รวมที่เที่ยว ‘ภูมิภาคชิโกกุ’ อ้อมกอดของทะเลเซโตะที่น่าหลงใหล
ก.ย. 11, 2023
บทนำ : ภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region)
หากกล่าวถึงภูมิภาคต่างๆในประเทศญี่ปุ่นนั้น ภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region) ถือเป็นโซนที่มีความน่าสนใจในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากเลยทีเดียวค่ะ โดยรวมแล้วภูมิภาคชิโกกุหมายถึงจังหวัดทั้งสี่ที่ตั้งอยู่บน เกาะชิโกกุ เกาะหลักที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดา 4 เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น (ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะฮอกไกโด, เกาะฮอนชู, เกาะคิวชู, และเกาะชิโกกุ) โดยเกาะชิโกกุนั้นถูกโอบล้อมด้วยทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) แสนสวย
เกาะชิโกกุกับเกาะฮอนชูนั้นเชื่อมต่อกันด้วยสะพานหลายแห่ง เช่น สะพานโอนารูโตะ (Onaruto Bridge) สะพานเซโตะโอฮาชิ (Seto Great Bridge) สะพานชิมานามิไคโด (Shimanami Kaido) สะพานคุรุชิมะไคเคียว (Kurushima Strait Bridge) เป็นต้น
ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาคชิโกกุที่เต็มไปด้วยหุบเขา ภูเขา และเทือกเขา ผู้คนท้องถิ่นจึงมักจะปลูกบ้านเรือนและอาศัยอยู่ตามพื้นที่แนวชายฝั่ง
สำหรับผลผลิตทางเกษตรที่สำคัญของภูมิภาคชิโกกุนั้นก็คือ ข้าวญี่ปุ่น ข้าวบาเลย์ ข้าวสาลี และส้มแมนดารินญี่ปุ่น (Mikan) นอกจากนี้ยังมีการทำนาเกลือด้วยค่ะ ส่วนผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ ปิโตรเคมีภัณฑ์ โลหะประเภทต่างๆที่ไม่ใช่เหล็ก (nonferrous metals) สิ่งทอ กระดาษ และเยื่อไม้
ภูมิภาคชิโกกุนั้นประกอบไปด้วย 4 จังหวัด คือ จังหวัดโคจิ (Kochi) จังหวัดคากาวะ (Kagawa) จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) และจังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima) ซึ่งต้องบอกเลยว่าแต่ละจังหวัดล้วนมีความเด็ดดวงในแบบของตัวเองค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าของดีของแต่ละจังหวัดในภูมิภาคชิโกกุมีอะไรบ้างก็ตามเรามาได้เลย~!
- ที่มา : britannica
สารบัญ (Index) : ภูมิภาคชิโกกุ
- 1. จังหวัดคากาวะ (Kagawa Prefecture)
- 2. จังหวัดโคจิ (Kochi Prefecture)
- 3. จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime Prefecture)
- 4. จังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima Prefecture)
1. จังหวัดคากาวะ (Kanagawa Prefecture)
จังหวัดคากาวะ (Kagawa Prefecture) เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region) โดยจังหวัดคากาวะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ทิศตะวันตกของจังหวัดมีอาณาเขตติดกับจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime Prefecture) ส่วนทางทิศใต้อยู่ติดกับจังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima Prefecture) ส่วนบริเวณชายฝั่งทางทิศเหนือจะติดกับทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) และหันหน้าออกสู่พื้นที่ฝั่งตรงข้ามอย่างจังหวัดโอคายามะ (Okayama Prefecture) รวมถึงจังหวัดต่างๆในภูมิภาคคันไซ (Kansai Region) นอกจากนี้ยังมีภูเขาซานุกิ (Mt. Sanuki) ที่ทอดตัวผ่านทางทิศใต้ของจังหวัดด้วย
แม้ว่า ‘จังหวัดคากาวะ’ จะเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น แต่เสน่ห์ของที่นี่กลับไม่เล็กเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปโดนก็มีหลายแห่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสวนริทสึริน (Ritsurin Garden) หรือแองเจิลโรด (Angel Road) ก็ล้วนแล้วแต่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างปราสาทมารุกาเมะ (Marugame Castle) หรือเมืองโบราณบนเกาะฮอนจิมะ (Honjima Island) ด้วย
และถ้าใครเป็นสายมูเตลูก็ต้องไม่พลาดการไปสักการะขอพรที่ ศาลเจ้าคอมปิระ (Kompira Shrine) ด้วยนะคะ
เมนูเลื่องชื่อของคากาวะที่ควรค่าแก่การไปโดนให้ได้ก็คือ ซานุกิอุด้ง (Sanuki Udon) เส้นอุด้งที่ใช้ทำเมนูนี้เป็นเส้นอุด้งแฮนด์เมดท้องถิ่นของเขาที่อร่อยอย่างมีเอกลักษณ์
เนื่องด้วยจังหวัดคากาวะมีพื้นที่ติดทะเลในเซโตะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณภาพและรสชาติของอาหารทะเลที่นี่ดีเลิศมาก แถมยังมีสตรีทฟู้ดหน้าตาน่าอร่อยอย่าง โฮเนทสึกิโดริ (Honetsuki Dori) อีกด้วย
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดคากาวะได้ที่นี่ : 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดคากาวะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
2. จังหวัดโคจิ (Kochi Prefecture)
จังหวัดโคจิ (Kochi Prefecture) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region) โดยมีอาณาเขตขยายออกไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งลักษณะของแผ่นดินนั้นเว้าเป็นวงกว้าง จึงคล้ายกับว่าจังหวัดแห่งนี้กำลังโอบล้อมผืนน้ำของมหาสมุทรแปซิฟิกที่แสนยิ่งใหญ่เอาไว้
นอกจากนี้ จังหวัดโคจิยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย เนื่องจาก 84% ของพื้นที่ราบสูงและภูเขานั้นปกคลุมไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ แถมในส่วนพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็มีสายธารที่ใสสะอาดอย่างแม่น้ำชิมังโตะ (Shimanto River) ที่คอยไหลไปยังส่วนต่างๆของจังหวัด ราวกับเป็นสายเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงพื้นที่แห่งนี้ให้ไม่มีวันเหือดแห้งไป
สำหรับสภาพภูมิอากาศของจังหวัดโคจิก็จะมีลักษณะอบอุ่นชื้น แม้อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ 17.8 องศาเซลเซียส แต่เมื่อเข้าหน้าร้อนอุณหภูมิจะสูงได้ถึง 37 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว! (แต่พวกเราชาวไทยคงไม่สะทกสะท้านกันสักเท่าไหร่หรอกเนอะ 555) ส่วนหน้าหนาวจะมีอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่ถ้าตัดภาพไปยังภูเขาหรือพื้นที่สูง เราก็จะพบกับอากาศหนาวจัดและมีหิมะปกคลุม
ถ้าใครอยู่โตเกียวหรือโอซาก้าแล้วเกิดอยากไปเที่ยวที่ ‘จังหวัดโคจิ’ ก็สามารถนั่งเครื่องมาลงที่นี่ได้ค่ะ โดยใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
หากจะให้ยกตัวอย่างถึงเสน่ห์ของจังหวัดโคจิ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ วัฒนธรรมโอเกียกุ (Okyaku) ที่แสดงให้เห็นถึงความน่ารักและความเป็นกันเองอย่างมากของชาวจังหวัดโคจิ ถ้าใครเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก็จะรู้ทันทีเลยว่า โอเกียกุ มีความหมายว่า แขก หรือ ผู้มาเยือน แต่ที่โคจินั้นคำว่า โอเกียกุ มีความหมายว่า งานปาร์ตี้ จ้า! ยิ่งไปกว่านั้น ชาวโคจิเองก็ได้รับการปลูกฝังวัฒนธรรมดังกล่าวอย่างแข็งแกร่งและเหนียวแน่น จนไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ งานเทศกาลชมดอกไม้ ฤดูเก็บเกี่ยว หรือแม้แต่ในโอกาสที่ลูกบ้านไหนเรียนจบหรือสอบติดมหาวิทยาลัย พี่แกก็จะเหมาจัดปาร์ตี้ไปเสียหมด
นอกจากนี้ งานปาร์ตี้ของชาวโคจิยังมีเอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การชวนคนที่ไม่รู้จักหรือคนแปลกหน้าเข้ามาร่วมวงปาร์ตี้ด้วย! ยิ่งไปกว่านั้น หากเรายังมีท่าทีเคอะเขินหรือไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับใครเขาเท่าไหร่ เจ้าบ้านในปาร์ตี้ก็จะให้เรานั่งก๊งสุราไปจนกว่าจะสามารถพูดได้เป็นต่อยหอย ประหนึ่งว่าเราเคยเป็นเพื่อนซี้กับชาวโคจิมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่เพิ่งจะมาหากันเจอในชาตินี้ 555
ถ้าใครอยากลองปาร์ตี้โต้รุ่งแบบสามวันสามคืนท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและสนุกสนานก็ต้องมาที่โคจิเนี่ยแหละ เริ่ดที่สุดแล้วค่ะท่านผู้ชม!
อย่างที่เรารู้กันดีว่าจังหวัดนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ และทะเล และนั่นก็ทำให้จังหวัดโคจิเป็นแหล่งวัตถุดิบคุณภาพดีเยี่ยม
ยิ่งไปกว่านั้น ปลาโบนิโตะ (Bonito Fish) ที่มีชื่อเรียกว่า คัตสึโอะ (Katsuo) ของจังหวัดโคจิก็เป็นเสียยิ่งกว่าอาหารขึ้นชื่อของที่นี่อีกนะ! ความอร่อยของปลาชนิดนี้นั้นสามารถยืนยันได้จากความนิยมของชาวญี่ปุ่นที่เลือกให้คัตสึโอะเป็นที่หนึ่งในใจของพวกเขา ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าถ้ามาโคจิแล้วไม่ได้ทานคัตสึโอะก็เท่ากับมาไม่ถึง คงเป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดเลยล่ะ
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดโคจิได้ที่นี่ : 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโคจิ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
3. จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime Prefecture)
จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime Prefecture) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region) ด้วยสภาพภูมิประเทศที่หันหน้าออกสู่ทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) เอฮิเมะจึงมีสภาพภูมิอากาศแบบอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดในฤดูร้อนจะอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในฤดูหนาวจะอยู่ที่ 5.6 องศาเซลเซียส
ดังนั้นเราขอรับรองได้เลยว่าถ้ามาเที่ยวที่จังหวัดนี้ คุณจะได้สัมผัสกับลมทะเลเย็นๆและแสงแดดอ่อนๆอย่างแน่นอน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเอฮิเมะคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากปราสาทมัตสึยามะและโดโกะออนเซ็น ซึ่งเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น! แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามด้วยนะ
นอกจากนี้จังหวัดเอฮิเมะก็มีของกินแสนอร่อยมากมาย แต่ของขึ้นชื่อประจำจังหวัดนี้ที่เลื่องชื่อลือชามากที่สุดเห็นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก มิกัง (Mikan) หรือ ส้มแมนดาริน นั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังมีวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติด้วย
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดเอฮิเมะได้ที่นี่ : 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดเอฮิเมะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
4. จังหวัดโทคุชิมะ(Tokushima Prefecture)
จังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima Prefecture) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku Region) และอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima Prefecture) จังหวัดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางจาริกแสวงบุญ 88 แห่งของภูมิภาคชิโกกุ หรือ โอะเฮ็นโระ (Ohenro) ใครเป็นนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติจะต้องไม่พลาดที่นี่เด็ดขาดเลย!
อย่างที่ทราบกันดีว่าจังหวัดโทคุชิมะนั้นล้อมรอบไปด้วยผาที่ขรุขระ อีกทั้งยังมีน้ำวนที่สวยงาม ดูน่าค้นหาและแสนอันตราย แน่นอนว่ากิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดนี้ก็มีทั้งการล่องแก่ง เล่นกระดานโต้คลื่น หรือเดินป่า
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดโทคุชิมะก็จะมีจุดชมน้ำวนนารุโตะ หุบเขาอิยะที่แสนลึกลับน่าค้นหา และภูเขาบิซังที่เป็นจุดชมวิวกลางคืนอันแสนสวยงาม
นอกจากนี้ ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ยังเชื่อมต่อกับเกาะฮอนชูด้วยสะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge) และสะพานนารุโตะ (Naruto Bridge) เราจึงสามารถเดินทางมาโทคุชิมะด้วยรถบัสจากจังหวัดโอซาก้าได้ โดยใช้เวลาประมาณ 150 นาที นอกจากนี้เรายังสามารถตีตั๋วเครื่องบินจากโตเกียวหรือฟุกุโอกะมาก็ได้เช่นกัน
อย่างที่ทราบกันดีว่าจังหวัดโทคุชิมะนั้นมีชื่อเสียงเรื่องอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นวัว หมู หรือไก่ เนื้อสัตว์ทั้งหมดจึงล้วนเป็นวัตถุดิบที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพค่ะ
มิหนำซ้ำ พื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกของจังหวัดยังหันหน้าออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย ด้วยเหตุผลนี้ ผลผลิตจากการประมงของโทคุชิมะจึงอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เราจึงไม่แปลกใจเลยที่อาหารท้องถิ่นของจังหวัดโทคุชิมะจะมีรสชาติอร่อยล้ำ!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดโทคุชิมะได้ที่นี่ : รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
วิธีเดินทางไปภูมิภาคชิโกกุ
สำหรับวิธีการเดินทางไปภูมิภาคชิโกกุนั้น ก่อนอื่นเราจะต้องนั่งเครื่องบินจากไทยไปลงที่สนามบินหลักๆของญี่ปุ่น เช่น สนามบินนาริตะ จ. ชิบะ (โตเกียว), สนามบินคันไซ จ. โอซาก้า, สนามบินฮากาตะ จ. ฟุกุโอกะ และสนามบิน Chubu Centrair International Airport ในเมืองนาโกย่า จากนั้นให้ต่อเครื่องบินในประเทศญี่ปุ่นไปลงที่สนามบินของจังหวัดต่างๆในภูมิภาคชิโกกุ เช่น
- Matsuyama Airport จ. เอฮิเมะ
- Kochi Airport จ. โคจิ
- Tokushima Airport จ. โทคุชิมะ
- Takamatsu Airport จ. คากาวะ
หรือหากใครไม่ต้องการนั่งเครื่องบินภายในประเทศก็สามารถนั่งรถไฟ JR จากจังหวัดที่นั่งเครื่องบินมาลงเพื่อมาเที่ยวชิโกกุได้เช่นกัน
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ