รวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวใน ‘จังหวัดโอคายามะ’ ฉบับจัดเต็ม!
ก.ค. 03, 2020
จังหวัดโอคายามะ (Okayama Prefecture)
จังหวัดโอคายามะ (Okayama) เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งที่น่าสนใจมากมาย ด้วยที่ตั้งของจังหวัดซึ่งอยู่ติดกับทะเล ที่นี่จึงมีทั้งวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและอาหารทะเลอร่อยๆ หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวในญี่ปุ่นที่ครบครันทั้งแหล่งท่องเที่ยว ที่ชอปปิ้ง และร้านอาหารอร่อยๆ เราขอแนะนำให้เที่ยวโอคายามะเลยค่ะ
วันนี้ fromJapan ได้รวบรวมข้อมูลของจังหวัดโอคายามะมาให้ทุกคนได้ศึกษากันแบบจัดหนักจัดเต็ม หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทุกคนเที่ยวโอคายามะได้อย่างราบรื่นนะคะ
สารบัญ (Index)
- 1. ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดโอคายามะ
- 2. สถานที่ท่องเที่ยวในโอคายามะ
- 2.1 สะพานเซโตะโอฮาชิ (Great Seto Bridge/Seto Ohashi)
- 2.2 เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Area)
- 2.3 สวนโคราคุเอ็นแห่งโอคายามะ (Okayama Korakuen Garden)
- 2.4 ปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle)
- 2.5 ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine)
- 2.6 พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Art Museum)
- 2.7 ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ (Bitchu Matsuyama Castle)
- 2.8 หมู่บ้านโบราณฟุกิยะ (Fukiya Furusato Village)
- 2.9 สวนดอกกุหลาบ RSK (RSK Rose Garden)
- 2.10 ภูเขาวาชู (Mt. Washu)
- 2.11 ถ้ำมากิ (Makido Cave)
- 3. อาหารท้องถิ่นของโอคายามะ
- 4. แหล่งชอปปิ้งในโอคายามะ
1. ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดโอคายามะ
จังหวัดโอคายามะ (Okayama Prefecture) ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโกกุ (Chūgoku) ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น เมืองหลักซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้ด้วยคือเมืองโอคายามะ ส่วนเมืองสำคัญอื่นๆของจังหวัดคือเมืองคุราชิกิ (Kurashiki) เมืองทสึยาม่า (Tsuyama) เป็นต้น
โอคายามะเป็นจังหวัดที่เดินทางไปได้อย่างสะดวก หากโดยสารรถไฟชินคันเซ็นจะใช้เวลาเดินทางดังนี้
- จากโตเกียว : 3 ชั่วโมง 17 นาที
- จากเกียวโต : 1 ชั่วโมง
- จากฮิโรชิม่า : 35 นาที
จังหวัดโอคายามะเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์และน่าสนใจ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถานมากมาย อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนิทานพื้นบ้านชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่อง ‘โมโมทาโร่’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายผู้กล้าหาญที่เกิดมาจากลูกท้อ และภายหลังได้เดินทางไปปราบยักษ์พร้อมกับสัตว์สหายทั้งสามคือสุนัข ลิง และนก
ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นว่าหน้าสถานีรถไฟมีรูปปั้นตัวละครจากโมโมทาโร่ รวมถึงฝาท่อที่หลายๆคนชอบถ่ายรูปด้วยเช่นกันค่ะ
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งในโอคายามะกันเลยนะคะ
2. สถานที่ท่องเที่ยวในโอคายามะ
2.1 สะพานเซโตะโอฮาชิ (Great Seto Bridge/Seto Ohashi)
สะพานเซโตะโอฮาชิ (Great Seto Bridge/Seto Ohashi) เป็นสะพานสองชั้นที่ยาวที่สุดในโลก ใช้เวลาสร้างนานกว่า 9 ปี
เราสามารถชมวิวสะพานแบบนี้ได้จากภูเขา Washuzan ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Setonaikai National Park อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามในยามอาทิตย์อัสดง แถมยังถึงขั้นที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ
ดังนั้นการชมทิวทัศน์ยามเย็นของสะพานเซโตะโอฮาชิจึงนับว่าเป็นไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนที่มาเที่ยวโอคายามะค่ะ
ข้อมูลของสะพานเซโตะโอฮาชิ (Great Seto Bridge/Seto Ohashi)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถบัส Shimotsui Bus จากสถานีรถไฟ Kojima ไปลงที่ป้าย Washuzan Daini Tenboudai ใช้เวลา 25 นาที
ที่อยู่
- 1-1 Shimotsuitanoura, Kurashiki City, Okayama
เว็บไซต์
2.2 เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Area)
เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Area) เป็นเขตเมืองเก่าของญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุรักษ์มานานกว่า 300 ปี เขตเมืองเก่านี้เป็นที่ตั้งของบ้านโคมินกะหรือบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งนับว่าเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าและควรได้รับการอนุรักษ์สืบต่อไป ใจกลางเขตคุราชิกิบิคังจะมีแม่น้ำ Kurashiki ไหลผ่าน นักท่องเที่ยวจึงสามารถนั่งเรือชมวิวรอบๆย่านนี้ได้
นอกจากนี้ภายในเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคังยังมีสถานที่สำคัญๆหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Ohara Museum of Art, พิพิธภัณฑ์ Kurashiki Museum of Folkcraft, พิพิธภัณฑ์ Kurashiki Archeological Museum และย่านท่องเที่ยว Kurashiki Ivy Square
สำหรับร้านค้าและคาเฟ่ในย่านคุราชิกิบิคังนั้น สามารถอ่านรีวิวได้ในบทความนี้ค่ะ >> แนะนำ 4 ร้านน่าแวะใน Kurashiki ย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความเก๋
ที่นี่เป็นเมืองเงียบๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลา มี ร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ดูกลมกลืนไปกับบรรยากาศของเมืองเก่า หากได้ลองสวมชุดกิโมโนหรือชุดยูกาตะเดินเล่นแล้วละก็ บอกได้เลยว่าถ่ายรูปสวยไม่แพ้เมืองเกียวโตเลยทีเดียว (เว็บไซต์ภาษาไทย : แนะนำร้านเช่าชุดกิโมโนและยูกาตะ)
วิวกลางคืนของที่นี้ก็โรแมนติกสุดๆ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เช่นกัน
หรือหากใครกลับไม่ทันก็มีโฮมสเตย์และบ้านพักรับรองสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย
ข้อมูลของเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Area)
วิธีเดินทาง
- เดิน 10 นาทีจากสถานีรถไฟ Kurashiki
พิกัด
- Honmachi, Kurashiki, Okayama
ค่าบริการ
- ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
เว็บไซต์
2.3 สวนโคราคุเอ็นแห่งโอคายามะ (Okayama Korakuen Garden)
สวนโคราคุเอ็นแห่งโอคายามะ (Okayama Korakuen Garden) เป็น 1 ใน 3 สวนญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุด สวนแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญอันดับหนึ่งในโอคายามะเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ได้รับ 3 ดาวจากมิชลิน กรีน ไกด์ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
- หากสนใจอ่านประวัติของสวนโคราคุเอ็นอย่างละเอียดและชมภาพโซนต่างๆภายในสวน สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ >>โคราคุเอ็น หนึ่งในสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
พื้นที่ภายในสวนแห่งนี้กว้างขวางมากๆ คือมีทั้งโซนที่เป็นสวน สนามหญ้า สระน้ำ ธารน้ำไหล เนินเขา ต้นไม้ตามฤดูกาล และไร่ชา
ส่วนที่เราอยากแนะนำให้ไปเยี่ยมชมเป็นพิเศษก็คือ Enyo-tei House หรือสิ่งปลูกสร้างที่เห็นในรูปด้านล่างนี้ จากที่นี่เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของสวนโคราคุเอ็นได้อย่างทั่วถึงและเป็นจุดที่สวยงามที่สุด
สวนโคราคุเอ็นตั้งอยู่ข้างปราสาทโอคายามะ จากสวนเราจึงสามารถมองเห็นทั้งปราสาทและเนินเขา ซึ่งเราจะแนะนำปราสาทกันในข้อถัดไปนะคะ
ข้อมูลของสวนโคราคุเอ็นแห่งโอคายามะ (Okayama Korakuen Garden)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Okayama สามารถเดินไปที่สวนโคราคุเอ็นได้ภายใน 25 นาที หรืออาจนั่งรถบัสสาย Okaden bus จากสถานี Okayama ป้าย 1 ไปลงที่ป้าย Korakuenmae ก็ได้เช่นกัน
ค่าบริการ
- ค่าเข้าชมเฉพาะสวน : 410 เยน
- ตั๋วชุดสำหรับเข้าชมทั้งสวนและปราสาท : 580 เยน
เว็บไซต์
2.4 ปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle)
หลังจากเดินเล่นชมสวนโคราคุเอ็นแล้ว เราสามารถเดินไปชมปราสาทโอคายามะกันต่อได้เลย เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ติดกัน
ปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle) มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ยูโจ ซึ่งแปลว่า ปราสาทอีกาดำ เหตุผลที่ได้ชื่อนี้มาเป็นเพราะว่าหลังคาและผนังของปราสาทเป็นสีดำนั่นเอง
แต่เดิมปราสาทโอคายามะเคยถูกทำลายไปในช่วงศตวรรษที่ 18 เนื่องจากรัฐบาลไม่มีงบประมาณในการทะนุบำรุง รัฐจึงทำลายทิ้งจนเหลือแค่ตัวปราสาทหลัก ป้อม 2 แห่ง และประตูทางเข้าเท่านั้น
แต่ในเวลาต่อมา อาคารทั้งหมดยกเว้นป้อมก็ถูกทำลายเรียบในสงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้นปราสาทเวอร์ชั่นปัจจุบันจึงเป็นของใหม่ ทว่าสวยงามไม่แพ้ปราสาทดั้งเดิมเลย
- หากสนใจอ่านประวัติของปราสาทโอคายามะอย่างละเอียดและชมภาพโซนต่างๆภายในปราสาท สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ >> ‘เที่ยวปราสาทโอคายามะ’ ปราสาทสร้างใหม่ แต่สวยและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์
ภายในปราสาทจะมีทั้งหมด 6 ชั้น เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนเราสามารถชมวิวสวยๆของเมืองโอคายามะได้แบบนี้ค่ะ
ข้อมูลของปราสาทโอคายามะ (Okayama Castle)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Okayama สามารถเดินไปยังปราสาทโอคายามะได้ภายใน 25 นาที หรืออาจนั่งรถบัสสาย Okaden Bus จากสถานี Okayama ป้าย 9 ไปลงที่ป้าย Kenchomae ก็ได้เช่นกัน
พิกัด
- Okayama Castle, 2 Chome-3-1 Marunouchi, Kita Ward, Okayama
เวลาทำการ
- ปราสาทเปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลา 9:00 – 17:30 น.
- ปิดทำการในวันที่ 29 – 31 ธันวาคม
ค่าบริการ
- ค่าเข้าชมเฉพาะปราสาท : 320 เยน
- ตั๋วชุดที่เข้าชมได้ทั้งปราสาทและสวน : 580 เยน
เว็บไซต์
2.5 ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine)
เราจะพาทุกคนไปแวะขอพรกันที่ ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine) ศาลเจ้าชื่อดังของจังหวัดโอคายามะกันนะคะ
คนญี่ปุ่นเขาเชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ขอพรอะไรก็สมปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความสุขอยู่แล้วหรือไม่ค่อยมีความสุข เมื่อกลับจากที่นี่แล้วก็ล้วนได้รับพลังกลับไปใช้ชีวิตต่อไปค่ะ
ว่ากันว่าศาลเจ้านี้เป็นที่มาของนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง โมโมทาโร่ ด้วย
ลักษณะเด่นของที่นี่คือทางเดินที่ยาวถึง 360 เมตร นอกจากนี้แต่ละฤดูกาลยังมีดอกไม้ต่างชนิดให้ชมด้วย ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่เลยล่ะ
ข้อมูลของศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu-jinja Shrine)
วิธีเดินทาง
- เดิน 10 นาทีจากสถานีรถไฟ Kibitsu
พิกัด
- Kibitsu-jinja Shrine, 931 Kibitsu, Kita Ward, Okayama City, Okayama
เวลาทำการ
- 5:00 – 18:00 น.
ค่าบริการ
- เข้าชมฟรี
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
2.6 พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Art Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเอกชนแห่งแรกในญี่ปุ่น อาคารที่เห็นในภาพถูกสร้างแบบสถาปัตยกรรมกรีก ด้านในมีการจัดแสดงศิลปะตะวันตกจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ เอล เกรโก, พอล โกแกง, โคลด โมเนต์
นอกจากศิลปะตะวันตกแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์นี้ยังมีงานศิลปะอื่นๆให้ชมอย่างหลากหลาย เช่น บ่อบัวที่จำลองจากที่พักของโมเนต์ เครื่องปั้นดินเผา รวมถึงงานหัตถกรรมต่างๆของญี่ปุ่น
อีกทั้งยังมีการจัดคอนเสิร์ตแกลเลอรี และมีร้านขายของที่ระลึกจากงานศิลปะให้ผู้เข้าชมได้ซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
ข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Art Museum)
วิธีเดินทาง
- เดิน 15 นาทีจากสถานีรถไฟ Kurashiki
พิกัด
- 1 Chome-1-15 Central, Kurashiki, Okayama
เวลาทำการ
- 9:00 – 17:00 น.
- ปิดทุกวันจันทร์และช่วงวันที่ 28 – 31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม
- บุคคลทั่วไป : 1,500 เยน
- นักเรียนมัธยม/ประถม : 500 เยน
- เด็กอายุต่ำกว่าชั้นประถม : เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
2.7 ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ (Bitchu Matsuyama Castle)
ปราสาทบิจจูมัตสึยามะ (Bitchu Matsuyama Castle) ตั้งอยู่ในเมืองทาคาฮาชิ ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น (ปราสาทที่เป็นของแท้ สร้างมาตั้งแต่ดั้งเดิม ไม่ได้ผ่านการบูรณะขึ้นใหม่) อีกทั้งยังเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวจาก 12 ปราสาทดั้งเดิมในญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนยอดเขา โดยอยู่ที่ความสูง 430 เมตร
ปราสาทบิจจูมัตสึยามะสร้างขึ้นในปี 1240 แต่เดิมปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นป้อมปราการ ที่ตั้งจึงอยู่บนภูเขาสูงชันซึ่งยากต่อการโจมตี
แม้กระทั่งทุกวันนี้ปราสาทบิจจูมัตสึยามะก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เพราะผู้มาเยือนต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 20 นาทีเพื่อไปยังปราสาทจากจุดจอดรถที่ใกล้ที่สุด นอกจากตัวปราสาทแล้ว เรายังสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองจากหลายจุดได้ตลอดทาง
ปราสาทบิจจูมัตสึยามะเป็นปราสาทขนาดเล็กที่มีเพียง 2 ชั้นเท่านั้น ภายในปราสาทมีการจัดแสดงวัตถุโบราณและอธิบายถึงประวัติความเป็นมาของปราสาท
ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม บริเวณรอบปราสาทและภูเขามักปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกในยามเช้าตรู่ บนภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงกันซึ่งสามารถเดินทางไปได้ด้วยรถยนต์ก็มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นปราสาทบิจจูมัตสึยามะทั้งหลังได้
ภาพของปราสาทบิจจูมัตสึยามะที่มองจากภูเขาใกล้เคียงกันนั้น ทำให้ดูราวกับว่าปราสาทแห่งนี้กำลังลอยอยู่บนก้อนเมฆ เป็นภาพที่สวยงามอันซีนสุดๆค่ะ
ข้อมูลของปราสาทบิจจูมัตสึยามะ (Bitchu Matsuyama Castle)
วิธีเดินทาง
- รถแท็กซี่ (ไป-กลับ : 2,000 เยน/ 1 คน) หรือรถส่วนตัว
ที่อยู่
- 1 Uchisange, Takahashi, Okayama
เวลาทำการ
- เดือนเมษายน – กันยายน : 9:00 – 17:30 น.
- เดือนตุลาคม – มีนาคม : 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 300 เยน
- นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น : 150 เยน
เว็บไซต์
ที่มา
แผนที่
2.8 หมู่บ้านโบราณฟุกิยะ (Fukiya Furusato Village)
หมู่บ้านโบราณฟุกิยะ (Fukiya Furusato Village) เป็นหมู่บ้านโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในเมืองทาคาฮาชิ ที่นี่เคยเป็นศูนย์รวมความเจริญรุ่งเรืองในยุคเอโดะถึงยุคเมจิ มีชื่อเสียงในการผลิตเบงการะ หรือดินสีแดงที่เกิดจากการออกซิเดชันของเหล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันแมลง ไม่เน่าเสีย และไม่เป็นสนิม
เบงการะเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนในชุมชนแห่งนี้ มักใช้ทำเป็นสีย้อมผ้า เครื่องเขิน และเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งนักท่องเที่ยวก็สามารถทดลองทำเครื่องปั้นดินเผาที่นี่ได้
กระเบื้องหลังคาสีแดงเซคิชูกาวาระและอาคารที่สร้างจากเบงการะที่เห็นในภาพ ทำให้หมู่บ้านโบราณฟุกิยะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นย่านอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาคารโบราณ
นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถบัสวินเทจสีแดงเเพื่อชมหมูบ้านนี้อย่างทั่วถึงได้อีกด้วย
ข้อมูลของหมู่บ้านโบราณฟุกิยะ (Fukiya Furusato Village)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถบัสจากสถานี Bichu Takahashi ไปยังสถานี Fukiya ใช้เวลาประมาณ 55 นาที
ที่อยู่
- 838-2 Nariwacho Fukiya, Takahashi, Okayama
เวลาทำการ & ค่าบริการ
- ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
เว็บไซต์
แผนที่
2.9 สวนดอกกุหลาบ RSK (RSK Rose Garden)
สวนดอกกุหลาบ RSK (RSK Rose Garden) เป็นสวนดอกกุหลาบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สวนแห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1947 ภายในสวนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตรแห่งนี้มีดอกกุหลาบกว่า 1 ล้านต้น โดยแบ่งเป็น 15,000 พุ่มและ 450 สปีชีส์
ดอกกุหลาบภายในสวนกุหลาบ RSK นั้นบานสวยตลอดทั้งปี แต่ด้วยแผนการปลูกดอกไม้ของทางสวน ทำให้มีอยู่ 2 ช่วงเวลาที่ดอกกุหลาบในสวนนี้เบ่งบานเต็มที่และดูสวยที่สุด คือฤดูใบไม้ผลิ (กลางเดือน พ.ค. – กลางเดือน มิ.ย.) และฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือน ต.ค. – ปลายเดือน พ.ย.)
ในช่วงเวลาดังกล่าว สวนแห่งนี้จะกลายเป็นทะเลดอกไม้หลากสีสัน ทำให้ผู้มาเยือนล้วนประทับใจในความสวยงามที่ราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์แห่งกุหลาบ
ข้อมูลของสวนดอกกุหลาบ RSK (RSK Rose Garden)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Okayama ไปลงที่ป้าย Shimonatsukawa ใช้เวลา 30 นาที แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
ที่อยู่
- 1592-1 Natsukawa,Kita-ku, Okayama-shi,Okayama Prefecture, Japan, 701-0164
เวลาทำการ
- 9:30 – 17:00 น.
- เปิดให้เข้าสวนได้จนถึงเวลา 16:30 น.
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ใหญ่ (นักเรียนชั้นมัธยมขึ้นไป) : 600 เยน
- เด็ก (นักเรียนชั้นประถมลงไป) : 300 เยน
- ในช่วงเดือน ส.ค. /ก.ย. / ธ.ค. / ม.ค. จะปรับค่าเข้าชมเป็นราคาดังต่อไปนี้
- ผู้ใหญ่ (นักเรียนชั้นมัธยมขึ้นไป) : 300 เยน
- เด็ก (นักเรียนชั้นประถมลงไป) : 200 เยน
เว็บไซต์
2.10 ภูเขาวาชู (Mt. Washu)
ภูเขาวาชู (Mt. Washu) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Setonaikai National Park ภูเขาแห่งนี้โดดเด่นด้วยรูปร่างลักษณะที่ดูคล้ายเหยี่ยวกำลังสยายปีกบิน ภูเขาลูกนี้จึงได้ชื่อว่า ‘วาชู’ ที่แปลว่าเหยี่ยวนั่นเอง
จากจุดชมวิวบนภูเขาวาชู เราสามารถชมทิวทัศน์ของหมู่เกาะชิวาคุ (Shiwaku Islands)ได้ หมู่เกาะชิวาคุประกอบไปด้วยเกาะแก่งต่างๆจำนวนกว่า 30 เกาะ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ของทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) หรือทะเลในที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะฮอนชู ชิโกกุ และคิวชู นอกจากนี้เรายังชมวิวสะพานเซโตะโอฮาชิที่เชื่อมระหว่างจังหวัดโอคายามะกับจังหวัดคากาวะจากบนภูเขาวาชูได้อีกด้วย
เส้นทางขึ้นภูเขาวาชูนั้นสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นทางขึ้นเขาโดยเฉพาะ ภาพทิวทัศน์ทะเลในเซโตะที่มองเห็นได้ในระหว่างทางขึ้นเขานั้นวิเศษสุดๆ โดยเฉพาะในยามพระอาทิตย์ตกดิน ภาพอาทิตย์อัสดงจากภูเขาวาชูสวยงามจนถึงขั้นที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
ข้อมูลของภูเขาวาชู (Mt. Washu)
วิธีเดินทาง
- สามารถเดินทางไปภูเขาชูได้โดยรถไฟและรถส่วนตัว สถานีรถไฟที่ใกล้ภูเขาวาชูที่สุดคือสถานี JR Kojima แต่จากสถานี Kojima ไปยังภูเขาวาชูนั้นใช้เวลาเดินถึง 40 นาที ดังนั้นทางเลือกที่สะดวกที่สุดคือขับรถไป เนื่องจากถ้าขับรถออกจากทางออก Kojima exit บนทางด่วน Seto-chuo Expressway แล้ว เราจะสามารถไปถึงภูเขาวาชูได้ภายใน 10 นาที นอกจากนี้ตรงหอชมวิวของภูเขาวาชูยังมีที่จอดรถฟรีอีกด้วย
ที่อยู่
- Shimotsui-tanoura, Kurashiki-shi, Okayama
โทร
- 086-479-8660
เวลาทำการ
- เดือนเมษายน – กันยายน : 9:00 – 17:00 น.
- เดือนตุลาคม – มีนาคม : 9:00 – 16:30 น.
- ปิดทำการ : ปิดทำการในช่วงวันหยุดปีใหม่ (29 ธ.ค. – 3 ม.ค.)
ค่าเข้าชม
- เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
- https://japantravel.navitime.com/en/area/jp/spot/02301-2700336/
- https://www.japanhoppers.com/en/chugoku/kurashiki/kanko/406/
2.11 ถ้ำมากิ (Makido Cave)
ถ้ำมากิ (Makido Cave) เป็นถ้ำหินปูนที่มีความยาวรวมทั้งสิ้น 450 เมตร โดยภายในถ้ำจะมีทะเลสาบใต้ดินทอดตัวอยู่ทางด้านหลังของถ้ำด้วย อุณหภูมิภายในถ้ำมากิจะคงที่อยู่ที่ 15 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี
ถ้ำมากิได้รับการยกย่องว่าเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ (Natural monument) ของจังหวัดโอคายามะ ภายในถ้ำมากินั้นเต็มไปด้วยสีสันของหินงอกหินย้อยและแสงธรรมชาติที่ส่องสะท้อนจากทะเลสาบใต้ดิน ด้วยเหตุนี้ บางครั้งถ้ำมากิจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘พิพิธภัณฑ์ถ้ำ’
นอกจากนี้ ผู้คนจะนิยมโยนเหรียญลงไปใน ‘Sensui (บ่อน้ำในสวน)’ เหมือนที่นักท่องเที่ยวชอบทำเวลาไปเที่ยวที่น้ำพุเทรวี่ในอิตาลี โดยเชื่อว่าจะทำให้ความปรารถนาของตนเป็นจริง
ข้อมูลของถ้ำมากิ (Makido Cave)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Ikura แล้วนั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Makido Cave (ใช้เวลา 40 นาที)
ที่อยู่
- Mikido Cave, 2276-2, Toyonagaakouma, Niimi City, Okayama Prefecture
โทร
- 0867-74-3100
เวลาทำการ
- 8:30 – 17:00 น. (เปิดให้เข้าถ้ำได้จนถึงเวลา 16:30 น.)
- ไม่มีวันปิดทำการ
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่และนักเรียนชั้น ม. ปลาย : 1,000 เยน
- นักเรียนชั้น ม.ต้น : 800 เยน
- นักเรียนชั้นประถมลงไป : 500 เยน
เว็บไซต์
3. อาหารท้องถิ่นของโอคายามะ
โอคายามะเป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศอบอุ่น อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ อีกทั้งยังติดทะเล ที่นี่จึงเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยอาหารจานเด็ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารทะเลต่างๆหรือซูชิที่ปะหน้าด้วยปลาคุณภาพดี
นอกจากนี้โอคายามะยังขึ้นชื่อเรื่องผลไม้เป็นอย่างมาก เพราะอากาศที่ดีทำให้ผลไม้จังหวัดนี้มีรสชาติอร่อยหอมหวาน จนถึงขั้นที่โอคายามะได้ชื่อว่าเป็น ‘ดินแดนแห่งผลไม้’ เลยทีเดียว
- *หมายเหตุ : หากต้องการไปเก็บผลไม้ที่สวนผลไม้ ควรตรวจสอบฤดูกาลและสภาพอากาศ รวมถึงติดต่อจองคิวก่อนไปเที่ยวที่สวน
ต่อจากนี้จะเป็นการแนะนำอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดโอคายามะค่ะ
3.1 Okayama Barazushi ซูชิท้องถิ่นของโอคายามะ
หากมาเที่ยวที่จังหวัดโอคายามะ สิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการลิ้มลองซูชิ โดยเฉพาะ Okayama Barazushi หรือซูชิท้องถิ่นของโอคายามะ
Okayama Barazushi เป็นซูชิที่ปะหน้าด้วยปลาเนื้อดีจากทะเลในเซโตะ และมีการใช้ผักท้องถิ่นที่แตกต่างออกไปตามฤดูกาล ส่วนข้าวที่ใช้ปั้นก็เป็นข้าวหมักน้ำส้มสายชู
อาหารทะเลของที่นี่นั้นนับว่าเป็นวัตถุดิบชั้นยอด ดังนั้นเรารับประกันได้เลยว่าซูชิทุกคำจะอัดแน่นไปด้วยความละมุนของเนื้อปลาคุณภาพดีแน่นอน
ที่มา : https://okayama-kanko.net/sightseeing/th/gourmet/
3.2 ซูชิปลามามาการิ (Mamakari-zushi)
ซูชิปลามามาการิ (Mamakari-zushi) เป็นซูชิที่ใช้เนื้อปลามามาการิเป็นหน้า โดยปลามามาการินั้นเป็นปลาท้องถิ่นเล็กๆที่อาศัยอยู่ที่ทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea)
เชฟจะนำเนื้อปลามามาการิไปหมักเกลือประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นล้างด้วยน้ำส้มสายชู แล้วนำไปหมักในน้ำส้มสายชูที่ผสมน้ำตาลกับเกลือ จากนั้นก็ทิ้งไว้ข้ามคืน
วันรุ่งขึ้นเชฟจะนำเนื้อปลาที่ผ่านกระบวนการหมักเรียบร้อยแล้วไปวางลงบนข้าวปั้น กลายเป็นซูชิปลามามาการิแสนอร่อย ของดีของจังหวัดโอคายามะนั่นเอง
3.3 ลูกพีชสีขาว (White Peaches)
โอคายามะนั้นขึ้นชื่อเรื่องผลไม้ แต่ในบรรดาผลไม้ทั้งหมด ลูกพีชสีขาว (White Peaches) นั้นนับว่าเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อที่สุดและนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของโอคายามะเลยค่ะ ลูกพีชสีขาวที่โอคายามะนั้นมีรสชาติที่หวานอร่อยมากๆและมีกลิ่นหอมสุดๆ
เมื่อถึงฤดูร้อน ฟาร์มผลไม้ในจังหวัดโอคายามะจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเด็ดลูกพีชและทานกันสดๆตรงนั้นได้เลย หากใครมีโอกาสได้ไปโอคายามะในช่วงหน้าร้อน อย่าลืมใส่ฟาร์มผลไม้ลงไปในแพลนท่องเที่ยวกันนะคะ เพราะบอกได้เลยว่ามันเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมากและหาได้แค่ที่โอคายามะเท่านั้น
3.4 คิบิดังโงะ (Kibi Dango)
คิบิดังโงะ (Kibi Dango) เป็นขนมหวานแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่โด่งดังมากๆในโอคายามะ เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว คิบิดังโงะยังปรากฏอยู่ในนิทานเรื่องโมโมทาโร่ด้วย
คิบิดังโงะนั้นทำจากแป้งกิวฮี (Gyuhi) แป้งทำขนมของญี่ปุ่นที่ช่วยให้ตัวแป้งดังโงะมีความเหนียวหนึบมากกว่าการใช้แป้งทั่วๆไปทำ รูปร่างของคิบิดังโงะจะเป็นทรงกลมแบน นิยมเสิร์ฟคู่กับชาเขียว
หลังจากเที่ยวมาเหนื่อยๆทั้งวัน การแวะไปนั่งชิลล์ทานขนมอร่อยๆอย่างคิบิดังโงะนั้นก็เป็นอะไรที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้เรายังสามารถซื้อคิบิดังโงะกลับไปเป็นของฝากให้ครอบครัวกับเพื่อนๆได้อีกด้วยนะ
3.5 พาร์เฟ่ต์ผลไม้ (Fruit Parfait)
ในเมื่อ ‘จังหวัดโอคายามะ’ ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ดินแดนแห่งผลไม้’ ดังนั้นของหวานที่เราไม่ควรพลาดเลยก็คือ พาร์เฟ่ต์ผลไม้ (Fruit Parfait) นั่นเอง
พาร์เฟ่ต์ผลไม้สามารถหาทานได้ตามร้านอาหารในโซนใจกลางเมืองโอคายามะ โดยพาร์เฟ่ต์ที่นี่จะใช้ผลไม้ท้องถิ่นของโอคายามะอย่างพีชสีขาวหรือองุ่นญี่ปุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคทเป็นส่วนประกอบหลัก ด้วยเหตุนี้พาร์เฟ่ต์ผลไม้ของโอคายามะนั้นมีความอร่อยที่ไม่เหมือนใครแน่นอนค่ะ
4. แหล่งชอปปิ้งในโอคายามะ
4.1 ย่านโคจิมะยีนส์สตรีท (Kojima Jeans Street)
ย่านโคจิมะยีนส์สตรีท (Kojima Jeans Street) เป็นย่านที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเสื้อผ้ายีนส์
ย่านโคจิมะยีนส์สตรีทเป็นแหล่งกำเนิดยีนส์ที่แรกในญี่ปุ่น ย่านนี้เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้ายีนส์ที่มีคุณภาพทั้งแบรนด์ของญี่ปุ่นและแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 30 ร้าน
นอกจากจะได้ช้อปยีนส์แล้ว ที่นี่ยังมีหลายจุดให้ทุกคนได้ไปถ่ายภาพแบบเก๋ๆไม่ซ้ำใคร แถมยังมีคาเฟ่ให้นั่งพักในระหว่างเที่ยวอีกด้วย (แนะนำ คาเฟ่และร้านอาหารในย่าน Kojima Jeans Street)
ข้อมูลของย่านโคจิมะยีนส์สตรีท (Kojima Jeans Street)
วิธีเดินทาง
- เดิน 15 นาทีจากสถานีรถไฟ Kojima
ที่อยู่
- 2 Kojimaajino, Kurashiki, Okayama
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่
4.2 มิตซุยเอาต์เล็ตพาร์คคุราชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki)
มิตซุยเอาต์เล็ตพาร์คคุราชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สายช้อปไม่ควรพลาด! ห้างเอาต์เล็ตแห่งนี้รวบรวมทั้งสินค้าแบรนด์เนมของญี่ปุ่นและของต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถซื้อได้ในราคาสุดคุ้ม หรือหากใครไม่ได้มาช้อปก็สามารถแวะทานข้าวและเดินเล่นเพลินๆที่นี่ได้ เพราะเอาต์เล็ตแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานี Kurashiki เพียง 3 นาทีเท่านั้น
ข้อมูลของมิตซุยเอาต์เล็ตพาร์คคุราชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki)
วิธีเดินทาง
- เดิน 3 นาทีจากสถานีรถไฟ Kurashiki
พิกัด
- 12-3 Kotobuki-cho, Kurashiki City, Okayama
เวลาทำการ
- 10:00 – 20:00 น.
เว็บไซต์
แผนที่
เว็บไซต์ทางการของจังหวัดโอคายามะ
*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚
จบไปแล้วนะคะสำหรับบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆใน จังหวัดโอคายามะ จังหวัดที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถานมากมาย อีกทั้งยังมีอาหารทะเลและผลไม้อร่อยๆที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลด้วย
fromJapan ขอฝากบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใน ‘จังหวัดโอคายามะ’ นี้ไว้เป็นทางเลือกในการเดินทางครั้งหน้าของทุกคนด้วยนะคะ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นของทุกคนค่ะ
สำหรับวันนี้เราต้องขอลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดโอคายามะ
- ‘ปราสาทโอคายาม่า’ ปราสาทสร้างใหม่ แต่สวยและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์
- โคราคุเอ็น หนึ่งในสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
- แนะนำ 4 ร้านน่าแวะใน Kurashiki ย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความเก๋