fbpx

รวมที่เที่ยว ‘ภูมิภาคคิวชู’ สรวงสวรรค์ทะเลใต้แห่งแดนอาทิตย์อุทัย

มิ.ย. 22, 2023

บทนำ : ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)

ภูมิภาคคิวชู Kyushu Region

ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) เป็นภูมิภาคทางใต้ของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟที่มีพลัง (Active Volcanoes) บ่อออนเซ็นที่มีชื่อเสียง หรือผืนดินคุณภาพที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ ซึ่งเหมาะแก่การทำเกษตรกรรมเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ภูมิภาคคิวชูจะมีวัตถุดิบและของกินแสนอร่อยมากมาย เช่น ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว อาหารทะเล และหมูดำคุโรบุตะ

และถ้าหากกล่าวถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 17 – 19 ก็จะเห็นได้ว่า ภูมิภาคคิวชูคือกุญแจสำคัญที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศอื่นๆทั่วโลก

ในแง่ของการเดินทางนั้น เราจะเห็นว่าภูมิภาคคิวชูอยู่ใกล้กับประเทศเกาหลีมากกว่าโตเกียวเสียอีก อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเราจะอยู่ที่เมืองไหนของญี่ปุ่นก็ล้วนแล้วแต่เดินทางมายังคิวชูได้สะดวกสบายค่ะ ที่มากกว่าสิ่งอื่นใดคือรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นและความเป็นมิตรของชาวคิวชูอันเป็นดั่งมนตร์เสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนที่นี่สักครั้ง!

ด้วยเสน่ห์ความ Unseen ที่ไม่เหมือนใครของ “ภูมิภาคคิวชู” ซึ่งควรค่าแก่การมาทำความรู้จักให้มากยิ่งขึ้น วันนี้ fromJapan.th จึงมาแนะนำที่เที่ยวในดินแดนทางใต้แห่งนี้ให้ทุกคนกันอย่างจัดเต็มค่ะ หากอยากลองสัมผัสกับความเป็นคิวชูแล้วล่ะก็ เดินทางลงใต้มาเที่ยวกับพวกเราได้เลย!

สารบัญ (Index) : ภูมิภาคคิวชู

  1. จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka Prefecture)
  2. จังหวัดซากะ (Saga Prefecture)
  3. จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki Prefecture)
  4. จังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture)
  5. จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki Prefecture)
  6. จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture)
  7. จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima Prefecture)

1. จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka Prefecture)

Momochi Seaside Park
Credit : Sanga-Park / Shutterstock

จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka Prefecture) เป็นจังหวัดที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกันไม่น้อย เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของ ‘เมืองฟุกุโอกะ’ เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู รวมถึงสนามบินฟุกุโอกะที่มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชู ภายในตัวเมืองฟุกุโอกะเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไม่น้อย แถมยังมีแหล่งช้อปปิ้งและของกินอร่อยๆอีกมากมาย ดังนั้นการมาเที่ยวเมืองฟุกุโอกะจึงน่าจะตอบโจทย์สายชอบเที่ยวแบบชิลล์ๆที่ต้องการรีแล็กซ์ร่างกายจากการทำงาน

นอกจากนี้ ในโซนอื่นๆยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเชิงประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และจุดถ่ายรูปสวยๆแนวเรโทรอีกเพียบ เรียกได้ว่ามาจังหวัดเดียวก็เที่ยวได้ครบทุกแบบเลย~

ซากปราสาทฟุกุโอกะ

สำหรับการเดินทางไปฟุกุโอกะนั้น ถ้าเริ่มจากที่ไทยให้บินไปลงที่สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) ซึ่งเมื่อเทียบกับสนามบินอื่นๆแล้ว สนามบินฟุกุโอกะเป็นสนามบินที่ต่อรถเข้าเมืองได้เร็วมว้าก! เพียงขึ้นรถไฟใต้ดินไปแค่ 5 นาทีเท่านั้นค่ะ

สวนโอโฮริ

สำหรับการเดินทางภายในจังหวัดในฟุกุโอกะนั้น ถ้าอยู่แค่ภายในตัวเมืองฟุกุโอกะ เพียงใช้ตั๋ว 1-Day Subway Pass ที่มีราคา 640 เยนก็น่าจะตอบโจทย์แล้วค่ะ แต่ถ้าอยากไปเมืองอื่นๆด้วย เช่น ดาไซฟุ เราขอแนะนำให้ลองใช้ Fukuoka Tourist City Pass แบบราคา 1,820 เยนค่ะ

เมืองโคคุระ
Credit : Dpongvit / Shutterstock

สำหรับของกินแสนอร่อยประจำจังหวัดฟุกุโอกะ ยังไงก็ต้องมีชื่อของ ฮากาตะราเมน กับ ไข่ปลาเมนไทโกะ อยู่อย่างแน่นอน อาหารสองอย่างนี้ที่ฟุกุโอกะเด็ดสุดในโลกหล้าแล้วค่ะ!

ฮากาตะราเมน

“ฮากาตะราเมน” (Hakata Ramen) คือราเมนซุปกระดูกหมูสไตล์ฮากาตะ ด้วยซุปสีขาวหอมมันที่ใช้เวลาเคี่ยวนานข้ามวัน เส้นเล็กที่ซดคล่องคอ บวกกับหมูชาชูนุ่มๆแทบจะละลายบนลิ้น ฮากาตะราเมนจึงเป็นความลงตัวที่สุโค่ยมาก

เมนไทโกะ

“เมนไทโกะ” (Mentaiko) คือไข่ของปลาคอด หรือในภาษาญี่ปุ่นคือปลาทาระ (Tara) เมนไทโกะมีลักษณะเป็นเม็ดไข่ปลาเล็กๆสีส้มอัดติดกันเป็นก้อน ไข่ปลาชนิดนี้มักจะถูกนำไปหมักกับพริกเพื่อปรุงรสเผ็ด เรียกว่า Karashi Mentaiko โดยนิยมทานกับข้าวสวยร้อนๆค่ะ

Back To Index

2. จังหวัดซากะ (Saga Prefecture)

อาริตะยากิ

จังหวัดซากะ (Saga Prefecture) เป็นจังหวัดเล็กๆที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) นอกจากซากะจะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามแล้ว จังหวัดนี้ยังโด่งดังเรื่องการทำเครื่องปั้นดินเผาที่เรียกกันว่า ‘อาริตะ’ (Arita) อีกด้วย

ปราสาทคาระสึ

ถ้ำนานาสึกามะ

ยิ่งไปกว่านั้น จังหวัดซากะก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าค้นหา จะเป็นปราสาทและศาลเจ้าที่สวยงามก็ดี หรือจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างถ้ำต่างๆก็ดี

เนื้อซากะ

สถานที่ตั้งของจังหวัดซากะนั้นอยู่ทางตอนเหนือของเกาะคิวชู ซึ่งนอกจากจะมีพื้นที่ติดกับจังหวัดฟุกุโอกะในทิศตะวันออกและติดกับจังหวัดนางาซากิในทิศใต้แล้ว ซากะก็ยังมีความน่าสนใจในแง่ของอาหารการกินด้วย โดยเฉพาะ เนื้อซากะ (Saga Beef) วัตถุดิบเลื่องชื่อที่เราจะต้องลองทานกันให้ได้สักครั้ง!

หมึกโยบุโกะ

อีกหนึ่งเมนูเด็ดของซากะก็ต้อง หมึกโยบุโกะ (Yobuko Squid) เลยค่ะ หมึกโยบุโกะเป็นหมึกที่สามารถจับได้เฉพาะในทะเลเก็นไค (Sea of Genkai) ซึ่งอยู่ตรงบริเวณใกล้ชายฝั่งโยบุโกะเท่านั้น โดยหมึกโยบุโกะนั้นขึ้นชื่อเรื่องของความหวานฉ่ำและกรุบกรอบค่ะ

Back To Index

3. จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki Prefecture)

เมืองฮิราโดะ

จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki Prefecture) เป็นจังหวัดเล็กๆที่ได้ชื่อว่าเป็น “หน้าต่างสู่ประเทศญี่ปุ่น” เพราะในช่วงศตวรรษที่ 17 – 19 ญี่ปุ่นได้ปิดประเทศและงดการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ดังนั้นจังหวัดนางาซากิจึงเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่เปิดการค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับต่างประเทศอย่างเนเธอร์แลนด์ จีน ฯลฯ

เฮาส์เทนบอช

สะพานเมกาเนะบาชิ

สวนโกลเวอร์

นอกจากนี้สิ่งก่อสร้าง อาคารบ้านเรือน รวมถึงผังเมืองของที่นี่ก็มีรูปแบบแตกต่างไปจากที่อื่นๆในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ดังนั้นในปัจจุบันเราจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คล้ายกันกับต่างประเทศ ซึ่งหาไม่ได้จากที่ไหนในการเที่ยวญี่ปุ่นนอกจากที่นางาซากิ

สวนสันติภาพนางาซากิ

ต่อมาในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม นางาซากิมีสถานที่ที่เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมซึ่งในเวลาต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย นั่นก็คือเกาะฮาชิมะ (เกาะเรือรบ) และเนื่องจากเมืองนางาซากิเคยถูกทำลายด้วยระเบิดปรมาณูจากฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นเดียวกับฮิโรชิม่า ปัจจุบันที่นี่จึงกลายมาเป็นเมืองแห่งสันติภาพอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

คาบสมุทรชิมาบาระ

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงเรื่องของกินแสนอร่อยประจำจังหวัดนางาซากิ ยังไงก็ต้อง นางาซากิจัมปง กับ ซาเซโบะเบอร์เกอร์ นี่แหละ!

นางาซากิจัมปง

เมนูหน้าตาเหมือนอาหารจีนที่ทุกคนเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ นางาซากิจัมปง (Nagasaki Champon) ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารและพลังงาน นอกจากเส้นแล้วจัมปงที่นางาซากิก็ยังครบเครื่องไปด้วยผักอย่างถั่วงอก เห็ดหูหนู กะหล่ำปลี รวมถึงอาหารทะเล เนื้อหมูหรือไก่ พร้อมด้วยน้ำซุปที่เคี่ยวจากกระดูกหมูหรือไก่ จนออกมาเป็นสีขาวขุ่นไปจนถึงครีม ทั้งหมดนี้จะผสมรวมกันกลายเป็นจัมปงแสนอร่อยให้เราได้ลิ้มลอง

รสชาติของจัมปงก็จะออกมันๆเค็มๆ ซึ่งเป็นรสชาติที่มาจากซุปกระดูก นอกจากนี้ยังมีรสหวานของกะหล่ำปลีและรสชาติจากอาหารทะเลในชามที่ผสมกันอย่างลงตัว ทั้งเส้นทั้งเครื่องก็ให้มาจนล้นชาม รับรองได้ว่าเมื่อกินจนหมด นอกจากจะอิ่มแล้วเรายังได้พลังงานอย่างเต็มที่

ซาเซโบะเบอร์เกอร์

อีกหนึ่งเมนูที่เราอยากให้ทุกคนลองทานเมื่อมาเที่ยวที่นางาซากิก็คือ ซาเซโบะเบอร์เกอร์ (Sasebo Burger) ซึ่งเป็นเมนูที่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานมากนัก โดยตอนนั้นกองทัพเรือสหรัฐฯได้ยกพลขึ้นบกมาตั้งฐานทัพที่เมืองท่าแห่งนี้แทนที่กองทัพเรือของญี่ปุ่น และทหารเรือแยงกี้กลุ่มนี้นี่เองที่หยิบเอาวัฒนธรรมการกินเบอร์เกอร์มาสู่นางาซากิ!

หลังจากที่คนญี่ปุ่นได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกับเบอร์เกอร์ของคนอเมริกัน พวกเขาจึงเริ่มประยุกต์การทำเบอร์เกอร์ให้กลมกลืนและลงตัวกับความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น ทั้งในแง่ของรสชาติและวิธีการทำ จนในที่สุดก็ออกมาเป็นซาเซโบะเบอร์เกอร์ ว่ากันว่านี่เป็นเบอร์เกอร์ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะ

Back To Index

4. จังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture)

เบปปุออนเซ็น

จังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคคิวชู โดยมีพื้นที่ติดกับจังหวัดฟุกุโอกะ จังหวัดคุมาโมโตะ และจังหวัดมิยาซากิ

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนี้ก็คงหนีไม่พ้นออนเซ็น เพราะที่นี่มีเมืองออนเซ็นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในญี่ปุ่นถึง 2 เมืองด้วยกัน คือเมืองเบปปุและเมืองยูฟุอิน จนโออิตะได้รับฉายาว่า ‘จังหวัดออนเซ็น’ (Onsen Prefecture) ด้วยล่ะ

หมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล วิลเลจ

นอกจากเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงแล้วนั้น จังหวัดโออิตะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งอีกมากมายซุกซ่อนอยู่ ราวกับเพชรงามที่ยังไม่ได้รับการเจียระไนด้วยสายตา ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามหลายแห่ง ไปจนถึงสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่ทรงคุณค่า จึงกล่าวได้ว่าจังหวัดแห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง!

พระพุทธรูปหินสลักอุสึกิ

ทะเลสาบคินริน

โทริเท็น

แต่นอกจากที่เที่ยวแล้วนั้น อาหารท้องถิ่นของโออิตะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะ โทริเท็น (Toriten) หรือเทมปุระไก่เนี่ยถือเป็นของเด็ดเลยนะ

จิโกกุมูชิ

อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจก็คือ จิโกกุมูชิ (Jigoku Mushi) เมนูอาหารท้องถิ่นที่สามารถรับประทานได้ที่ย่านคันนาวะเท่านั้น เพราะการทำจิโกกุมูชินั้นต้องอาศัยไอร้อนจากออนเซ็นเบปปุในการทำอาหาร

Back To Index

5. จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki Prefecture)

Nichinan Kaigan Quasi-National Park

จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki Prefecture) ได้รับฉายาว่า ดินแดนแห่งแสงตะวัน (Hyoga no Kuni) เนื่องด้วยตำแหน่งที่ตั้งของจังหวัดที่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ยามเช้า

Takachiho Gorge

และที่ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลายตำนานที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดมิยาซากิกับ จักรพรรดิจิมมุ (Jinmu Tennou) ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นด้วย โดยคำว่า ‘มิยะ’ (Miya) ในชื่อจังหวัด Miyazaki นั้นหมายถึงตำหนักของจักรพรรดิ (Tennou’s Palace) ที่ว่ากันว่าเคยตั้งอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในเขตจังหวัดมิยาซากิ

ศาลเจ้าอุโดะจินกู

อย่างที่ทราบกันดีว่า “มิยาซากิ” เป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคคิวชู โดยพื้นที่ทางทิศเหนือติดกับจังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture) ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture) ทิศใต้ติดกับจังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima Prefecture) และทิศตะวันออกเป็นแนวชายฝั่งที่สวยงามซึ่งหันหน้าเข้าหามหาสมุทรแปซิฟิก โดยแนวชายฝั่งบริเวณนี้มีชื่อเรียกว่า ฮิวงะนาดะ (Hyuga Nada) ที่มีความยาวถึง 400 กิโลเมตรเมื่อวัดระยะทางตามแนวดิ่ง (จากทิศเหนือลงมายังทิศใต้)

ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ประมาณ 76% ของจังหวัดก็เป็นพื้นที่ภูเขาและป่าไม้ เราจึงมั่นใจได้เลยว่ามิยาซากิจะต้องเต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่แสนงดงาม

สะพานยาโยอิ

ส่วนภูมิอากาศของจังหวัดมิยากินั้นมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 17.4 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นสภาพอากาศที่ใจดีกับเหล่าสิ่งมีชีวิตอย่างพืชและสัตว์มาก อากาศที่มิยาซากินั้นอบอุ่น จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การเดินเล่นมากทีเดียว นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยวันที่มีแดดถึง 53 วันต่อปี เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งแสงตะวันสมชื่อเลยจริงๆ

มะม่วงมิยาซากิ

เนื่องจากอากาศที่จังหวัดมิยาซากินั้นค่อนข้างอบอุ่นกว่าทุกพื้นที่ในญี่ปุ่น ผลไม้เขตร้อนของมิยาซากิจึงมีรสชาติที่ดีเยี่ยม! โดยเฉพาะมะม่วงสุกที่มีรสหวานและฉ่ำน้ำ นอกจากนี้ก็ยังมี Street Food รสเลิศที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปด้วย เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยของกินแสนอร่อยอย่างแท้จริง!

ไก่ทอดนัมบัง

อีกหนึ่งเมนูที่เราอยากให้ทุกคนไปลองกันก็คือ ไก่ทอดนัมบัง (Chicken Nanban) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของเมนูยอดฮิตประจำร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย! เราเชื่อว่าเมนูนี้จะต้องเป็นจานโปรดของใครหลายคนแน่นอน~ แต่รู้หมือไร่ (หรือไม่!) ว่าไก่ทอดนัมบังสูตรต้นตำรับแท้ๆอยู่ที่จังหวัดมิยาซากินี่แหละค่ะท่านผู้โช้ม!

Back To Index

6. จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture)

สวนซุยเซนจิ

จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ ณ ตอนกลางของภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) อีกทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางอันเป็นที่รักยิ่งของผู้ที่หลงใหลในความงามของธรรมชาติ รวมถึงผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความเร่งรีบอันแสนวุ่นวายของเมืองใหญ่

ปราสาทคุมาโมโตะ

แต่นอกจากแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามตระการตาอย่างภูเขาอาโสะแล้ว จังหวัดคุมาโมโตะก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าอย่าง ปราสาทคุมาโมโตะ อีกด้วย

ศาลเจ้าอาโสะ

แม้ว่าคุมาโมโตะจะเป็นจังหวัดที่ถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากความนิยมของนักท่องเที่ยวไปกระจุกรวมกันอยู่ที่จังหวัดใกล้เคียงเสียมากกว่า แต่เพื่อนๆเชื่อหรือเปล่าคะว่าจังหวัดนี้มีจุดท่องเที่ยวมากมายที่น่าไปและสวยงามไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าก็ดี หรือออนเซ็นก็ดี

คุโรคาวะออนเซ็น

Nopawut Kanjanapinyowong / Shutterstock

และที่พิเศษไปกว่านั้น เรามั่นใจมากๆว่าทุกคนที่หลงรักความเป็นญี่ปุ่นจะต้องรู้จัก คุมะมง (Kumamon) เจ้าหมีดำแสนน่ารักที่เป็นมาสคอตประจำจังหวัดคุมาโมโตะอย่างแน่นอน!

บาซาชิ

แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ บาซาชิ (Basashi) หรือซาชิมิเนื้อม้าเนี่ย ถือเป็นของแปลกที่เด็ดดวงมากเลยทีเดียว

คุมาโมโตะราเมน

อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ที่จะต้องลองมาทานกันให้ได้ก็คือ คุมาโมโตะราเมน (Kumamoto Ramen) ทงคัตสึราเมนซึ่งประกอบด้วยน้ำซุปที่ได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูกับน้ำสต๊อกไก่เข้มข้น แล้วเสิร์ฟลงในถ้วยที่มีราเมนเส้นกลมขนาดกลาง พร้อมทั้งตกแต่งด้วยท็อปปิ้งอย่างหมูชาชู ไข่ลวก กระเทียมย่าง และน้ำมันกระเทียม

Back To Index

7. จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima Prefecture)

หาดยูริกะฮามะ

จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima Prefecture) เป็นชื่อจังหวัดที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยสักเท่าไหร่เลยใช่ไหมล่ะ? ถ้าลองเปรียบเทียบญี่ปุ่นกับไทย คาโกชิม่าก็คงเหมือนปัตตานีตรงที่เป็นจังหวัดเกือบใต้สุดของประเทศเหมือนกัน

ทะเลสาบอิมุตะ

และอย่างที่ทุกคนทราบกันดี (หรือไม่ดีนะ 555) ว่าญี่ปุ่นมีเกาะหลักอยู่ทั้งหมด 4 เกาะ คือฮอกไกโด ฮอนชู ชิโกกุ และคิวชู คงจะเดากันได้ไม่ยากเลยว่าคาโกชิม่านั้นตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะคิวชูนั่นเอง ทั้งนี้บริเวณพื้นที่ตอนใต้ของจังหวัดคาโกชิม่าก็เป็นคาบสมุทรที่แบ่งออกเป็น 2 บริเวณ คือคาบสมุทรซัตสึมะ (Satsuma Peninsula) ที่อยู่ฝั่งตะวันตก และคาบสมุทรโอสึมิ (Osumi Peninsula) ที่อยู่ฝั่งตะวันออก โดยมีอ่าวคาโกชิม่า (Kagoshima Bay) คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างคาบสมุทรทั้งสองแห่ง

โทคุโนะชิมะ

นอกจากนี้พื้นที่อีกส่วนของคาโกชิม่ายังเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีระยะห่างจากกันประมาณ 100 กิโลเมตรอีกด้วย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เชื่อมต่อไปจนถึงโอกินาว่าเลยทีเดียว

เกาะซากุระจิมะ

ถ้าพูดถึงไฮไลต์ของจังหวัดคาโกชิม่าก็ต้องเป็นบริเวณพื้นที่ภูเขาไฟนี่ล่ะ เป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆไปเลยล่ะค่ะทุกคน! เพราะที่นี่มีทั้งภูเขาไฟที่มีพลังและภูเขาไฟที่สงบไปแล้ว ทั้งนี้เจ้าภูเขาไฟที่มีพลังก็เคยปะทุครั้งใหญ่มาแล้วถึง 2 ครั้ง คือในปี 1914 และปี 1960

การปะทุครั้งแรกนั้นทำให้ลักษณะภูมิประเทศของเกาะซากุระจิมะ (Sakurajima Island) เปลี่ยนไปนิดหน่อย กล่าวคือ มันทำให้ผืนดินส่วนหนึ่งของเกาะซากุระจิมะขยับไปเชื่อมติดกับแผ่นดินหลักฝั่งคาบสมุทรโอสึมิ อีกทั้งยังสร้างแนวหินพัมมิซ (Pumice Stone) รูปร่างแปลกตาที่กระจัดกระจายอยู่ตามแนวชายฝั่งจนถึงปัจจุบัน

หัวไชเท้าซากุระจิมะ

ยิ่งไปกว่านั้น คุณสมบัติเฉพาะของดินภูเขาไฟก็รังสรรค์พื้นที่เกษตรกรรมอันแสนวิเศษให้กับชาวคาโกชิม่าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นธัญพืช ยาสูบ มันเทศหวาน หรือหัวไชเท้ายักษ์ที่มีขนาดเท่ากับลูกบาสเบอร์ 7 อย่างหัวไชเท้าซากุระจิมะ พืชผลทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตที่เกิดจากความพิเศษของดินภูเขาไฟทั้งสิ้น

ภูเขาทาคาชิโฮ โนะ มิเนะ

นอกจากนี้ ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ (Crater Lake) ที่ตั้งอยู่ ณ บริเวณสุดขอบทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอิบุสึกิ (Ibusuki) ก็ทำให้ชื่อเสียงของออนเซ็นทรายร้อนที่นี่ดังกระฉ่อนไปทั่วหล้า!

สำหรับสินค้าที่เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของคาโกชิม่าก็คือ อาหาร งานไม้ และงานหัตถกรรม

เกร็ดความรู้อีกอย่างหนึ่งที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังก็คือ บางพื้นที่ของคาโกชิม่ามีขนบธรรมเนียมที่ว่าห้ามซักเสื้อผ้าของผู้ชายกับผู้หญิงรวมกันเด็ดขาด! ธรรมเนียมดังกล่าวมีมาตั้งแต่ยุคศักดินาของญี่ปุ่น และปัจจุบันก็ยังคงปรากฏให้เราเห็นในบางหมู่บ้าน

เกาะยากุชิมะ

นอกจากนี้คาโกชิม่าก็ยังมีชื่อเล่นเก๋ๆว่า เนเปิลส์แห่งบูรพา (Naples of Orient) อีกด้วย เพราะจังหวัดนี้เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญ อีกทั้งยังสวยงามไม่แพ้เมืองเนเปิลส์ในประเทศอิตาลีเลย

น้ำตกโองาวะ

หากใครถามว่าของดีจังหวัดคาโกชิม่าคืออะไร เราก็ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของคาโกชิม่านี่แหละเด็ดสุด ไม่ว่าจะเป็นป่าซีดาร์บนเกาะยากุชิมะ (Yakushima Island) ภูเขาไฟที่ปะทุอยู่บนเกาะซากุระจิมะ (Sakurajima) หรือน้ำตกแสนสวยสีเขียวมรกตอย่างน้ำตกโองาวะ (Ogawa Waterfall)

ศาลเจ้าคิริชิมะ

อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างหมู่บ้านซามูไรจิรันด้วย (Chiran Samurai Distinct) และถ้าใครเป็นสายมูเตลู ก็ไม่ควรพลาดการไปสักการะศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Shrine) เด็ดขาดเลย! เพราะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยนะ ได้ยินแค่นี้ก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะความขลังแล้วใช่ไหมล่ะ 555

หม้อไฟคุโรบุตะ

‘หม้อไฟคุโรบุตะ’ หรือ ‘คุโรคุมะนาเบะ’ เป็นเมนูหม้อไฟของคาโกชิม่าที่เสิร์ฟมาใน ‘คุมะโซะนาเบะ’ หรือหม้อเหล็กสีดำขนาดใหญ่ที่ใช้ต้มทำนาเบะ ส่วนผสมหลักของนาเบะแบบคาโกชิม่าก็คือ เนื้อหมูดำคาโกชิม่า ซึ่งเป็นเนื้อหมูที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

ส่วนรสชาติของเจ้าเนื้อหมูดำคาโกชิม่านั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะทันทีที่เราคีบเข้าปากก็จะได้รับรู้ถึงรสสัมผัสอันแสนกลมกล่อม บวกกับรสหวานนิดๆจากมันที่ติดมาด้วย เป็นอะไรที่ฟินเฟ่อร์~

ขนมจัมโบ้โมจิ

อีกหนึ่งของเด็ดขึ้นชื่อที่เราอยากให้ทุกคนไปลองกันก็คือ ขนมจัมโบ้โมจิที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวย่างก้อนกลมนุ่มหนึบ เสียบด้วยไม้ไผ่ 2 แท่ง ก่อนจะทานก็ราดด้วยซอสโชยุผสมน้ำตาลหวานๆสักหน่อย บอกได้เลยว่าอร่อยแรง!

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top