รวม 16 ที่เที่ยวใน “จังหวัดฟุกุโอกะ” ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!
ก.ย. 06, 2021
บทนำ : ไปเที่ยว “จังหวัดฟุกุโอกะ” กันเถอะ!
จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka Prefecture) เป็นจังหวัดที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกันไม่น้อย เพราะเป็นที่ตั้งของ เมืองฟุกุโอกะ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะคิวชู และ สนามบินฟุกุโอกะ ที่มักเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชู ทั้งนี้ตัวเมืองฟุกุโอกะเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย (ส่วนมากจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแนวชิลล์ๆ) แถมยังมีที่ชอปปิ้งและของกินอีกเพียบ เมืองฟุกุโอกะจึงตอบโจทย์คนที่อยากเที่ยวแบบชิลล์ๆ รีแล็กซ์จากการทำงาน นอกจากนี้ ในโซนอื่นๆยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเชิงประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และจุดถ่ายรูปสวยๆแนวเรโทรอีกเพียบ เรียกได้ว่ามาจังหวัดเดียวน่าจะเที่ยวได้ครบทุกแบบเลยก็ว่าได้
สำหรับการเดินทางไปฟุกุโอกะนั้น ถ้าเริ่มจากไทยก็ให้บินไปลงที่สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) เมื่อเทียบกับสนามบินอื่นๆแล้ว ที่นี่เป็นสนามบินที่ต่อรถเข้าเมืองได้เร็วมากกกก เพียงขึ้นรถไฟใต้ดินไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น!
แต่ถ้าใครเดินทางมาจากเมืองอื่นในญี่ปุ่นโดยเครื่องบิน ก็จะใช้เวลาประมาณนี้
- จากโตเกียว : 2 ชั่วโมง 15 นาที
- จากนาโกย่า : 1 ชั่วโมง 25 นาที
- จากโอซาก้า : 1 ชั่วโมง 15 นาที
ส่วนการเดินทางในฟุกุโอกะนั้น ถ้าเอาแค่ภายในตัวเมืองฟุกุโอกะ เพียงใช้ตั๋ว Fukuoka Subway 1-Day Pass ที่มีราคา 640 เยนก็น่าจะตอบโจทย์แล้ว แต่ถ้าอยากไปเมืองอื่นๆด้วย เช่น ดาไซฟุ เราขอแนะนำให้ลองใช้ Fukuoka Tourist City Pass แบบราคา 2,000 เยน
สำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวฟุกุโอกะรวมถึงจังหวัดอื่นๆในคิวชูด้วย มีตัวเลือกดังนี้
ความต่างของ 2 พาสนี้คือ แบบแรกใช้ขึ้นรถไฟ ส่วนแบบที่ 2 ใช้ขึ้นรถบัส แต่ถ้าถามว่าอันไหนดีกว่ากันก็คงต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับแผนเที่ยวของแต่ละคนครับ (โดยส่วนตัวผมมองว่า Sun Q Pass ดีกว่านิดๆ เพราะที่เที่ยวในคิวชูหลายๆที่ต้องนั่งรถบัสไป เนื่องจากไม่มีรถไฟไปถึงครับ)
สำหรับรถไฟ JR Kyushu ทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลยครับ >> JR Kyushu Railpass Guidebook (ภาษาไทย)
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งใน “จังหวัดฟุกุโอกะ” กันเลยนะครับ
สารบัญ (Index) : จังหวัดฟุกุโอกะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City)
-
- 1. สวนริมทะเล Uminonakamichi Seaside Park & พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World Uminonakamichi
- 2. สวนโอโฮริ (Ohori Park) & พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
- 3. ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)
- 4. สวนริมทะเล Momochi Seaside Park & ตึก Fukuoka Tower
- 5. วัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple)
- 6. ห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)
- 7. ย่านร้านอาหารแผงลอย ‘ยาไต’ (Yatai)
- 8. วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
- 9. teamLab Forest Fukuoka
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนดาไซฟุ (Dazaifu)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนคิตะคิวชู (Kitakyushu)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนมุนาคาตะ (Munakata)
อาหารท้องถิ่นประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ”
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City)
1. สวนริมทะเล Uminonakamichi Seaside Park & พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World Uminonakamichi
สวนริมทะเล Uminonakamichi Seaside Park มีพื้นที่กว้างถึง 15,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆของเมืองฟุกุโอกะ ภายในสวนมีต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้น โดยมีทีเด็ดอยู่ที่ช่วงต้นเดือนเมษายน เพราะในช่วงเวลานั้นดอกซากุระจะบานพร้อมๆกับดอกเนโมฟีลาสีฟ้า ทำให้เกิดวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งดอกไม้สีฟ้าตัดกับดอกซากุระสีชมพู เป็นภาพที่สวยงามตระการตามาก
นอกจากดอกซากุระและดอกเนโมฟีลาแล้ว ดอกทิวลิปที่บานในช่วงเดือนพฤษภาคมก็สวยงามไม่แพ้กันครับ
หากเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของสวน เราจะเจอกับ Marine World Uminonakamichi พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริมทะเลซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่โชว์การแสดงโลมา ซึ่งเราจะได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงของเหล่าน้องโลมาสุดน่ารัก พร้อมกับชมวิวทะเลได้ในเวลาเดียวกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับ Uminonakamichi Seaside Park และ Marine World Uminonakamichi
ที่อยู่
- Uminonakamichi Seaside Park
- 18-25 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka, 811-0321
- เบอร์โทร : 092-603-1111
- แฟ็กซ์ : 092-603-1199
- Marine World Uminonakamichi
- 18-28 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka 811-0321
- เบอร์โทร : 092-603-0400
วันและเวลาทำการ
- Uminonakamichi Seaside Park
- วันทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 17:30 น. (ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เปิดให้บริการถึง 17:00 น.)
- ปิดทำการ : วันที่ 31 ธันวาคมถึง 1 มกราคม และวันจันทร์กับวันอังคารแรกของเดือนกุมภาพันธ์
- Marine World Uminonakamichi
- วันทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เวลาทำการ : เดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน เปิดเวลา 9:30 – 17:30 น. / เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เปิดเวลา 10:00 – 17:00 น.
- ปิดทำการ : วันจันทร์และวันอังคารแรกของเดือนกุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม
- Uminonakamichi Seaside Park
- ผู้ใหญ่ : 450 เยน
- ผู้สูงอายุ : 210 เยน
- เด็กมัธยมต้นลงไป : ฟรี
- Marine World Uminonakamichi
- ผู้ใหญ่ : 2,350 เยน
- ผู้สูงอายุ : 1,880 เยน
- เด็กประถม : 1,100 เยน
- เด็กเล็ก (อายุ 3 ปีขึ้นไป) : 600 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima Main Line ไปลงที่สถานี Kashii แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Kashii Local Saitozaki ไปลงที่สถานี Uminonakamichi (ใช้เวลาประมาณ 32 นาที ค่าโดยสาร 480 เยน) จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
- Uminonakamichi Seaside Park : https://uminaka-park.jp/
- Marine World Uminonakamichi : https://marine-world.jp/en/
พิกัด
- Uminonakamichi Seaside Park
- Marine World Uminonakamichi
2. สวนโอโฮริ (Ohori Park) & พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
สวนโอโฮริ (Ohori Park) สร้างขึ้นในปี 1929 เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะที่ชาวเมืองนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจกัน โดยชื่อ โอโฮริ (Ohori) นั้นถ้าแปลแบบตรงๆเลยจะหมายถึงคูน้ำรอบเมืองหรือปราสาท ซึ่งสันนิษฐานกันว่าหมายถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลางนั่นเอง
นอกจากนี้ภายในสวนโอโฮริก็ยังมีสนามเด็กเล่นอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นจุดท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การพาครอบครัวมาผ่อนคลาย
นอกจากนี้ภายในสวนโอโฮริก็ยังมีโซนสวนญี่ปุ่นที่สวยงามมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สายถ่ายภาพไม่ควรพลาดครับ
สำหรับใครที่ชอบดูงานศิลปะ ภายในสวนโอโฮริก็ยังมีโซนย่อยที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะด้วยครับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ออกแบบโดยคุนิโอะ มาเอะกาวะ สถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดัง ด้านในจะมีผลงานของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่างมิโร ต้าหลี่และชากาล อีกทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่รวบรวมผลงานของจิตรกรผู้มีบ้านเกิดอยู่ในภูมิภาคคิวชูด้วย เช่น ชิเงรุ อาโอกิ, เซกิ คุโรดะ และฮันจิโร ซากาโมโตะ
นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีผลงานศิลปะอันเก่าแก่แห่งโลกตะวันออก รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เช่น อุปกรณ์ชงชา งานศิลปะทางพุทธศาสนา และผลงานอันทรงคุณค่าต่างๆอีกมากมาย
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนโอโฮริ (Ohori Park) & พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
ที่อยู่
- Ohori Park, 1 Ohorikoen, Chuo Ward, Fukuoka, 810-0051
- เบอร์โทร : 092-741-2004
วันและเวลาทำการ
- Ohori Park
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- สวนญี่ปุ่นเปิดทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น. (เปิดถึง 18:00 ในเดือนมิถุยายน – สิงหาคม) ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม
- Fukuoka Art Museum
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 17:30 น. (เปิดถึง 20:00 น. ในวันศุกร์และวันเสาร์ของเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม)
- ปิดทุกวันจันทร์และวันที่ 28 ธันวาคม – 4 มกราคม
ค่าเข้าชม
- Ohori Park : เข้าชมฟรี
- สวนญี่ปุ่น : มีค่าเข้าชมดังนี้
- ผู้ใหญ่ : 250 เยน
- เด็ก : 120 เยน
- Fukuoka Art Museum : มีค่าเข้าชม 200 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ohori Park (Fukuoka Art Museum) โดยใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 260 เยน จากนั้นให้เดินต่อไปอีก 3 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
- Ohori Park
- Fukuoka Art Museum
3. ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)
ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins) เป็นส่วนหนึ่งของปราสาทเก่าที่หลงเหลืออยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ (ชื่อทางการ : ปราสาทมาอิซูรุ หรือ Maizuru Castle) เดิมทีปราสาทแห่งนี้เคยได้การขนานนามว่าเป็นปราสาทใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู โดยสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 โดย Kuroda Nagamasa ไดเมียวผู้ปกครองเมือง แต่พอเข้าสู่ยุคเมจิ ปราสาทฟุกุโอกะก็ถูกสั่งรื้อถอนเช่นเดียวกับปราสาทอีกหลายๆแห่งในสมัยนั้น
ปัจจุบันปราสาทฟุกุโอกะจึงเหลือเพียงส่วนของกำแพงและฐานของหอคอยเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะเหลือเพียงแค่บางส่วนของปราสาท แต่ที่นี่ก็ยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การมาเดินเล่นพักผ่อน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีซากุระบานสวยงาม
นอกจากนี้ ในบางช่วงของปียังมีการประดับไฟในยามค่ำคืนอีกด้วย สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยล่ะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)
ที่อยู่
- Fukuoka Castle Ruins, 1 Jonai, Chuo Ward, Fukuoka, 810-0043
เบอร์โทร
- 092-732-4801
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี (แต่มีค่าเข้าชมในช่วงที่มีการประดับไฟตอนกลางคืน)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ohori Park (Fukuoka Art Museum) โดยใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 260 เยน แล้วเดินต่อไปอีก 15 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
4. สวนริมทะเล Momochi Seaside Park & ตึก Fukuoka Tower
สวนริมทะเล Momochi Seaside Park เป็นที่ตั้งของหาดทรายซึ่งสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ จนก่อให้เกิดเป็นสวนหาดริมทะเลที่มีความกว้างและความยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยที่นี่นับเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวฮากาตะ
โซนที่อยู่ใกล้ทะเลมีชื่อว่าโซน Marizon ซึ่งมีทั้งร้านช้อปปิ้งเล็กๆน่ารักๆ ร้านอาหาร มุมนั่งเล่นพักผ่อน นอกจากนี้ยังมี Wedding Hall ที่มีลักษณะเป็นอาคารสไตล์ตะวันตกริมทะเลที่มีความสวยงามแบบย้อนยุคให้ได้ไปถ่ายรูปกัน
นอกจากนี้บริเวณใกล้กับหาดยังเป็นที่ตั้งของ ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) ตึกที่มีความสูง 234 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดของเมืองฟุกุโอกะอีกด้วย
เราสามารถชมวิวเมืองฟุกุโอกะและอ่าวฮากาตะโดยรอบได้จากที่นี่ โดยวิวจะสวยเป็นพิเศษในตอนกลางคืน
ถัดมาอีกนิดจะเป็น Fukuoka City Museum พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองฟุกุโอกะ โดยภายในพิพิธภัณฑ์จะประกอบไปด้วยโซนต่างๆ เช่น โซนห้องสมุด โซนห้องเรียน โซนทดลองเรียนรู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีห้องจัดแสดงทั้งแบบทั่วไปและแบบพิเศษ
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ Fukuoka City Museum ยังเป็นสถานที่เก็บรักษา Gold Seal หรือเครื่องทองที่ถูกค้นพบบนเกาะ Shikanoshima เมื่อปี 1784 และได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนริมทะเล Momochi Seaside Park & ตึก Fukuoka Tower
ที่อยู่
- Momochi Seaside Park
- Jigyohama, Chuo Ward AND Momochi-hama, Sawara Ward, Fukuoka City, Fukuoka 814-0001
- โทร : 092-822-8141
- Fukuoka Tower
- 2 Chome-3-26 Momochihama, Sawara Ward, Fukuoka, 814-0001
- โทร : 092-823-0234
- Fukuoka City Museum
- 3-1-1, Momochihama, Sawara-ku, Fukuoka
- โทร : 0928455011
วันและเวลาทำการ
- Momochi Seaside Park
- สวนริมทะเล Momochi Seaside Park เปิดให้เข้าชมทุกวัน และเข้าชมได้ตลอดเวลา
- Fukuoka Tower
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เวลา 9:30 – 20:00 น. (เข้าได้จนถึงเวลา 19:30 น.)
- ปิดวันจันทร์และอังคารของสัปดาห์สุดท้ายในเดือนมิถุนายน
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- Fukuoka City Museum
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:30 – 17:30 น.
- หยุดทุกวันจันทร์ และวันที่ 28 ธันวาคม – 4 มกราคม
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี (มีค่าเข้าชมในช่วงที่มีการประดับไฟตอนกลางคืน)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Fukuoka Tower Minamiguchi (ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินต่อไปอีก 2-10 นาที ทั้งนี้เวลาในการเดินจะขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไป
- นอกจากนี้ เราอาจเลือกเดินทางด้วยเรือเฟอร์รีจาก Uminonakamichi Seaside Park พร้อมกับชมวิวระหว่างนั่งเรือไปด้วยก็ได้เช่นกัน (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 1,100 เยน)
เว็บไซต์
พิกัด
- Momochi Seaside Park
- Fukuoka Tower
- Fukuoka City Museum
5. วัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple)
วัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple) เป็นวัดพุทธมหายาน นิกายเซน สำนักรินไซแห่งแรกที่สร้างขึ้นในประเทศญี่ปุ่น วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเอไซ (Eisai) ในปี ค.ศ. 1195 หรือ พ.ศ. 1738 (โดยก่อนหน้านี้ศาสนาพุทธได้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงประมาณปี ค.ศ. 507 หรือ พ.ศ. 1050 แล้ว แต่เป็นพุทธมหายานนิกายอื่น)
อย่างไรก็ตาม นิกายเซนสำนักรินไซเป็นนิกายที่ให้ความสำคัญกับการทำสมาธิและสร้างวินัยในตนเอง จึงเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นปกครองและเหล่านักรบซามูไรของรัฐบาลโชกุนยุคคามาคุระ
ลักษณะเด่นของวัดพุทธนิกายเซนคือจะต้องมีสวนสไตล์เซนอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งสวนสไตล์เซนของวัดนี้ก็สวยงามมาก ผมขอแนะนำให้แต่งตัวสวยๆหล่อๆมาเดินถ่ายรูปกันครับ จุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดคือสะพานและประตูไซมง
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโชฟุคุจิ (Shofukuji Temple)
ที่อยู่
- Shofukuji Temple, 6-1 Gokusho-machi, Hakata-ku, Fukuoka, 812-0037
โทร
- 092-291-0775
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Gion (ใช้เวลา 2 นาที ค่าโดยสาร 190 เยน) แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
6. ห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)
คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata) เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมน้ำภายในตัวเมืองฟุกุโอกะ จุดเด่นคือด้านในมีการขุดคลองให้ไหลผ่านใจกลางห้างแห่งนี้จนกลายเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ในส่วนของร้านค้าก็มีมากกว่า 250 ร้าน โดยมีทั้งร้านที่มีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ไปจนถึงร้านที่นำเข้าสินค้ามาจากต่างประเทศ
หลังจากช้อปปิ้งกันจนหิวก็ต้องแวะไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ราเมนสเตเดียม โซนที่รวมร้านราเมนชื่อดังเอาไว้ในที่เดียว ร้านราเมนที่นี่เยอะชนิดที่ว่าเราอาจจะไม่ต้องไปตามหาที่อื่นเลยก็ว่าได้
ข้อมูลเกี่ยวกับห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)
ที่อยู่
- Canal City Hakata, 1 Chome-2 Sumiyoshi, Hakata Ward, Fukuoka, 812-0018
โทร
- 092-282-2525
วันและเวลาทำการ
- เวลาทำการของห้างคาแนลซิตี้ฮากาตะ : เปิดให้บริการทุกวัน (เวลาทำการของร้านค้าจะแตกต่างกัน)
- เวลาทำการของโซนร้านค้า : 10:00 – 21:00 น.
- เวลาทำการของโซนร้านอาหาร : 11:00 – 23:00 น.
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata ให้นั่งรถบัสประมาณ 5 นาที ไปลงที่ป้าย Canal City Hakata หรือเดิน 12 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
7. ย่านร้านอาหารแผงลอย ‘ยาไต’ (Yatai)
ร้านอาหารแผงลอย หรือที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ยาไต (Yatai) นั้น ความจริงแล้วสำหรับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกรุงเทพฯ ก็คงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากมายใช่ไหมล่ะครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราเห็นกันจนชินตา แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ร้านอาหารแผงลอยแบบยาไตนี่ถือเป็นของหายากอย่างหนึ่งเลย เพราะปัจจุบันร้านอาหารแผงลอยในญีปุ่นนั้นดูเหมือนจะหาได้เฉพาะที่ฟุกุโอกะเท่านั้น ต่างจากอดีตในสมัยเอโดะที่จะมีร้านอาหารแผงลอยอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโตเกียว
ตัวอย่างของอาหารที่คนญี่ปุ่นขายกันในร้านยาไตก็อย่างเช่นราเมน หรือไม่ก็อาหารแนวย่างๆที่เข้ากันได้ดีเวลากินแกล้มกับเบียร์หรือสาเก
หรือแนวของทอดอย่างเทมปุระก็มีเหมือนกัน
การได้กินอาหารแบบโอเพ่นแอร์ สัมผัสกับบรรยากาศที่มีผู้คนเดินไปมา คนเมาตะโกนโหวกเหวก และดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ก็นับว่าเป็นเสน่ห์อีกแบบที่น่าลองหากมีโอกาสได้มาเที่ยวที่ฟุกุโอกะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับย่านร้านอาหารแผงลอย ‘ยาไต’ (Yatai)
ที่อยู่
- Yatai 4 Nakasu, Hakata-ku, Fukuoka, 818-0801
โทร
- 092-291-0775
วันและเวลาทำการ
- ไม่มีช่วงเวลาการเปิดบริการที่ตายตัวสำหรับทุกร้านในย่านร้านอาหารแผงลอยยาไต แต่โดยส่วนมากจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วง 5 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนของทุกวัน
วิธีเดินทาง
- ย่านร้านอาหารแผงลอยยาไตนั้นมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมืองฟุกุโอกะ แต่จะกระจุกตัวอยู่มากที่สุดในบริเวณเกาะนากาสึ (Nakasu Island) ซึ่งเป็นเกาะกลางเมือง วิธีเดินทางไปยังเกาะนากาสึคือให้นั่งรถไฟจากสถานี Hakata ไปลงที่สถานี Nakasu Kawabata หรือสถานี Minami Tenjin (ใช้เวลา 3 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10นาที
เว็บไซต์
พิกัด
8. วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple) เป็นที่ประดิษฐานของ The reclining Buddha หรือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์(พระนอน)ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก! พระพุทธรูปของวัดนันโซอินองค์นี้มีความยาว 41 เมตร สูง 11 เมตร (กะจากสายตาแล้วคิดว่าขนาดประมาณพระนอนที่วัดโพธิ์ครับ) และที่สำคัญคือพระพุทธรูปองค์นี้หนักถึง 300 ตัน ซึ่งนับว่าใหญ่กว่าหลวงพ่อโตที่คามาคุระ (หลวงพ่อโตที่คามาคุระสูง 13 เมตร หนัก 95 ตัน) แถมยังใหญ่กว่าหลวงพ่อโตที่นาราด้วย (หลวงพ่อโตที่นาราสูง 15 เมตร หนัก 250 ตัน)
หลวงพ่อโตที่วัดนันโซอินแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2538 สำหรับผู้ที่สนใจอาจเดินลงไปชมห้องสวดมนต์ใต้องค์พระได้ แต่จะมีค่าเข้าชมเพิ่มเติมนะครับ
อ้อ! ที่นี่เขามีคำแนะนำว่าให้ลองขอพระเรื่องการเงินดูด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าขาย หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อหวย
แต่เอ…ทำไมต้องเป็นเรื่องซื้อหวยด้วยล่ะ?
เรื่องนี้เขาเล่ากันว่าเป็นเพราะเงินทุนในการสร้างหลวงพ่อโตองค์นี้มาจากเงินรางวัลที่พระถูกหวยหลายๆงวด โดยในปี 1995 เจ้าอาวาสของวัดนันโซอินถูกหวยเป็นเงินจำนวนถึง 130 ล้านเยน! (อันนี้เรื่องจริงนะ ไม่ได้โม้) หลายๆคนอาจจะงงว่าทำไมพระถึงซื้อหวยได้ ต้องบอกเลยว่าพระญี่ปุ่นซื้อหวยได้ไม่ผิดศีลจ้า เพราะเป็นพุทธมหายาน คนละนิกายกับที่ไทยนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
ที่อยู่
- Nanzoin, 1035 Sasaguri-machi, Kasuya-gun, Fukuoka, 811-2405.
โทร
- 092-947-7195
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งเวลา 09:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
- ยกเว้นห้องสวดมนต์บริเวณใต้พระพุทธรูป มีค่าเข้า 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Hakata ให้นั่งรถไฟ JR Sasaguri มาลงที่สถานี Kido Nanzoin-mae (ใช้เวลา 26 นาที ค่าโดยสาร 380 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
9. teamLab Forest Fukuoka
ใครที่ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเราสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสถานที่ได้ เราขอแนะนำให้มาถ่ายรูปเพลิดเพลินไปกับ teamLab Forest Fukuoka พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิตอลในฟุกุโอกะที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มศิลปะระดับโลก ‘teamLab’ ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่คุณสามารถถ่ายรูปไปพร้อมกับเพลิดเพลินกับงานศิลปะได้ โดยภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 โซน ดังนี้
1. โซนป่า Catching and Collecting Forest
คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณเพื่อสำรวจ จับ และสังเกตสัตว์ต่างๆภายในโซนนี้ รวมถึงสร้างคอลเลกชันของคุณเองได้
2. โซน Athletics Forest
เป็นพื้นที่สามมิติที่คุณสามารถดื่มด่ำไปกับโลกที่มีการโต้ตอบจากการเดินและการสัมผัสของคุณ
teamLab Forest Fukuoka ตั้งอยู่ที่ตึก BOSS E・ZO FUKUOKA ชั้น 5 >> https://e-zofukuoka.com
หากมาเที่ยวในโซนตัวเมืองฟุกุโอกะ อย่าลืมแวะมาชม teamLab Forest Fukuoka กันนะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับ teamLab Forest Fukuoka
ที่อยู่
- teamLab Forest Fukuoka, BOSS E・ZO FUKUOKA 5F, 2-chōme-2-6 Jigyōhama, Chūō-ku, Fukuoka Prefecture
โทร
- +8192-400-0515
วันและเวลาทำการ
- วันธรรมดา : 11:00 – 20:00 น.
- วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 10:00 – 20:00 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) : 2,600 เยน
- ผู้สูงอายุ : 2,200 เยน
- เด็ก (อายุ 15 ปีหรือน้อยกว่า) : 1,000 เยน
* เด็กอายุ 3 ขวบหรือน้อยกว่านั้นที่มาพร้อมผู้ปกครอง สามารถเข้าชมได้ฟรี
* มีส่วนลดสำหรับผู้ที่เข้าชมพร้อมผู้พิการ
วิธีเดินทาง
- BOSS E・ZO FUKUOKA ตั้งอยู่ข้างๆ Fukuoka PayPay Dome สามารถเดินทางไปจากใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจาก HAKATA และ 15 นาทีจาก TENJIN
-
- รถไฟใต้ดิน : 5 นาทีจากสายสนามบินเทนจิน เดิน 15 นาทีจากสถานี Tojinmachi
- รถบัส : ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Fukuoka Tower และลงที่ PayPay Dome/Fukuoka Medical Center
-
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนดาไซฟุ (Dazaifu)
10. ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu Shrine)
ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu Shrine) เป็นศาลเจ้าอันดับต้นๆของศาลเจ้าสายเทพการศึกษาอย่าง เทพเทนจิน เคียงคู่กับศาลเจ้าคิตาโนะเทนมังกุของจังหวัดเกียวโต
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สิงสถิตของวิญญาณของ สึกาวาระ โนะ มิจิซาเนะ (Sugawara no Michizane) นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงในช่วง ค.ศ. 800 – 900 แต่กลับต้องมาสิ้นชีพที่ฟุกุโอกะเพราะถูกเนรเทศจากการโดนใส่ร้าย
หลังจากที่มิจิซาเนะเสียชีวิตไปก็ได้มีการสร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่ออุทิศให้เขา จนกลายเป็นศาลเจ้าสายเทนมังกุที่มีสาขาทั่วประเทศกว่า 12,000 แห่ง
เนื่องจากมิจิซาเนะเป็นนักปราชญ์ชื่อดังเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต ท่านจึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งการศึกษา ด้วยเหตุนี้นักเรียนนักศึกษาจำนวนมากจึงนิยมเดินทางมายังศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุเพื่อขอพรให้การเรียนดีและสอบผ่าน ซึ่งรวมไปถึงการสอบแข่งขันและการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานด้วยเช่นกัน
นอกจากส่วนของศาลเจ้าและความเป็นมาแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุก็คือบรรยากาศดีๆภายในพื้นที่ศาลเจ้า ดอกไม้สีชมพูสวยงามที่พบเห็นได้ในบริเวณศาลเจ้านั้นไม่ใช่ดอกซากุระนะครับ แต่เป็น ‘ดอกบ๊วย’ หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ ‘ดอกอุเมะ’
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาชมความงามหรือถ่ายภาพกับดอกบ๊วยคือกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนครับ รับรองว่าสวยงามไม่แพ้ดอกซากุระแน่นอน
นอกจากนี้ ใกล้กับศาลเจ้ายังมีร้านกาแฟ Starbucks ที่โด่งดังมากที่สุดสาขาหนึ่งของญี่ปุ่นเลยด้วย เนื่องจากสตาร์บัคส์สาขานี้ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์งานไม้โดดเด่นเป็นสง่า ควรค่าอย่างยิ่งแก่การเข้าไปนั่งจิบกาแฟและอัปรูปลงอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ครับ
หากใครอยากชมรีวิวสตาร์บัคส์สาขาศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลย >> 3 สตาร์บัคส์ญี่ปุ่น ที่สวยอบอุ่นด้วยงานไม้ดีไซน์เก๋
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu Shrine)
ที่อยู่
- Dazaifu Tenmangu Shrine, 4-7-1, Saifu, Dazaifu, Dazaifushi, Fukuoka, 818-0117.
โทร
- 092-922-8225
วันและเวลาทำการ
- ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ เปิดให้บริการทุกวัน ตามเวลาดังนี้
- เดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม : 6:00 – 19:00 น.
- เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม : 6:00 – 19:30 น.
- ต้นเดือนกันยายนถึงกลางเดือน : 6:00 – 19:00 น.
- ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน : 6:30 – 19:00 น.
- เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม : 6:30 – 18:30 น.
- ปลายเดือนมีนาคม : 6:00 – 18:30 น.
- เฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์ : เปิดให้บริการถึงเวลา 20:30 น.
- พิพิธภัณฑ์ศาลเจ้า : เปิดให้บริการวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
- พิพิธภัณฑ์ท่องเที่ยว : เปิดให้บริการวันพฤหัสบดีถึงวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี ยกเว้นพิพิธภัณฑ์ศาลเจ้าและพิพิธภัณฑ์ท่องเที่ยว ส่วนนี้จะมีค่าเข้าชม 200, 400, 500 เยน แล้วแต่ประเภทตั๋ว
วิธีเดินทาง
- จากตัวเมืองฟุกุโอกะ นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line จากสถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 25 นาที จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟไปนั่งสาย Dazaifu Line ไปลงที่สถานี Dazaifu ตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าเดินทางรวม 410 เยน)
- วิธีเดินทางอีกแบบหนึ่งคือการโดยสารรถบัส โดยนั่งจากสถานี Hakata Bus Center หรือจากสนามบินฟุกุโอกะ เพื่อเดินทางไปยังศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ
- ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบใด เมื่อมาถึงสถานี Dazaifu แล้ว ให้เดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึงศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ
เว็บไซต์
พิกัด
11. วัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozen-ji Temple)
วัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozen-ji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเซนสำนักรินไซที่สร้างขึ้นในช่วงกลางยุคคามาคุระ โดยหลวงพ่อ Tetsugyu Enshin ลูกศิษย์ของหลวงพ่อผู้ก่อตั้งวัดโทฟุคุจิในจังหวัดเกียวโต
จุดเด่นของวัดโคเมียวเซ็นจินั้น แน่นอนว่าก็ต้องเป็นสวนหินแบบเซน สวนหินที่นี่ได้รับการจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ดูสงบเรียบง่ายไตล์เซน
แต่สวนเซนของวัดโคเมียวเซ็นจินั้นจะยิ่งสวยเด็ดมากๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี บรรยากาศจะดูสวยงามตระการตาราวกับอยู่ในแดนสุขาวดีเลยล่ะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโคเมียวเซ็นจิ (Komyozen-ji Temple)
ที่อยู่
- Komyozenji, 2 Chome-16-1 Saifu, Dazaifu, Fukuoka 818-0117
โทร
- 092-922-4053
วันและเวลาทำการ
- วัดโคเมียวเซ็นจิเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากตัวเมืองฟุกุโอกะ นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line ที่สถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 25 นาที จากนั้นให้เปลี่ยนสายรถไฟไปนั่งสาย Dazaifu Line โดยลงที่สถานี Dazaifu ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าเดินทางรวม 410 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาทีเพื่อไปที่วัดโคเมียวเซ็นจิ
เว็บไซต์
พิกัด
12. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum) เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 4 ของญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2005 คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือ “เข้าใจญี่ปุ่นผ่านแนวคิดของเอเชีย” เพราะในอดีตภูมิภาคคิวชูนับว่าเป็นจุดเชื่อมต่อของประเทศญี่ปุ่นกับเอเชียภาคพื้นทวีปนั่นเอง
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงยุคเอโดะ และมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นๆในเอเชียเป็นระยะๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum)
ที่อยู่
- Kyushu National Museum,4-7-2 Ishizaka, Dazaifu City, Fukuoka, 818-0118
โทร
- 092-922-4053
วันและเวลาทำการ
- วันเปิดทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 17:00 น.
- วันปิดทำการ : หยุดทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 700 เยน
- นักศึกษา : 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากตัวเมืองฟุกุโอกะ นั่งรถไฟสาย Tenjin Omuta Line ที่สถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu Futsukaichi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 25 นาที จากนั้นให้เปลี่ยนสายรถไฟไปนั่งสาย Dazaifu Line โดยลงที่สถานี Dazaifu ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที (ค่าเดินทางรวม 410 เยน) แล้วเดินต่อไปที่พิพิธภัณฑ์โดยใช้เวลา 2 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนคิตะคิวชู (Kita Kyushu)
13. สวนดอกวิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden
สวนดอกวิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden หรือ Kawachi Wisteria Garden เป็นสวนดอกวิสทีเรียในจังหวัดฟุกุโอกะที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1977 บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ภายในสวนมีต้นวิสทีเรียปลูกไว้กว่า 150 ต้น โดยมีทั้งหมด 22 สายพันธุ์
จุดที่สวยที่สุดของสวนแห่งนี้คือ อุโมงค์ดอกวิสทีเรียหลากสีสันที่เลี้อยปกคลุมห้อยระย้าเป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้ในสวนแห่งนี้คือตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป
นอกจากจะมีทัศนียภาพที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ที่นี่ก็งดงามด้วยใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วยเช่นกันครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนดอกวิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden
ที่อยู่
- Kawachi Fuji Garden / Kawachi Wisteria Garden, 2 Chome-2-48 Kawachi, Yahatahigashi Ward, Kitakyushu, Fukuoka 805-0045
โทร
- 093-652-0334
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชม เฉพาะเวลาดังนี้
- ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม : 8:00 – 18:00 น.
- กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม : 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- ฤดูใบไม้ผลิ : 500 เยน, 1,000 เยน หรือ 1,500 เยน (แล้วแต่ช่วงเวลา หากเป็นช่วงที่มีดอกไม้ประจำฤดูกาลค่าเข้าชมก็อาจจะมีราคาสูงหน่อยครับ)
- ฤดูใบไม้ร่วง : 500 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Yahata แล้วเดินมาขึ้นรถบัสสาย 1 ไปลงที่ป้าย Okura (Okura Park) จากนั้นให้เดินไปขึ้นรถบัสที่ป้าย Sankyuudoraggu Entrance แล้วนั่งไปลงที่ Kawachi Elem. Sch. Entrance (ใช้เวลารวมประมาณ 100 นาที ค่าโดยสาร 1,130 เยน) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
14. ท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Port)
ท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Port) เป็นท่าเรือสำคัญที่ชาวฟุกุโอกะใช้ในการติดต่อค้าขายกับนานาชาติเมื่อช่วงปี 1900 และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเกาะคิวชูกับเกาะใหญ่ฮอนชู แต่ในปัจจุบันท่าเรือหลักที่ใช้ขนส่งสินค้าจริงๆได้โยกย้ายไปยังท่า Shin-Moji Port แล้ว และท่าเรือโมจิโกะก็ได้รับการปรับปรุงพื้นที่เพื่อเปลี่ยนจากท่าเรือเก่าให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
หลังจากท่าเรือโมจิโกะกลายมาเป็นจุดท่องเที่ยว ผู้คนก็นิยมมาเดินเล่นถ่ายรูปกันมากมาย เพราะทางการได้อนุรักษ์อาคารสไตล์ยุโรปในย่านนี้เอาไว้ตั้งแต่ยุคเมจิและยุคไทโชเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวจึงสามารถสัมผัสกับบรรยากาศแบบตะวันตกได้อย่างเต็มเปี่ยมแม้จะอยู่ในฟุกุโอกะ
หากใครชอบวิวมุมสูงล่ะก็ ต้องไปที่ Mojiko Retro Observation Room ห้องชมวิวชั้นบนสุดของ “โมจิโคเรโทรไฮมาร์ต” ซึ่งเป็นแมนชั่นสูงที่ออกแบบโดยคิโช คุโรกาวะ สถาปนิกชาวญี่ปุ่นผู้โด่งดัง
ด้วยโครงสร้างที่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งของผนังกระจก ณ ความสูง 103 เมตร เราจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวพาโนรามา 270 องศาได้ โดยมองเห็นได้ทั่วทั้งบริเวณโมจิโคเรโทรและช่องแคบคัมมง
เราสามารถชมวิวที่นี่ได้ทั้งตอนกลางวันที่สามารถมองออกไปได้ไกล (ในวันที่อากาศดีจะมองเห็นไปถึงเกาะ Ganryujima สถานที่ดวลกันระหว่างสองยอดซามูไร Miyamoto Musashi และ Sasaki Kojiro) รวมถึงตอนกลางคืนที่บริเวณรอบๆมีไฟยามค่ำคืนส่องประกายสวยงาม
ข้อมูลเกี่ยวกับท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Port)
ที่อยู่
- Mojiko Retro (บริเวณท่าเรือ)
- 9, Moji Ward, Kitakyushu, Fukuoka 801-0852
- โทร : 093-321-4151
- Mojiko Retro Observation Room
- 1-32 Higashiminatomachi, Moji-ku, Kitakyushu City
- โทร : 093-321-4151
วันและเวลาทำการ
- Mojiko Retro (บริเวณท่าเรือ)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- Mojiko Retro Observation Room
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 00:00 – 22:00 น.
- มีวันหยุด 4 ครั้งใน 1 ปี แต่เวลาในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน โปรดตรวจสอบจากเว็บไซต์นี้ >> https://www.mojiko.info/spot/tenbo.html
ค่าเข้าชม
- Mojiko Retro (บริเวณท่าเรือ)
- ไม่มีค่าเข้าชม
- Mojiko Retro Observation Room
- ผู้ใหญ่ : 300 เยน
- เด็ก : 150 เยน
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Mojiko (ใช้เวลา 100 นาที ค่าโดยสาร 1,500 เยน) แล้วเดินต่อไปยังท่าเรืออีก 5-8 นาที
- สำหรับใครที่นั่งรถไฟชินคันเซ็น ให้เปลี่ยนเป็นรถไฟธรรมดาที่สถานี Kokura แล้วนั่งไปลงที่ Mojiko (รถไฟชินคันเซ็นจาก Kagoshima > Kokura ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 3,670 เยน / รถไฟธรรมดาจาก Kokura > Mojiko ใช้เวลา 13 นาที ค่าโดยสาร 280 เยน) แล้วเดินต่อไปยังท่าเรืออีก 5-8 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
- Mojiko Retro
- Mojiko Retro Observation Room
15. เมืองโคคุระ (Kokura City)
เมืองโคคุระ (Kokura City) เป็นหนึ่งในเมืองย่อยที่อยู่ภายในอาณาเขตของเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งนี้เราขอแนะนำ 3 สถานที่ ได้แก่ ปราสาทโคคุระ พิพิธภัณฑ์มังงะคิตะคิวชู และตลาดทังกะ
ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้น ณ ใจกลางเมืองโคคุระในปี 1602 โดยโมริ คัทสึโนบุ (Mori Katsunobu) ไดเมียวผู้ปกครองเมือง ต่อมาปราสาทก็เสียหายย่อยยับเพราะเกิดเหตุเพลิงไหม้ในปี 1866
แต่ในที่สุดปราสาทโคคุระก็ได้รับการบูรณะจนกลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้งในปี 1959 โดยผู้บูรณะยังคงลักษณะที่ไม่เหมือนที่ไหนๆของปราสาทแห่งนี้เอาไว้ เป็นลักษณะของอาคารที่เรียกว่า “คาระซุคุริ” กล่าวคือ พื้นที่ของชั้นบนจะกว้างกว่าชั้นล่าง
ทั้งนี้ ปราสาทโคคุระเป็นปราสาทที่สวยงามทั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเลยล่ะครับ
พิพิธภัณฑ์มังงะคิตะคิวชู (Kitakyushu Manga Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังมากมายซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับย่านคิตะคิวชู เช่น Leiji Matsumoto, Seizo Watase, Jun Hatanaka, Tsukasa Hojo ฯลฯ (คนที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น Leiji Matsumoto ผู้สร้าง Galaxy Express 999 สลัดอวกาศกัปตันฮาร์ล็อค และ Space Battleship Yamato เรือรบอวกาศยามาโตะ)
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสิ่งของอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการผลิตการ์ตูนอีกด้วย
ตลาดทังกะ (Tanga Market) เป็นตลาดสดยอดนิยมที่เรียงรายไปด้วยร้านค้ากว่า 200 ร้าน ส่วนใหญ่จะเน้นขายอาหารทะเลสด ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และอาหารประเภทเครื่องเคียงต่างๆ บรรยากาศแบบย้อนยุคของร้านค้าเก่าแก่กว่า 60 ปีในตลาดแห่งนี้สร้างความเพลิดเพลินในการเดินเที่ยวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งที่นี่ยังเต็มไปด้วยของอร่อยซึ่งสามารถซื้อกินได้เลย และยังมีอาหารรสเด็ดที่หาทานที่อื่นไม่ได้อีกด้วย เช่น คานัปเปะ (Kanappe) หรือลูกชิ้นปลาที่พันด้วยขนมปังแล้วนำไปทอด
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองโคคุระ (Kokura City)
ที่อยู่
- Kokura Castle
- 2-1 Jonai, Kokurakita Ward, Kitakyushu, Fukuoka 803-0813
- โทร : 093-561-1210
- Kitakyushu Manga Museum
- 2-14-5 Asano, Kokurakita-ku, Kitakyushu-shi, Fukuoka 802-0001
- โทร : 093-512-5077
- Tanga Market
- 4 Chome-2-18 Uomachi, Kokurakita Ward, Kitakyushu, Fukuoka 802-0006
- โทร : 093-521-4140
วันและเวลาทำการ
- Kokura Castle
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายน – ตุลาคม : 9:00 – 18:00 น.
- เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม : 9:00 – 17:00 น.
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- Kitakyushu Manga Museum
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 11:00 – 19:00 น.
- พิพิธภัณฑ์ปิดทุกวันอังคาร และช่วงวันหยุดปีใหม่
- Tanga Market
- เวลาทำการอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละร้าน แต่ส่วนมากจะเป็นช่วง 9:30 – 18:00 น.
- ร้านในตลาดมักจะปิดทำการในช่วงวันปีใหม่ (แล้วแต่ร้าน)
ค่าเข้าชม
- Kokura Castle
- ผู้ใหญ่ : 350 เยน
- นักเรียนมัธยมต้น : 200 เยน
- นักเรียนประถม : 100 เยน
- Kitakyushu Manga Museum
- ผู้ใหญ่ : 480 เยน
- นักเรียนมัธยม : 240 เยน
- นักเรียนประถม : 120 เยน
- เด็กเล็ก : เข้าชมฟรี
- Tanga Market
- ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
- Kokura City : จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Mojiko (รถไฟชินคันเซนใช้เวลา 16 นาที ค่าโดยสาร 3,460 เยน / รถไฟด่วนใช้เวลา 53 นาที ค่าโดยสาร 1,830 เยน) แล้วเดินไปยังแต่ละจุดหมาย
- Kokura Castle : จากสถานี Mojiko สามารถเดินไปยัง Kokura Castle ได้โดยใช้เวลา 15 นาที
- Kitakyushu Manga Museum : จากสถานี Mojiko สามารถเดินไปยัง Kitakyushu Manga Museum ได้โดยใช้เวลา 2 นาที
- Tanga Market : จากสถานี Mojiko สามารถเดินไปยัง Tanga Market ได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
- Kokura Castle : https://www.kokura-castle.jp/
- Kitakyushu Manga Museum : https://www.ktqmm.jp/
- Tanga Market : https://www.tangaichiba.jp/en/
พิกัด
- Kokura Castle
- Kitakyushu Manga Museum
- Tanga Market
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ” : โซนมุนาคาตะ (Munakata)
16. ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ (Munakata Taisha Shrine)
ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ (Munakata Taisha Shrine) เป็น 1 ในกลุ่มศาลเจ้า 3 แห่งที่สักการะสามเทพธิดาแห่งท้องทะเล โดยตำนานสามเทพธิดานี้เกิดจากการดวลกันระหว่างสุริยเทวีอามาเทราสึและเทพพายุสุซาโนโอะ (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ >> ชมหนึ่งในสามวิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นที่ ‘เกาะมิยาจิมะ’)
ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะแบ่งออกได้เป็น 3 ศาลเจ้าย่อย ได้แก่
- ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- ศาลเจ้าโอคิทสึมิยะ (Okitsu-miya)
ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ เป็นศาลเจ้าประธานของศาลเจ้าสายมุนาคาตะทั่วประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นที่นี่จึงขึ้นชื่อว่าขลังที่สุดในบรรดาศาลเจ้าสายเดียวกัน โดยที่นี่โด่งดังเรื่องการขอให้เดินทางปลอดภัย
นอกจากนี้ในแง่ของความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2017 อีกด้วย (ในเรื่องของความเก่าแก่นั้น อาคารในรูปสร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 12 ทว่าพื้นที่สักการะทำพิธีซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารกลับเก่ากว่านั้นเยอะเลยครับ เพราะพื้นที่ตรงนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นความเชื่อของชินโตเลยล่ะครับ)
ศาลเจ้าย่อยของศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะที่ใหญ่ที่สุดและเดินทางไปได้ง่ายที่สุดคือ ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya) ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองมุนาคาตะเลย
ต่อมาคือ ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya) เป็นศาลเจ้าที่เดินทางไปได้ยากกว่าศาลเจ้าเฮทสึมิยะ เพราะต้องออกนอกเมืองไปที่เกาะโอชิมะ (เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง) วิวสวยซะด้วยนะ
ส่วนศาลเจ้าย่อยที่อยู่ไกลสุด แถมยังไปได้ยากสุดจนแทบจะไปไม่ได้เลยก็คือ ศาลเจ้าโอคิทสึมิยะ (Okitsu-miya) ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่บนเกาะ Okinoshima เกาะเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากฝั่งมาก และเปิดให้เข้าไปสักการะได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตที่เป็นเพศชายเท่านั้น โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตจะสามารถเข้าไปสักการะได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะ (Munakata Taisha Shrine)
ที่อยู่
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
-
- 2331 Tashima, Munakata, Fukuoka 811-3505
- โทร : 094-062-1311
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- 1811 Oshima, Munakata, Fukuoka 811-3701
- โทร : 094-072-2007
วันและเวลาทำการ
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06:00 – 17.00 น.
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- ศาลเจ้าไม่มีค่าเข้าชม แต่หอสมบัติมีค่าเข้าชม 800 เยน
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
- Munakata Taisha : ศาลเจ้าเฮทสึมิยะ (Hetsu-miya)
- จากสถานี Hakata นั่งรถไฟ JR สาย Kagoshima ไปลงที่สถานี Togo (ใช้เวลา 39 นาที ค่าโดยสาร 570 เยน) แล้วนั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Munakata Taisha-mae (ใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินอีก 2นาที
- Munakata Taisha : ศาลเจ้านากาทสึมิยะ (Nakatsu-miya)
- จาก Munakata Taisha (Hetsu-miya) นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Konominato Hatoba (ใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือไปเกาะ Oshima (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 570 เยน) แล้วเดินอีก 5 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำ “จังหวัดฟุกุโอกะ”
1. ฮากาตะราเมน (Hakata Ramen)
ฮากาตะราเมน (Hakata Ramen) คือราเมนซุปกระดูกหมูสไตล์ฮากาตะ ด้วยซุปสีขาวหอมมันที่ใช้เวลาเคี่ยวนานข้ามวัน เส้นเล็กที่ซดคล่องคอ บวกกับหมูชาชูนุ่มๆละลายในลิ้น ฮากาตะราเมนจึงเป็นความลงตัวที่สุโค่ยมาก
- ร้านแนะนำ : Hakata Ikkousha
2. ไข่ปลาเมนไทโกะ (Mentiko)
เมนไทโกะ (Mentaiko) คือไข่ของปลาคอด หรือในภาษาญี่ปุ่นคือปลาทาระ (Tara) เมนไทโกะมีลักษณะเป็นเม็ดไข่ปลาเล็กๆสีส้มอัดติดกันเป็นก้อน ไข่ปลาชนิดนี้มักถูกนำไปหมักกับพริกเพื่อปรุงรสเผ็ด เรียกว่า Karashi Mentaiko นิยมทานกับข้าวสวยร้อนๆ และไข่ปลาเมนไทโกะนั้นเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ของชาวฟุกุโอกะเลยครับ
3. มตสึนาเบะ (Motsu Nabe)
มตสึนาเบะ (Motsu Nabe) หม้อไฟเครื่องในที่มีต้นกำเนิดในช่วงหลังสงครามโลก ในช่วงนั้นได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น จึงมีการนำเครื่องในที่แต่เดิมไม่ใช่วัตถุดิบปรุงอาหารมาต้มในหม้ออะลูมิเนียมแล้วจิ้มโชยุทาน ปรากฏว่าเมนูนี้อร่อยเหาะ! จึงเกิดเป็นเมนูหม้อไฟ Motsu Nabe ขึ้นมา
ปัจจุบันมตสึนาเบะเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สาวๆ เนื่องจากเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและคอลลาเจนอีกด้วย
- ร้านแนะนำ : Motsu Nabe Shoraku
4. มิสึทากิ (Mizutaki)
มิสึทากิ (Mizutaki) เป็นหม้อไฟที่มีการนำชิ้นเนื้อไก่พร้อมกระดูกใส่ลงไปในน้ำเย็นแล้วเคี่ยวให้เดือด จุดเด่นของมิสึทากิคือรสชาติความอร่อยที่กลมกล่อม (หรือที่เรียกว่ารสชาติแบบ ‘อูมามิ’) ซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์และกระดูก
หอมหัวใหญ่หั่นละเอียดจะถูกเติมลงไปในน้ำแกงเป็นอันดับแรก โดยน้ำแกงนี้จะใช้เป็นน้ำซุป ต่อมาก็ใส่ไก่ กะหล่ำปลีหรือผักกาดขาว และใบของต้นเบญจมาศลงในหม้อ และจะมีการเติมข้าวลงไปในน้ำซุปเพื่อทำเป็นโซซุอิ (ข้าวต้ม) เท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้ว!
- ร้านแนะนำ : Hakata Hanamidori
5. ยากิโทริ (Yakitori)
ยากิโทริ (Yakitori) มาจากคำญี่ปุ่นสองคำผสมกัน นั่นคือคำว่า ยากิ (焼き) ที่แปลว่าย่าง และคำว่า โทริ (鳥) ที่แปลว่าไก่ เมื่อนำสองคำมารวมกันก็จะสรุปได้ว่าเมนูยากิโทริที่เราทานกันก็คือไก่ย่างนั่นเอง
สำหรับการปรุงรสยากิโทรินั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะปรุงรสแบบ Tare หรือปรุงด้วยซอสที่รสออกหวาน หรือจะปรุงรสแบบ Shio ซึ่งเป็นการปรุงด้วยเกลือที่รสจะออกเค็ม (ก็เกลืออ่ะนะ…)
ยากิโทริเป็นอาหารยอดนิยมในการกินแกล้มเหล้าเบียร์ ในฟุกุโอกะมีร้านอิซากายะและร้านแผงลอยยาไตอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากได้มาเที่ยวจังหวัดฟุกุโอกะ ทริปนี้ก็เหมาะมากสำหรับการลองกินยากิโทริแกล้มเหล้าเบียร์
อ่านบทความอื่นๆจาก fromJapan
- รวม 22 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดเกียวโต’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
- 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดฮอกไกโด’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโอซาก้า’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวมข้อมูล ‘จังหวัดโอกินาว่า’ และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดคาโกชิม่า’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดซากะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง! (คลิกที่รูปได้เลย)
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ