดยสารรถบัส โดยนั่งจากสถานี Hakata Bus Center หรือจากสนามบินฟุกุโอกะ เพื่อเดินทางไปยังศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ
- ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบใด เมื่อมาถึงสถานี Dazaifu แล้ว ให้เดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึงศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ
เว็บไซต์
พิกัด
11. วัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozen-ji Temple)
วัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozen-ji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเซนสำนักรินไซที่สร้างขึ้นในช่วงกลางยุคคามาคุระ โดยหลวงพ่อ Tetsugyu Enshin ลูกศิษย์ของหลวงพ่อผู้ก่อตั้งวัดโทฟุคุจิในจังหวัดเกียวโต
จุดเด่นของวัดโคเมียวเซ็นจินั้น แน่นอนว่าก็ต้องเป็นสวนหินแบบเซน สวนหินที่นี่ได้รับการจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ดูสงบเรียบง่ายไตล์เซน
แต่สวนเซนของวัดโคเมียวเซ็นจินั้นจะยิ่งสวยเด็ดมากๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี บรรยากาศจะดูสวยงามตระการตาราวกับอยู่ในแดนสุขาวดีเลยล่ะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozen-ji Temple)
ที่อยู่
- Komyozenji, 2 Chome-16-1 Saifu, Dazaifu, Fukuoka 818-0117
โทร
- 092-922-4053
วันและเวลาทำการ
- วัดโคเมียวเซ็นจิเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากตัวเมืองฟุกุโอกะ นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line ที่สถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 25 นาที จากนั้นให้เปลี่ยนสายรถไฟไปนั่งสาย Dazaifu Line โดยลงที่สถานี Dazaifu ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าเดินทางรวม 410 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาทีเพื่อไปที่วัดโคเมียวเซ็นจิ
เว็บไซต์
พิกัด
12. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum)

kan_khampanya/Shutterstock
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum) เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 4 ของญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2005 คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือ “เข้าใจญี่ปุ่นผ่านแนวคิดของเอเชีย” เพราะในอดีตภูมิภาคคิวชูนับว่าเป็นจุดเชื่อมต่อของประเทศญี่ปุ่นกับเอเชียภาคพื้นทวีปนั่นเอง

Danny-Ye/Shutterstock
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงยุคเอโดะ และมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นๆในเอเชียเป็นระยะๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum)
ที่อยู่
- Kyushu National Museum,4-7-2 Ishizaka, Dazaifu City, Fukuoka, 818-0118
โทร
- 092-922-4053
วันและเวลาทำการ
- วันเปิดทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 17:00 น.
- วันปิดทำการ : หยุดทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 700 เยน
- นักศึกษา : 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากตัวเมืองฟุกุโอกะ นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line ที่สถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 25 นาที จากนั้นให้เปลี่ยนสายรถไฟไปนั่งสาย Dazaifu Line โดยลงที่สถานี Dazaifu ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าเดินทางรวม 410 เยน) แล้วเดินต่อไปที่พิพิธภัณฑ์โดยใช้เวลา 2 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนคิตะคิวชู (Kita Kyushu)
13. สวนดอกวิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden

Lifebrary / Shutterstock
สวนดอกวิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden หรือ Kawachi Wisteria Garden เป็นสวนดอกวิสทีเรียในจังหวัดฟุกุโอกะที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1977 บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ภายในสวนมีต้นวิสทีเรียปลูกไว้กว่า 150 ต้น โดยมีทั้งหมด 22 สายพันธุ์
จุดที่สวยที่สุดของสวนแห่งนี้คือ อุโมงค์ดอกวิสทีเรียหลากสีสันที่เลี้อยปกคลุมห้อยระย้าเป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้ในสวนแห่งนี้คือตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป
นอกจากจะมีทัศนียภาพที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ที่นี่ก็งดงามด้วยใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วยเช่นกันครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนดอกวิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden
ที่อยู่
- Kawachi Fuji Garden / Kawachi Wisteria Garden, 2 Chome-2-48 Kawachi, Yahatahigashi Ward, Kitakyushu, Fukuoka 805-0045
โทร
- 093-652-0334
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชม เฉพาะเวลาดังนี้
- ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม : 8:00 – 18:00 น.
- กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม : 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- ฤดูใบไม้ผลิ : 500 เยน, 1,000 เยน หรือ 1,500 เยน (แล้วแต่ช่วงเวลา หากเป็นช่วงที่มีดอกไม้ประจำฤดูกาลค่าเข้าชมก็อาจจะมีราคาสูงหน่อยครับ)
- ฤดูใบไม้ร่วง : 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Yahata แล้วเดินมาขึ้นรถบัสสาย 1 ไปลงที่ป้าย Okura (Okura Park) จากนั้นให้เดินไปขึ้นรถบัสที่ป้าย Sankyuudoraggu Entrance แล้วนั่งไปลงที่ Kawachi Elem. Sch. Entrance (ใช้เวลารวมประมาณ 100 นาที ค่าโดยสาร 1,130 เยน) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
14. ท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Port)

Sanga-Park / Shutterstock
ท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Port) เป็นท่าเรือสำคัญที่ชาวฟุกุโอกะใช้ในการติดต่อค้าขายกับนานาชาติเมื่อช่วงปี 1900 และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเกาะคิวชูกับเกาะใหญ่ฮอนชู แต่ในปัจจุบันท่าเรือหลักที่ใช้ขนส่งสินค้าจริงๆได้โยกย้ายไปยังท่า Shin-Moji Port แล้ว และท่าเรือโมจิโกะก็ได้รับการปรับปรุงพื้นที่เพื่อเปลี่ยนจากท่าเรือเก่าให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
หลังจากท่าเรือโมจิโกะกลายมาเป็นจุดท่องเที่ยว ผู้คนก็นิยมมาเดินเล่นถ่ายรูปกันมากมาย เพราะทางการได้อนุรักษ์อาคารสไตล์ยุโรปในย่านนี้เอาไว้ตั้งแต่ยุคเมจิและยุคไทโชเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวจึงสามารถสัมผัสกับบรรยากาศแบบตะวันตกได้อย่างเต็มเปี่ยมแม้จะอยู่ในฟุกุโอกะ
หากใครชอบวิวมุมสูงล่ะก็ ต้องไปที่ Mojiko Retro Observation Room ห้องชมวิวชั้นบนสุดของ “โมจิโคเรโทรไฮมาร์ต” ซึ่งเป็นแมนชั่นสูงที่ออกแบบโดยคิโช คุโรกาวะ สถาปนิกชาวญี่ปุ่นผู้โด่งดัง
ด้วยโครงสร้างที่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งของผนังกระจก ณ ความสูง 103 เมตร เราจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวพาโนรามา 270 องศาได้ โดยมองเห็นได้ทั่วทั้งบริเวณโมจิโคเรโทรและช่องแคบคัมมง
เราสามารถชมวิวที่นี่ได้ทั้งตอนกลางวันที่สามารถมองออกไปได้ไกล (ในวันที่อากาศดีจะมองเห็นไปถึงเกาะ Ganryujima สถานที่ดวลกันระหว่างสองยอดซามูไร Miyamoto Musashi และ Sasaki Kojiro) รวมถึงตอนกลางคืนที่บริเวณรอบๆมีไฟยามค่ำคืนส่องประกายสวยงาม
ข้อมูลเกี่ยวกับท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Port)
ที่อยู่
- Mojiko Retro (บริเวณท่าเรือ)
- 9, Moji Ward, Kitakyushu, Fukuoka 801-0852
- โทร : 093-321-4151
- Mojiko Retro Observation Room
- 1-32 Higashiminatomachi, Moji-ku, Kitakyushu City
- โทร : 093-321-4151
วันและเวลาทำการ
- Mojiko Retro (บริเวณท่าเรือ)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- Mojiko Retro Observation Room
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 00:00 – 22:00 น.
- มีวันหยุด 4 ครั้งใน 1 ปี แต่เวลาในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน โปรดตรวจสอบจากเว็บไซต์นี้ >> https://www.mojiko.info/spot/tenbo.html
ค่าเข้าชม
- Mojiko Retro (บริเวณท่าเรือ)
- ไม่มีค่าเข้าชม
- Mojiko Retro Observation Room
- ผู้ใหญ่ : 300 เยน
- เด็ก : 150 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Mojiko (ใช้เวลา 100 นาที ค่าโดยสาร 1,500 เยน) แล้วเดินต่อไปยังท่าเรืออีก 5-8 นาที
- สำหรับใครที่นั่งรถไฟชินคันเซ็น ให้เปลี่ยนเป็นรถไฟธรรมดาที่สถานี Kokura แล้วนั่งไปลงที่ Mojiko (รถไฟชินคันเซ็นจาก Kagoshima > Kokura ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 3,670 เยน / รถไฟธรรมดาจาก Kokura > Mojiko ใช้เวลา 13 นาที ค่าโดยสาร 280 เยน) แล้วเดินต่อไปยังท่าเรืออีก 5-8 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
- Mojiko Retro
- Mojiko Retro Observation Room
15. เมืองโคคุระ (Kokura City)

Dpongvit/Shutterstock
เมืองโคคุระ (Kokura City) เป็นหนึ่งในเมืองย่อยที่อยู่ภายในอาณาเขตของเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งนี้เราขอแนะนำ 3 สถานที่ ได้แก่ ปราสาทโคคุระ พิพิธภัณฑ์มังงะคิตะคิวชู และตลาดทังกะ
ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้น ณ ใจกลางเมืองโคคุระในปี 1602 โดยโมริ คัทสึโนบุ (Mori Katsunobu) ไดเมียวผู้ปกครองเมือง ต่อมาปราสาทก็เสียหายย่อยยับเพราะเกิดเหตุเพลิงไหม้ในปี 1866
แต่ในที่สุดปราสาทโคคุระก็ได้รับการบูรณะจนกลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้งในปี 1959 โดยผู้บูรณะยังคงลักษณะที่ไม่เหมือนที่ไหนๆของปราสาทแห่งนี้เอาไว้ เป็นลักษณะของอาคารที่เรียกว่า “คาระซุคุริ” กล่าวคือ พื้นที่ของชั้นบนจะกว้างกว่าชั้นล่าง
ทั้งนี้ ปราสาทโคคุระเป็นปราสาทที่สวยงามทั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเลยล่ะครับ
พิพิธภัณฑ์มังงะคิตะคิวชู (Kitakyushu Manga Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังมากมายซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับย่านคิตะคิวชู เช่น Leiji Matsumoto, Seizo Watase, Jun Hatanaka, Tsukasa Hojo ฯลฯ (คนที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น Leiji Matsumoto ผู้สร้าง Galaxy Express 999 สลัดอวกาศกัปตันฮาร์ล็อค และ Space Battleship Yamato เรือรบอวกาศยามาโตะ)
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสิ่งของอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการผลิตการ์ตูนอีกด้วย
ตลาดทังกะ (Tanga Market) เป็นตลาดสดยอดนิยมที่เรียงรายไปด้วยร้านค้ากว่า 200 ร้าน ส่วนใหญ่จะเน้นขายอาหารทะเลสด ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และอาหารประเภทเครื่องเคียงต่างๆ บรรยากาศแบบย้อนยุคของร้านค้าเก่าแก่กว่า 60 ปีในตลาดแห่งนี้สร้างความเพลิดเพลินในการเดินเที่ยวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งที่นี่ยังเต็มไปด้วยของอร่อยซึ่งสามารถซื้อกินได้เลย และยังมีอาหารรสเด็ดที่หาทานที่อื่นไม่ได้อีกด้วย เช่น คานัปเปะ (Kanappe) หรือลูกชิ้นปลาที่พันด้วยขนมปังแล้วนำไปทอด
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองโคคุระ (Kokura City)
ที่อยู่
- Kokura Castle
- 2-1 Jonai, Kokurakita Ward, Kitakyushu, Fukuoka 803-0813
- โทร : 093-561-1210
- Kitakyushu Manga Museum
- 2-14-5 Asano, Kokurakita-ku, Kitakyushu-shi, Fukuoka 802-0001
- โทร : 093-512-5077
- Tanga Market
- 4 Chome-2-18 Uomachi, Kokurakita Ward, Kitakyushu, Fukuoka 802-0006
- โทร : 093-521-4140
วันและเวลาทำการ
- Kokura Castle
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายน – ตุลาคม : 9:00 – 18:00 น.
- เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม : 9:00 – 17:00 น.
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- Kitakyushu Manga Museum
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 11:00 – 19:00 น.
- พิพิธภัณฑ์ปิดทุกวันอังคาร และช่วงวันหยุดปีใหม่
- Tanga Market
- เวลาทำการอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละร้าน แต่ส่วนมากจะเป็นช่วง 9:30 – 18:00 น.
- ร้านในตลาดมักจะปิดทำการในช่วงวันปีใหม่ (แล้วแต่ร้าน)
ค่าเข้าชม
- Kokura Castle
- ผู้ใหญ่ : 350 เยน
- นักเรียนมัธยมต้น : 200 เยน
- นักเรียนประถม : 100 เยน
- Kitakyushu Manga Museum
- ผู้ใหญ่ : 480 เยน
- นักเรียนมัธยม : 240 เยน
- นักเรียนประถม : 120 เยน
- เด็กเล็ก : เข้าชมฟรี
- Tanga Market
- ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
- Kokura City : จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Mojiko (รถไฟชินคันเซนใช้เวลา 16 นาที ค่าโดยสาร 3,460 เยน / รถไฟด่วนใช้เวลา 53 นาที ค่าโดยสาร 1,830 เยน) แล้วเดินไปยังแต่ละจุดหมาย
- Kokura Castle : จากสถานี Mojiko สามารถเดินไปยัง Kokura Castle ได้โดยใช้เวลา 15 นาที
- Kitakyushu Manga Museum : จากสถานี Mojiko สามารถเดินไปยัง Kitakyushu Manga Museum ได้โดยใช้เวลา 2 นาที
- Tanga Market : จากสถานี Mojiko สามารถเดินไปยัง Tanga Market ได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
- Kokura Castle : https://www.kokura-castle.jp/
- Kitakyushu Manga Museum : https://www.ktqmm.jp/
- Tanga Market : https://www.tangaichiba.jp/en/
พิกัด
- Kokura Castle
- Kitakyushu Manga Museum
- Tanga Market
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนมุนาคาตะ (Munakata)
16. ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ (Munakata Taisha Shrine)

beibaoke / Shutterstock
ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ (Munakata Taisha Shrine) เป็น 1 ในกลุ่มศาลเจ้า 3 แห่งที่สักการะสามเทพธิดาแห่งท้องทะเล โดยตำนานสามเทพธิดานี้เกิดจากการดวลกันระหว่างสุริยเทวีอามาเทราสึและเทพพายุสุซาโนโอะ (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ >> ชมหนึ่งในสามวิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นที่ ‘เกาะมิยาจิมะ’)
ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะแบ่งออกได้เป็น 3 ศาลเจ้าย่อย ได้แก่
- ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- ศาลเจ้าโอคิทสึมิยะ (Okitsu-miya)
ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ เป็นศาลเจ้าประธานของศาลเจ้าสายมุนาคาตะทั่วประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นที่นี่จึงขึ้นชื่อว่าขลังที่สุดในบรรดาศาลเจ้าสายเดียวกัน โดยที่นี่โด่งดังเรื่องการขอให้เดินทางปลอดภัย
นอกจากนี้ในแง่ของความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2017 อีกด้วย (ในเรื่องของความเก่าแก่นั้น อาคารในรูปสร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 12 ทว่าพื้นที่สักการะทำพิธีซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารกลับเก่ากว่านั้นเยอะเลยครับ เพราะพื้นที่ตรงนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นความเชื่อของชินโตเลยล่ะครับ)

beibaoke/Shutterstock
ศาลเจ้าย่อยของศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะที่ใหญ่ที่สุดและเดินทางไปได้ง่ายที่สุดคือ ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya) ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองมุนาคาตะเลย

beibaoke/Shutterstock
ต่อมาคือ ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya) เป็นศาลเจ้าที่เดินทางไปได้ยากกว่าศาลเจ้าเฮทสึมิยะ เพราะต้องออกนอกเมืองไปที่เกาะโอชิมะ (เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง) วิวสวยซะด้วยนะ
ส่วนศาลเจ้าย่อยที่อยู่ไกลสุด แถมยังไปได้ยากสุดจนแทบจะไปไม่ได้เลยก็คือ ศาลเจ้าโอคิทสึมิยะ (Okitsu-miya) ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่บนเกาะ Okinoshima เกาะเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากฝั่งมาก และเปิดให้เข้าไปสักการะได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตที่เป็นเพศชายเท่านั้น โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตจะสามารถเข้าไปสักการะได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ (Munakata Taisha Shrine)
ที่อยู่
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
-
- 2331 Tashima, Munakata, Fukuoka 811-3505
- โทร : 094-062-1311
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- 1811 Oshima, Munakata, Fukuoka 811-3701
- โทร : 094-072-2007
วันและเวลาทำการ
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06:00 – 17.00 น.
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- ศาลเจ้าไม่มีค่าเข้าชม แต่หอสมบัติมีค่าเข้าชม 800 เยน
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Togo (ใช้เวลา 39 นาที ค่าโดยสาร 570 เยน) แล้วนั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Munakata Taisha-mae (ใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินอีก 2นาที
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- จาก Munakata Taisha (Hetsu-miya) นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Konominato Hatoba (ใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือไปเกาะ Oshima (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 570 เยน) แล้วเดินอีก 5 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ”
1. ฮากาตะราเมน (Hakata Ramen)
ฮากาตะราเมน (Hakata Ramen) คือราเมนซุปกระดูกหมูสไตล์ฮากาตะ ด้วยซุปสีขาวหอมมันที่ใช้เวลาเคี่ยวนานข้ามวัน เส้นเล็กที่ซดคล่องคอ บวกกับหมูชาชูนุ่มๆละลายในลิ้น ฮากาตะราเมนจึงเป็นความลงตัวที่สุโค่ยมาก
- ร้านแนะนำ : Hakata Ikkousha
2. ไข่ปลาเมนไทโกะ (Mentiko)
เมนไทโกะ (Mentaiko) คือไข่ของปลาคอด หรือในภาษาญี่ปุ่นคือปลาทาระ (Tara) เมนไทโกะมีลักษณะเป็นเม็ดไข่ปลาเล็กๆสีส้มอัดติดกันเป็นก้อน ไข่ปลาชนิดนี้มักถูกนำไปหมักกับพริกเพื่อปรุงรสเผ็ด เรียกว่า Karashi Mentaiko นิยมทานกับข้าวสวยร้อนๆ และไข่ปลาเมนไทโกะนั้นเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ของชาวฟุกุโอกะเลยครับ
3. มตสึนาเบะ (Motsu Nabe)
มตสึนาเบะ (Motsu Nabe) หม้อไฟเครื่องในที่มีต้นกำเนิดในช่วงหลังสงครามโลก ในช่วงนั้นได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น จึงมีการนำเครื่องในที่แต่เดิมไม่ใช่วัตถุดิบปรุงอาหารมาต้มในหม้ออะลูมิเนียมแล้วจิ้มโชยุทาน ปรากฏว่าเมนูนี้อร่อยเหาะ! จึงเกิดเป็นเมนูหม้อไฟ Motsu Nabe ขึ้นมา
ปัจจุบันมตสึนาเบะเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สาวๆ เนื่องจากเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและคอลลาเจนอีกด้วย
- ร้านแนะนำ : Motsu Nabe Shoraku
4. มิสึทากิ (Mizutaki)
มิสึทากิ (Mizutaki) เป็นหม้อไฟที่มีการนำชิ้นเนื้อไก่พร้อมกระดูกใส่ลงไปในน้ำเย็นแล้วเคี่ยวให้เดือด จุดเด่นของมิสึทากิคือรสชาติความอร่อยที่กลมกล่อม (หรือที่เรียกว่ารสชาติแบบ ‘อูมามิ’) ซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์และกระดูก
หอมหัวใหญ่หั่นละเอียดจะถูกเติมลงไปในน้ำแกงเป็นอันดับแรก โดยน้ำแกงนี้จะใช้เป็นน้ำซุป ต่อมาก็ใส่ไก่ กะหล่ำปลีหรือผักกาดขาว และใบของต้นเบญจมาศลงในหม้อ และจะมีการเติมข้าวลงไปในน้ำซุปเพื่อทำเป็นโซซุอิ (ข้าวต้ม) เท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้ว!
- ร้านแนะนำ : Hakata Hanamidori
5. ยากิโทริ (Yakitori)
ยากิโทริ (Yakitori) มาจากคำญี่ปุ่นสองคำผสมกัน นั่นคือคำว่า ยากิ (焼き) ที่แปลว่าย่าง และคำว่า โทริ (鳥) ที่แปลว่าไก่ เมื่อนำสองคำมารวมกันก็จะสรุปได้ว่าเมนูยากิโทริที่เราทานกันก็คือไก่ย่างนั่นเอง
สำหรับการปรุงรสยากิโทรินั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะปรุงรสแบบ Tare หรือปรุงด้วยซอสที่รสออกหวาน หรือจะปรุงรสแบบ Shio ซึ่งเป็นการปรุงด้วยเกลือที่รสจะออกเค็ม (ก็เกลืออ่ะนะ…)
ยากิโทริเป็นอาหารยอดนิยมในการกินแกล้มเหล้าเบียร์ ในฟุกุโอกะมีร้านอิซากายะและร้านแผงลอยยาไตอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากได้มาเที่ยวจังหวัดฟุกุโอกะ ทริปนี้ก็เหมาะมากสำหรับการลองกินยากิโทริแกล้มเหล้าเบียร์
อ่านบทความอื่นๆจาก fromJapan
- รวม 22 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดเกียวโต’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
- 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดฮอกไกโด’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโอซาก้า’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวมข้อมูล ‘จังหวัดโอกินาว่า’ และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดคาโกชิม่า’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดซากะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ