fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!

มิ.ย. 25, 2021

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ กันเถอะ!

จังหวัดโทคุชิมะ Tokushima Prefecture

จังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima Prefecture) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region) และอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima Prefecture) สถานที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางจาริกแสวงบุญ 88 แห่งของภูมิภาคชิโกกุ หรือ โอะเฮ็นโระ (Ohenro​) ใครเป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติตัวยงจะต้องไม่พลาดกับที่นี่เด็ดขาดเลย!

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ นั้นล้อมรอบไปด้วยผาที่ขรุขระ อีกทั้งยังมีน้ำวนที่สวยงาม ดูน่าค้นหาและแสนอันตราย แน่นอนว่ากิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดนี้ก็มีทั้งการล่องแก่ง เล่นกระดานโต้คลื่น หรือเดินป่า

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ก็จะมีจุดชมน้ำวนนารุโตะ หุบเขาอิยะที่แสนลึกลับน่าค้นหา รวมถึงภูเขาบิซังที่เป็นจุดชมวิวกลางคืนอันแสนสวยงาม

นอกจากนี้ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ยังเชื่อมกับเกาะฮอนชู (Honshu) ด้วยสะพานอาคาชิไคเคียว (​Akashi Kaikyo Bridge) และสะพานนารุโตะ (Naruto Bridge) เราจึงสามารถเดินทางมาเที่ยวโทคุชิมะด้วยรสบัสจากจังหวัดโอซาก้าได้ โดยใช้เวลาประมาณ 150 นาที นอกจากนี้เราสามารถตีตั๋วเครื่องบินจากโตเกียวหรือฟุกุโอกะมาที่โทคุชิมะก็ได้เช่นกัน

  • มาดูเสน่ห์ของจังหวัดโทคุชิมะผ่านคลิปกันเถอะ!

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทคุชิมะ
    1. พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอทสึกะ (Otsuka Museum of Art)
    2. ภูเขาบิซัง (Mt. Bizan)
    3. หุบเขาอิยะ (Iya Valley)
    4. สะพานอุซึโนะมิจิ (Uzu no Michi Walkway)
    5. จุดชมน้ำวนนารุโตะ (Naruto Whirlpools)
    6. หุบเขาโอโบเกะ (Oboke Gorge)
    7. สะพานคาซึระบาชิ (Kazurabashi Bridge)
    8. น้ำตกบิวะ (Biwa Waterfall)
    9. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สีคราม Aizumicho Historical Museum (Ai-no-Yakata)
    10. วัดเรียวเซ็นจิ (Ryozenji Temple)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโทคุชิมะ
    1. โทคุชิมะราเมน (Tokushima Ramen)
    2. ไก่อาวะโอโดริ (Awaodori Chicken)
    3. กุ้งอิเสะ (Ise Ebi)
    4. เนื้ออาวะ (Awa Beef)
    5. นารุโตะคินโทคิ (Naruto Kintoki)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทคุชิมะ

1. พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอทสึกะ (Otsuka Museum of Art)

ที่มา : www.japan-guide.com

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอทสึกะ (Otsuka Museum of Art) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นภายในพื้นที่ของสวนนารุโตะ (Naruto Park) เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปีของ Otsuka Pharmaceutical Group บริษัทเคมีภัณฑ์ชื่อดังของญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอทสึกะยังนับว่าเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น การันตีได้จากสำเนาผลงานศิลปะตะวันตกชื่อดังซึ่งมีแทบทุกภาพ โดยที่นี่ได้รวบรวมงานศิลปะไว้ตั้งแต่งานที่สร้างขึ้นมาเมื่อสมัยโบราณจนถึงงานในศตวรรษที่ 20 แน่นอนว่าที่นี่ก็มีผลงานของศิลปินชื่อดังอย่าง Michelangelo, El Greco, Goya, Monet และ Picasso ด้วย

ที่มา : www.japan-guide.com

นอกจากภาพวาดที่มีจำนวนกว่าพันรูปแล้ว พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอทสึกะยังจัดแสดงงานประติมากรรมอย่างแท่นบูชาจำลองและสุสานอีกด้วย อีกทั้งยังจัดแสดงผลงานสถาปัตยกรรมภายในที่น่าสนใจ อย่างห้องโถงภายในโบสถ์ซิสทีน (Sistine Chapel) ซึ่งของจริงตั้งอยู่ที่นครรัฐวาติกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีสำเนางานศิลปะของศิลปินชื่อดังที่วาดลงบนจานเซรามิก อันเป็นเทคนิคการคงสีและรูปร่างของผลงานเอาไว้ไม่ให้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ว่ากันว่าเทคนิคนี้สามารถเก็บภาพไว้ได้นานถึง 2,000 ปีเลยทีเดียว

หลังจากเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์กันจนเหนื่อยแล้ว เราสามารถออกมานั่งพักกันได้ที่คาเฟ่และร้านอาหารกลางแจ้ง บริเวณนี้จะอยู่ ณ พื้นที่กลางแจ้งของพิพิธภัณฑ์ ท่ามกลางสวนที่ได้รับการจัดแต่งอย่างสวยงามค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอทสึกะ (Otsuka Museum of Art)

ที่อยู่
  • Fukuike Narutocho Tosadomariura, Naruto, Tokushima 772-0053, Japan
โทร
  • 088-687-3737
เวลาทำการ
  • 9:30 – 17:00 น.
  • ปิดทุกวันจันทร์และช่วงปีใหม่ แต่หากวันจันทร์นั้นเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็จะปิดทำการในวันถัดไปแทน
ค่าเข้าชม
  • 3,300 เยน (หากสั่งซื้อออนไลน์หรือซื้อตั๋วที่ร้าน Lawson และ seven eleven จะได้ส่วนลดประมาณ 4%)
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Naruto Koen แล้วเดินไปที่พิพิธภัณฑ์โดยใช้เวลา 10 นาที
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

2. ภูเขาบิซัง (Mt. Bizan)

Mt. Bizan

ภูเขาบิซัง (Mt. Bizan) นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโทคุชิมะเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 290 เมตรแล้ว บนยอดเขายังมีสวนสาธารณะบิซัง (Bizan Park) และจุดชมวิวเมืองโทคุชิมะอีกด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถมองเห็นวิวสะพานนารุโตะได้จากภูเขาแห่งนี้ค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น ภูเขาบิซังยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองโทคุชิมะ พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระเหล่านี้จะพร้อมใจกันผลิดอกอย่างงดงาม ย้อมยอดเขาให้กลายเป็นสีชมพูสุดตระการตา

Inside park Mt. Bizan

Bizan Ropeway ภูเขาบิซัง

หากใครไม่อยากเดินขึ้นเขาให้เหนื่อยล่ะก็ ที่นี่มีกระเช้าให้เราขึ้นด้วยค่ะ!

ว่ากันว่าทิวทัศน์ของเมืองโทคุชิมะตอนที่เห็นจากบนกระเช้านั้นติดอันดับ 1 ใน 100 วิวกลางคืนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นเลยล่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาบิซัง (Mt. Bizan)

ที่อยู่
  • Higashiyama Hachimancho, Tokushima, 770-8070, Japan
โทร
  • 088-652-3617
เวลาทำการ
  • Bizan Ropeway เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:30 น.
ค่าใช้จ่าย (Bizan Ropeway)
  • ผู้ใหญ่ (ไป-กลับ) : 1,020 เยน
  • ผู้ใหญ่ (เที่ยวเดียว) : 610 เยน
  • เด็ก (ไป-กลับ) : 510 เยน
  • เด็ก (เที่ยวเดียว) : 300 เยน
วิธีเดินทาง
  • ขึ้นกระเช้า Bizan Ropeway จากสถานี Sanroku Station ซึ่งอยู่ที่ชั้น 5 ของอาคาร Awa Odori Kaikan โดยใช้เวลาประมาณ 6 นาที
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

3. หุบเขาอิยะ (Iya Valley)

หุบเขาอิยะ (Iya Valley) เป็นหุบเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปจากภูเขาทางตะวันตกของ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปที่ใจกลางของเกาะชิโกกุ (Shikoku Island)

หุบเขาอันเงียบสงบแห่งนี้มีเนินเขาสูงชันและช่องเขาหินลึกเป็นลักษณะเฉพาะ และเดิมทียังมีสะพานเถาวัลย์ตัดผ่านด้วย ซึ่งก็คือ สะพานอิยะคาซึระบาชิ (Iya Kazurabashi Bridge) และ สะพานโอคุ-อิยะ คาซึระบาชิ (Oku-Iya Kazurabashi Bridge) สะพานสองแห่งดังกล่าวได้รับการบำรุงรักษามาจนถึงทุกวันนี้ และพื้นที่บางส่วนก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ อีกด้วย นอกจากนี้หุบเขาอิยะยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของออนเซ็นและกิจกรรมกลางแจ้งด้วยค่ะ

เนื่องจากหุบเขาอิยะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ในช่วงปี 1180 – 1185 สถานที่แห่งนี้จึงถูกใช้เป็นที่หลบภัยของสมาชิกของตระกูลไทระ (Taira) หรือตระกูลเฮเกะ (Heike) ซึ่งพ่ายแพ้มาจากสงครามเก็มเป (Gempei War) ที่ตระกูลใหญ่ๆได้ต่อสู้แย่งชิงอำนาจการปกครองในญี่ปุ่น

และนับตั้งแต่สมัยเฮอันเป็นต้นมา ลูกหลานของพวกเขาก็ยังคงสืบเชื้อสายดำรงอยู่จวบจนปัจจุบัน

ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขาอิยะ (Iya Valley)

ที่อยู่
  • Iya Valley Tourism Association, 136-2 Niiya, Higashi-Iya, Miyoshi City, Japan
วิธีเดินทาง
  • หากเดินทางมาจากจังหวัดโอซาก้า ให้นั่งรถบัสจากสถานี Hankyu Umeda Station ในโอซาก้า โดยลงรถที่สถานีรถบัส Awa-Ikeda Bus Terminal ในจังหวัดโทคุชิมะ (ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 5,000 เยน) จากนั้นให้นั่งรถบัสท้องถิ่นภายในโทคุชิมะไปยัง Iya Valley
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

4. สะพานอุซึโนะมิจิ (Uzu no Michi Walkway)

สะพานอุซึโนะมิจิ (Uzu no Michi Walkway) เป็นทางเดินแบบปิดที่ทอดตัวยาวใต้สะพานโอนารุโตะ (Onaruto Bridge) เราจึงสามารถชมน้ำวนนารุโตะได้จากที่นี่!

สะพานอุซึโนะมิจิ Uzu no Michi Walkway จังหวัดโทคุชิมะ 01

นอกจากนี้ ห้องสังเกตการณ์ของทางเดินยังตั้งอยู่เหนือจุดที่มีน้ำวนประมาณ 45 เมตร เราจึงสามารถมองเห็นน้ำวนอันสวยงามผ่านพื้นห้องสังเกตการณ์ที่เป็นกระจกได้

  • *สำหรับเรื่องของน้ำวนนารุโตะ สามารถอ่านได้ที่หัวข้อถัดไปนะคะ

สะพานอุซึโนะมิจิ Uzu no Michi Walkway โทคุชิมะ

การมาชมน้ำวนนารุโตะที่สะพานอุซึโนะมิจิถือเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับการท่องเที่ยวสายธรรมชาติจริงๆค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอีกมิติหนึ่งของการเที่ยวทะเลเลยล่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับสะพานอุซึโนะมิจิ (Uzu no Michi Walkway)

ที่อยู่
  • Japan, 〒772-0053 Tokushima, Naruto, Naruto Park
โทร
  • 088-683-6262
เวลาทำการ
  • เดือนมีนาคม – กันยายน : 9:00 – 18:00 น.
  • เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ : 9:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัส Narutokoen-iki จากหน้าสถานีรถไฟ JR Naruto ไปลงที่ป้าย Naruto-Koen โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

5. จุดชมน้ำวนนารุโตะ (Naruto Whirlpools)

the mysterious Naruto Whirlpools

น้ำวนนารุโตะ (Naruto Whirlpools) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งชิโกกุ (Shikoku Coast) ในบริเวณช่องแคบนารุโตะ (Naruto Strait)

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากการที่มวลน้ำขนาดใหญ่ของทะเลเซโตะและมหาสมุทรแปซิฟิกไหลมาเจอกัน รวมถึงปัจจัยเรื่องกระแสน้ำขึ้นและน้ำลงด้วย เมื่อผนวกกับลักษณะทางธรณีวิทยาใต้ทะเลของช่องแคบแห่งนี้ที่พื้นใต้น้ำจะมีระดับความสูงแตกต่างกันอย่างมาก ทุกๆปัจจัยจึงก่อให้เกิด ‘กระแสน้ำวน’ ขึ้น

Naruto whirlpool

จากสถิติกระแสน้ำวนจะเกิดขึ้นทุกๆ 6 ชั่วโมง ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเราจะมองเห็นน้ำวนได้ 2 ครั้ง คือตอนเช้าและตอนบ่าย แต่ละครั้งจะเกิดขึ้นนานเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง

ที่ยิ่งไปกว่านั้น กระแสน้ำวนที่เกิดขึ้นจะมีขนาดแตกต่างกันด้วย โดยขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสน้ำในช่วงเวลานั้น ฤดูกาล และน้ำขึ้นน้ำลง กระแสน้ำวนในฤดูร้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าฤดูหนาว และจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในวันขึ้น 15 ค่ำกับวันแรม 15 ค่ำ

แน่นอนว่าในวันที่มีปัจจัยทุกอย่างครบ เราจะมีโอกาสได้เห็นน้ำวนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุดถึง 20 เมตร ทั้งนี้เราควรตรวจสอบวันเวลาที่จะเกิดน้ำวนให้ดีก่อนไปเที่ยวด้วยนะ เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับจุดชมน้ำวนนารุโตะ (Naruto Whirlpools)

ที่อยู่
  • Naruto, Tokushima 772-0000, Japan
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสจาก Naruto Station ไปลงที่ Naruto Kosoku Bus Stop โดยใช้เวลา 25 นาที จากนั้นให้ต่อรถ Highway Bus แล้วไปลงที่ Naruto Koen Guchi Bus Stop
  • รายละเอียดเกี่ยวกับเรือท่องเที่ยว >> Click Here!
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

6. หุบเขาโอโบเกะ (Oboke Gorge)

หุบเขาโอโบเกะ Oboke Gorge

หุบเขาโอโบเกะ (Oboke Gorge) ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าหุบเขาอิยะ (Iya Valley) เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเรื่องการล่องแก่งมาก เนื่องจากมีทัศนียภาพสวยงามตระการตา เป็นแม่น้ำสีฟ้าอมเขียวที่ตัดผ่านช่องเขาหินผา ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาล่องแก่งชมธรรมชาติกันที่หุบเขาโอโบเกะ

Oboke Gorge

ความสนุกของการล่องแก่งที่นี่คือกระแสน้ำวนของแม่น้ำโยชิโนะ ซึ่งเกิดจากลักษณะเฉพาะของช่องเขาบริเวณนี้ เราจึงกล่าวได้ว่าการล่องแก่งที่หุบเขาโอโบเกะเป็นเหมือนการผจญภัยอันแสนท้าทาย!

ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขาโอโบเกะ (Oboke Gorge)

ที่อยู่
  • Yamashirocho Shigezane, Miyoshi, Tokushima 779-5322, Japan
โทร
  • 088-384-1211
เวลาทำการ
  • 9:00 – 17:00 น.
  • เปิดทำการตลอดปี
วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Oboke Station โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

7. สะพานคาซึระบาชิ (Kazurabashi Bridge)

Kazurabashi Bridge

สะพานคาซึระบาชิ (Kazurabashi Bridge) เป็นสะพานแขวนที่ทำจากเถาวัลย์ (Kazurabashi) ซึ่งสะพานที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำของหุบเขาอิยะแห่งนี้เป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อการขนส่งสินค้าและการสัญจรของผู้คน

unknow bridge built after Gempei war

แต่เดิมที่นี่เคยมีสะพานอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 แห่ง แต่ปัจจุบันมีเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่ยังเหลือรอดให้เราเห็น และที่นี่ก็เป็นสะพานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากที่สุดด้วย เพราะนอกจากสะพานจะมีขนาดยาวถึง 45 เมตรแล้ว ใต้สะพานยังมีทิวทิศน์ของลำน้ำที่ไหลผ่านใจกลางหุบเขาอิยะด้วย เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เขาจึงบูรณะสะพานแห่งนี้ใหม่ทุกๆ 3 ปี และเสริมลวดเหล็กให้กับสะพานด้วยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับสะพานคาซึระบาชิ (Kazurabashi Bridge)

ที่อยู่
  • Miyoshi, Tokushima 778-0102, Japan
โทร
  • 088-376-0877
เวลาทำการ
  • เดือนเมษายน – วันที่ 20 กรกฎาคม และเดือนกันยายน : 7:00 – 18:30 น.
  • วันที่ 21 กรกฎาคม – เดือนสิงหาคม : 6:30 – 19:00 น.
  • เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน : 7:00 – 17:30 น.
  • เดือนธันวาคม – วันที่ 12 กุมภาพันธ์ : 8:00 – 17:00 น.
  • วันที่ 13 กุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม : 8:00 – 18:00 น.
ค่าเข้าชม
  • 550 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ JR Oboke Station ให้ขึ้นรถบัส Shikoku Kotsu Bus ที่มุ่งหน้าไปทาง Kazura Bashi หรือ Kubo แล้วลงที่ป้ายรถบัส Kazura Bashi หรือป้าย Kazurabashi Yumebutai จากนั้นเดินไปยัง Iya Kazurabashi
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

8. น้ำตกบิวะ (Biwa Waterfall)

Biwa Waterfall

น้ำตกบิวะ (Biwa Waterfall) ตั้งอยู่บริเวณตอนต้นของแม่น้ำอิยะ (Iya River) น้ำตกแห่งนี้มีความสูงถึง 50 เมตร! มวลน้ำที่ตกจากหน้าผาจะดูคล้ายเส้นด้ายสีขาวพาดผ่านมอสสีเขียวชอุ่มที่ขึ้นตามโขดหิน

ในด้านประวัติศาสตร์ น้ำตกบิวะมีความเกี่ยวข้องกับการลี้ภัยของตระกูลผู้นำในญี่ปุ่นอย่างตระกูลไทระ (Taira Clan) จากสงครามเก็มเปในช่วงศตวรรษที่ 12 ด้วยค่ะ

ทั้งนี้ ถ้าใครอยากเห็นวิวสวยๆของน้ำตกบิวะก็อาจจะต้องเหนื่อยกับการปีนเขาสักเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดี ทัศนียภาพที่ได้เห็นนั้นช่างคุ้มค่ามากๆเลย!

ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกบิวะ (Biwa Waterfall)

ที่อยู่
  • Nishiiyayamamura Kanjo, Miyoshi, Tokushima 778-0102, Japan
โทร
  • 088-387-2275
วิธีเดินทาง
  • ขึ้นรถบัส Shikoku Kotsu Bus จากสถานีรถไฟ JR Oboke Station ที่มุ่งหน้าไปทาง Kazura Bashi หรือ Kubo แล้วลงที่ป้ายรถบัส Kazura Bashi หรือป้ายรถบัส Kazurabashi Yumebutai จากนั้นเดินไปยัง Biwa no Taki
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

9. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สีคราม Aizumicho Historical Museum (Ai-no-Yakata)

Ai no Yakata

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สีคราม Aizumicho Historical Museum (Ai-no-Yakata) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของการย้อมผ้าด้วยสีครามของญี่ปุ่นและภูมิภาคชิโกกุ

ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่พักอาศัยของช่างฝีมือย้อมครามด้วยค่ะ นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการย้อมครามแบบโบราณด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของลวดลายที่เกิดจากการย้อมครามก็ดี หรือวิธีการย้อมครามก็ดี และถ้าหากว่าใครอยากได้ของฝากเก๋ๆเป็นผ้าย้อมครามฝีมือตัวเอง ก็สามารถเข้าร่วมเวิร์กชอปกับทางพิพิธภัณฑ์ได้ค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สีคราม Aizumicho Historical Museum (Ai-no-Yakata)

ที่อยู่
  • Maezunishi-172 Tokumei, Aizumi, Itano District, Tokushima 771-1212, Japan
โทร
  • 088-692-6317
เวลาทำการ
  • 9:00 – 17:00 น.
  • หยุดทุกวันอังคารและช่วงปีใหม่ (วันที่ 28 ธันวาคมถึง 1 มกราคม)
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 300 เยน
  • เด็กอายุ 12 – 17 ปี : 200 เยน
  • เด็กอายุ 6 – 11 ปี : 150 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ JR Tokushima Station ให้นั่งรถบัส Tokushima Bus (ที่มุ่งหน้าไปยัง Nijo/Kamoshima) เพื่อไปลงที่ Higashi Nakatomi Bus Stop จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

10. วัดเรียวเซ็นจิ (Ryozenji Temple)

the gate of Ryozenji Temple

วัดเรียวเซ็นจิ (Ryozenji Temple) เป็นวัดแห่งแรกของเส้นทางจาริกแสวงบุญ 88 แห่งของภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku’s 88 Pilgrimage) หรือที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โอะเฮ็นโระ (Ohenro​) วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองนารุโตะ (Naruto) ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองโทคุชิมะ (Tokushima City)

ในบรรดาวัด 88 แห่งบนเส้นทางจาริกแสวงบุญดังกล่าว วัดเรียวเซ็นจินับว่าเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับภูเขาโคยะซังมากที่สุด เนื่องจากที่ตั้งของวัดอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดโทคุชิมะ ซึ่งหันไปทางจังหวัดวาคายามะหรือที่ตั้งของภูเขาโคยะซังนั่นเอง ภูเขาโคยะซังนั้นเป็นพื้นที่ที่มีวัดจำนวนมากกระจุกรวมตัวกันอยู่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก่อตั้งโดย ‘โกโบ ไดชิ’ พระภิกษุผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธนิกายชินกอนในญี่ปุ่น และภูเขาโคยะซังก็นับว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมากของชาวพุทธในญี่ปุ่นค่ะ (อ่านเรื่องของภูเขาโคยะซังได้ที่นี่ >> โคยะซัง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธไว้มากกว่า 1,200 ปี)

ด้วยความที่วัดเรียวเซ็นจิอยู่ใกล้ภูเขาโคยะซังมากที่สุด เราจึงกล่าวได้ว่าวัดเรียวเซ็นจินั้นเป็นได้ทั้งจุดเริ่มต้นของเส้นทางจาริกแสวงบุญของภูมิภาคชิโกกุ หรือจะเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางแสวงบุญก็ได้เช่นกันในกรณีที่เริ่มการเดินทางจากอีกฝั่งหนึ่ง

inside Ryozenji Temple

วัดเรียวเซ็นจิประกอบด้วยอาคารเจดีย์ไม้ 2 ชั้น อีกทั้งยังมีสวนที่สวยงาม พร้อมด้วยน้ำตกขนาดเล็กและบ่อปลาคาร์ปขนาดใหญ่ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็นับว่าเป็นจุดชมซากุระที่น่าไปยลอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคชิโกกุด้วยค่ะ

เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใน ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ที่ควรค่าแก่การไปเยือนมากจริงๆค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับวัดเรียวเซ็นจิ (Ryozenji Temple)

ที่อยู่
  • Tsukahana-126 Oasacho Bando, Naruto, Tokushima 779-0230, Japan
โทร
  • 088-689-1111
เวลาทำการ
  • 8:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Bando Station แล้วเดินไปที่วัด โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโทคุชิมะ

อย่างที่ทราบกันดีว่า จังหวัดโทคุชิมะ นั้นมีชื่อเสียงเรื่องอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นวัตถุดิบที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ มิหนำซ้ำ พื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกของจังหวัดยังหันหน้าออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย ด้วยเหตุผลนี้ ผลผลิตจากการประมงของโทคุชิมะจึงอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เราจึงไม่แปลกใจเลยที่อาหารท้องถิ่นของจังหวัดโทคุชิมะจะมีรสชาติอร่อยล้ำ!

ว่าแต่ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ จะมีอะไรน่ากินบ้างนะ? ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ!

1. โทคุชิมะราเมน (Tokushima Ramen)

Tokushima ramen

โทคุชิมะราเมน (Tokushima Ramen) เป็นราเมนที่มีสไตล์การกินเป็นเอกลักษณ์มากเลยค่ะ เพราะเขาจะแบ่งชนิดของราเมนออกตามสีของน้ำซุป ดังนี้

  • ราเมนสีน้ำตาล คือ ราเมนที่ราดด้วยน้ำซุปทงคตสึซึ่งผสมกับโชยุ และมีท็อปปิ้งเป็นไข่แดงดิบ
  • ราเมนสีเหลือง คือ ราเมนที่ราดด้วยน้ำซุปกระดูกไก่ที่ผสมกับโชยุ ทั้งนี้น้ำซุปอาจทำมาจากผักก็ได้
  • ราเมนสีขาว คือ ราเมนที่ราดด้วยน้ำซุปทงคตสึที่ผสมกับซีอิ๊วขาวเท่านั้น

ทั้งนี้ หน้าตาท็อปปิ้งของราเมนทั้งสามสไตล์ก็จะมีความละม้ายคล้ายกัน แต่ส่วนที่แตกต่างกันจริงๆคือรสเข้มหรืออ่อนของน้ำซุปค่ะ

Back To Index

2. ไก่อาวะโอโดริ (Awaodori Chicken)

Awaodori chicken

ไก่อาวะโอโดริ (Awaodori Chicken) เป็นเมนูไก่ย่างในแบบฉบับโทคุชิมะ โดยความพิเศษจะอยู่ที่เนื้อไก่ เพราะเป็นเนื้อไก่ที่มีไขมันต่ำและมีรสชาติหวาน

คำว่า อาวะโอโดริ นั้นมีที่มาจากเทศกาลเต้นรำอาวะโอโดริ (Awa Odori Dance Festival) เทศกาลที่มีชื่อเสียงอย่างมากของจังหวัดโทคุชิมะซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงหน้าร้อน ชาวโทคุชิมะมองว่าการเคลื่อนไหวของไก่นั้นเหมือนกับท่วงท่าของนักเต้นที่ทรงพลังและมีอิสระ จึงนำมาตั้งเป็นชื่อของเมนูนี้นั่นเอง

Back To Index

3. กุ้งอิเสะ (Ise Ebi)

Ise ebi

กุ้งอิเสะ (Ise Ebi) หรือ กุ้งมังกรญี่ปุ่น (Japanese Spiny Lobster) หนึ่งในอาหารจานเด็ดประจำจังหวัดโทคุชิมะ ว่ากันว่ากุ้งอิเสะของที่นี่มีเนื้อแน่นและรสหวาน เหมาะแก่การรับประทานแบบซาชิมิเป็นที่สุด โดยคุณภาพของกุ้งที่ดีนั้นมาจากกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอะ (Kuroshio Current Flow) ที่พัดพาเอาวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากทะเลมาสู่สถานที่แห่งนี้

สำหรับฤดูกาลที่กุ้งอิเสะจะมีรสชาติอร่อยที่สุดนั้นอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมค่ะ

Back To Index

4. เนื้ออาวะ (Awa Beef)

Awa beef

เนื้ออาวะ (Awa Beef) เป็นพรีเมียมวากิวประจำ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ที่มีเฉพาะเกรด A4 – A5 เท่านั้น!! เรียกได้ว่าพรีเมียมกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ เพราะนอกจากเนื้ออาวะจะเป็นเนื้อวัวดำแล้ว มันก็ยังมีรสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น หวานกลมกล่อม และมีชั้นไขมันแทรก (marbled fat) ที่พร้อมจะละลายในปากทันทีที่ทาน!

Back To Index

5. นารุโตะคินโทคิ (Naruto Kintoki)

Naruto kintoki

นารุโตะคินโทคิ (Naruto Kintoki) หรือ มันหวานสีทอง เป็นมันหวานอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ชื่อของมันหวานพันธุ์นี้ตั้งตามชื่อเมืองนารุโตะ (Naruto) อันเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญของมันชนิดนี้ ส่วนอีกหนึ่งที่มาคือวีรบุรุษในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นอย่าง Kintaro The Golden Boy

เนื่องจากเมนูอาหารที่ทำจากมันหวานได้รับความนิยมในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เราจึงสามารถทานมันหวานได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นมันย่าง มันทอด มันต้ม มันนึ่ง รวมถึงพุดดิ้งมันหวานและไอศกรีมมันหวาน ทั้งหมดล้วนเป็นเมนูที่น่าลิ้มลองสุดๆเลยค่ะ

หากใครได้มาโทคุชิมะ ก็อย่าลืมลองทานมันหวานนารุโตะคินโทคิกันนะคะ

Back To Index

เว็บไซต์ทางการของจังหวัดโทคุชิมะ

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดโทคุชิมะ

รถไฟท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ประทับใจที่สุดในชีวิต JR Shikoku Mannaka Sennen Monogatari (คลิกที่รูปด้านล่างได้เลย! 👇)

Kakashi no Sato เมืองหุ่นไล่กา จังหวัด Tokushima (คลิกที่รูปด้านล่างได้เลย! 👇)

ไป Tokushima พักที่ไหนดี !? แนะนำที่พักสุดเริ่ดใน Tokushima (คลิกที่รูปด้านล่างได้เลย! 👇)

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top