รวมที่เที่ยว ‘ภูมิภาคคันไซ’ สีสันของนครพันปีที่น่าหลงใหล
ก.ค. 25, 2023
บทนำ : ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกตอนกลางของเกาะฮอนชู ประกอบไปด้วย 7 จังหวัดคือ จังหวัดโอซาก้า จังหวัดเกียวโต จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนารา จังหวัดมิเอะ จังหวัดชิกะ และจังหวัดวาคายามะ โดยมีจังหวัดโอซาก้าเป็นศูนย์กลางความทันสมัยที่เต็มไปด้วยสีสัน อีกทั้งภูมิภาคนี้ยังมีทะเลสาบน้ำจืดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดชิกะด้วยค่ะ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ภูมิภาคคันไซมีเมืองเก่าที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างเกียวโตและนารา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งสองจังหวัดนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น
ด้วยเหตุนี้เอง ภูมิภาคคันไซจึงมีจุดเด่นทางด้านวัฒนธรรม รวมถึงสถาปัตยกรรมอย่างวัดวาอารามที่ทรงคุณค่าตามกาลเวลา ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่หลายๆแห่งของภูมิภาคนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ถ้าใครเป็นสายชิลล์ชอบแช่ออนเซ็น ที่นี่ก็มีออนเซ็นมากมายให้ได้ไปผ่อนคลายกัน โดยเฉพาะออนเซ็นริมทะเลบรรยากาศดีๆเนี่ย…ไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลย! ส่วนใครเป็นสายกินก็ต้องไม่พลาดอาหารท้องถิ่นเลิศรสของคันไซเลยนะ
เกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว ต่อจากนี้เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่า “ภูมิภาคคันไซ” จะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง 😊
สารบัญ (Index) : ภูมิภาคคันไซ
- จังหวัดโอซาก้า (Osaka Prefecture)
- จังหวัดเกียวโต (Kyoto Prefecture)
- จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo Prefecture)
- จังหวัดนารา (Nara Prefecture)
- จังหวัดมิเอะ (Mie Prefecture)
- จังหวัดชิกะ (Shiga Prefecture)
- จังหวัดวาคายามะ (Wakayama Prefecture)
1. จังหวัดโอซาก้า (Osaka Prefecture)
“จังหวัดโอซาก้า” (Osaka Prefecture) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของภูมิภาคคันไซหรือฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู แม้ว่าโอซาก้าจะมีพื้นที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น แต่โอซาก้ากลับเป็นจังหวัดที่มีความหนาแน่นของประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากโตเกียว ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกได้ถึงความสำคัญของโอซาก้าในฐานะเมืองเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
ด้วยภูมิประเทศของโอซาก้าที่มีเทือกเขาโอบล้อมถึงสามด้าน และฝั่งตะวันตกหันหน้าออกสู่อ่าวโอซาก้า อีกทั้งยังเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นอย่างเกียวโตและนารา โอซาก้าจึงเจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการขนส่งทางบกและทางน้ำเช่นเดียวกับเมืองเศรษฐกิจอื่นๆในสมัยนั้น
ในช่วงเวลาหนึ่งที่ไดเมียวและซามูไรผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ‘โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ’ เรืองอำนาจอยู่นั้น ท่านได้เลือกให้โอซาก้าเป็นศูนย์กลางของอำนาจการปกครอง และถ้าหากว่าโทโยโตมิไม่แพ้สงครามในยุทธการเซกิกาฮาระ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าโอซาก้าอาจจะกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปัจจุบันก็ได้นะ
และถ้าหากพูดถึงอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยของโอซาก้าก็ต้อง โอโคโนมิยากิ กับ ทาโกยากิ นี่แหละที่เด็ดสุด!
“โอโคโนมิยากิ” หรือที่เรียกกันจนติดปากคนไทยว่า ‘พิซซ่าญี่ปุ่น’ มีที่มาจากคำว่า ‘โอโคโนมิ’ ซึ่งแปลว่าสิ่งที่ชอบ และคำว่า ‘ยากิ’ ที่แปลว่าปิ้ง, ย่าง พอนำมารวมกันก็จะแปลได้ว่า ‘การนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ชอบมารวมกันแล้วปิ้งย่างบนกระทะ’ ด้วยเหตุนี้ส่วนผสมของโอโคโนมิยากิจึงมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ซึ่งเจ้าโอโคโนมิยากินี้ก็มีต้นกำเนิดจาก ‘จังหวัดโอซาก้า’ นี่แหละค่ะ
ส่วน “ทาโกะยากิ” นั้นเป็นเมนูอาหารที่สามารถอธิบายได้จากชื่อ กล่าวคือ ‘ทาโกะ’ หมายถึงปลาหมึกยักษ์ (Octopus) ‘ยากิ’ หมายถึงย่าง (กึ่งๆทอดแหละ แต่ไม่ใช่ทอดแบบน้ำมันท่วมเหมือนคำว่า ‘อะเกะ’) ดังนั้น ‘ทาโกะยากิ’ จึงหมายถึงการนำปลาหมึกยักษ์ไปผ่านการปรุงสุกด้วยวิธีย่าง ซึ่งสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับอาหารจานนี้นั่นเอง นอกจากนี้ทาโกะยากิก็มีต้นกำเนิดมาจาก ‘จังหวัดโอซาก้า’ เช่นเดียวกัน!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดโอซาก้าได้ที่นี่ : รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโอซาก้า’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
2. จังหวัดเกียวโต (Kyoto Prefecture)
“จังหวัดเกียวโต” (Kyoto Prefecture) หรือ ‘นครพันปีเกียวโต’ เป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 8 เกียวโตเป็นเมืองทางตะวันตกของเกาะฮอนชูที่เจริญรุ่งเรืองมากในฐานะศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เกียวโตได้สืบทอดประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 1,100 ปี ก่อนที่ญี่ปุ่นจะย้ายเมืองหลวงไปที่เอโดะหรือโตเกียวในปัจจุบัน หลังจากการล่มสลายทางอำนาจของ ‘โทคุกาวะ โยชิโนบุ’ โชกุนคนสุดท้าย และเข้าสู่ยุคเมจิหรือยุคที่จักรพรรดิกลับมามีอำนาจอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
นอกจากนี้ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ‘จังหวัดเกียวโต’ กับเมืองโยโกฮาม่าก็อยู่ในลิสต์พื้นที่อันดับต้นๆที่อเมริกาจะทิ้งระเบิดปรมาณูใส่! แต่ด้วยเหตุผลหรือสิ่งศักดิ์สิทธ์ประการใดก็ไม่รู้ อเมริกากลับเปลี่ยนใจไปทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่าแทนซะงั้น! (ความจริงแล้วสาเหตุที่ไม่ทิ้งระเบิดลงที่โยโกฮาม่านั้น เป็นเพราะว่าเมืองนี้ได้รับความเสียหายมามากพอแล้วจากการทำสงครามภาคปกติ อเมริกาเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปทิ้งระเบิดที่นี่ให้เสียเวลาหรอก ก็มันไม่อิมแพคนี่ ส่วนที่ตัดเกียวโตออกไปเป็นเพราะว่าเมืองนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของจักรพรรดิอยู่ หลังสงครามจบก็กลัวจะไม่ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นถ้าทิ้งระเบิดลงที่นี่)
ถ้าพูดถึง ‘จังหวัดเกียวโต’ ภาพในหัวของทุกคนก็คงมีวัดหรือศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงใช่ไหมล่ะ เพราะนอกจากจะมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ถึง 17 แห่งแล้ว เกียวโตยังเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนต้นกำเนิดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นอีกด้วย ไม่ว่าจะในด้านของกฎหมาย ศาสนา การปกครอง และด้านอื่นๆอีกมากมาย
นี่ยังไม่รวมถึงมรดกโลกอย่างวัดคิโยมิสึและปราสาทนิโจด้วยนะ ไหนจะเทศกาลหลักทั้งสามของเกียวโตที่ทั่วโลกต่างรู้จัก นั่นก็คือเทศกาลอาโออิที่จัดขึ้นในช่วงต้นฤดูร้อน เทศกาลกิองที่จัดขึ้นกลางฤดูร้อน และเทศกาลจิไดที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนั้นยังมี ‘โกซัง โนะ โอคุริบิ’ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘เทศกาลไดมอนจิ’ ซึ่งจัดขึ้นในคืนอุราบ้งหรือวันที่ 16 สิงหาคมของทุกปี ในช่วงเทศกาลนี้จะมีการจุดคบไฟขึ้นเป็นจำนวนมากบนภูเขาทั้ง 5 ลูกที่ล้อมรอบเกียวโต และชาวเมืองจะนำคบไฟทั้งหมดไปวางเรียงเป็นตัวอักษรอย่างสวยงาม
สำหรับอาหารท้องถิ่นที่เราอยากให้เพื่อนๆไปลิ้มลองรสชาติกันก็คือ นิชินโซบะ กับ ราเมนชาเขียว
“นิชินโซบะ” (Nishin Soba) เป็นคาเคะโซบะหน้าปลานิชินแห้งต้มน้ำตาล หลายๆคนอาจไม่คุ้นเคยกับคำว่าปลานิชิน แต่ถ้าพูดว่าปลาแฮร์ริงก็คงจะถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว
นิชินโซบะเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกียวโต เพราะนอกจากปลานิชินจะเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ทั้งเส้นโซบะและปลาแห้งก็ยังสามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย จึงไม่แปลกเลยที่นอกจาก ‘จังหวัดเกียวโต’ แล้ว นิชินโซบะก็เป็นเมนูที่ฮอตฮิตในฮอกไกโดด้วย
ส่วนเรื่องรสชาติคงไม่ต้องบรรยายกันให้มากความ เพราะนอกจากจะไม่คาวแล้ว เนื้อปลานิชินยังมีรสออกหวานเค็มตัดกับน้ำซุปที่มีความกลมกล่อม ลงตัวอย่างพอดิบพอดีกับเส้นโซบะนุ่มลื่นปรื๊ดเคี้ยวเพลิน อร่อยฟินอย่าบอกใครเชียว!
แน่นอนว่าถ้าเพื่อนๆอุตส่าห์มาถึง ‘จังหวัดเกียวโต’ เมืองแห่งชาเขียวทั้งที ของกินที่พลาดไม่ได้คงต้องเป็นชาเขียวนี่ล่ะ โดยเฉพาะโซบะชาเขียวและราเมนชาเขียว ที่ถึงแม้ว่ามันจะแปลกแต่ก็น่าลองมาก!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดเกียวโตได้ที่นี่ : รวม 22 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดเกียวโต’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
3. จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo Prefecture)
“จังหวัดเฮียวโกะ” (Hyogo Prefecture) เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันไซซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดโอซาก้า แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าจังหวัดโอซาก้าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างท่วมท้น แต่จังหวัดเฮียวโกะเองก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
นอกจากจะอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างภูเขาหรือทะเลแล้ว จังหวัดเฮียวโกะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาและมีอายุนานนับพันปีด้วย~ ไม่ว่าจะเป็นย่านคิตาโนะ ปราสาทฮิเมจิ หรือเมืองปราสาทอิซุชิ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและน่าไปแล้วนั้น ความอร่อยของ ‘เนื้อโกเบ’ ก็น่าลิ้มลองเช่นกัน เราขอเคลมตรงนี้เลยว่าเนื้อโกเบคือดีมาก สามารถให้คำนิยามว่า ‘สีแดงที่ดีต่อใจ’ หรือ ‘เข้าปากปุ๊บ ละลายปั๊บ’ ได้!
เมื่อเห็นความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวและของกินอร่อยๆในจังหวัดเฮียวโกะแล้ว เราเชื่อว่าหลายๆคน(โดยเฉพาะคนที่จะไปเที่ยวโอซาก้าและกำลังมองหาโซนท่องเที่ยวสำหรับไปเช้า-เย็นกลับได้)ก็คงสนใจจังหวัดนี้มากขึ้นกันแล้วใช่ไหมล่ะ หากอยากดูรีวิวฉบับเต็มของจังหวัดเฮียวโกะก็สามารถติดตามอ่านได้ในบทความด้านล่างนี้เลยจ้า
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดเฮียวโกะได้ที่นี่ : รวม 17 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดเฮียวโกะ’ และข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจ
4. จังหวัดนารา (Nara Prefecture)
“จังหวัดนารา” (Nara Prefecture) แค่ได้ยินชื่อนี้ทุกคนก็คงนึกถึงเจ้ากวางน้อยในสวนนารากันแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่รู้หรือเปล่าว่านอกจากนาราจะอยู่ติดกับโอซาก้าและเกียวโตแล้ว จังหวัดนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายอย่างสวนญี่ปุ่นสวยๆ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ รวมไปถึงวัดวาอารามกับศาลเจ้าที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และสวยงามด้วย
สำหรับคนที่มีแผนว่าจะไปโอซาก้าหรือเกียวโต เราขอแนะว่าให้ไปที่นาราด้วย เพราะนี่จะเป็นการเดินทางที่แสนสะดวกและใช้เวลาไม่นานนั่นเอง~
เกริ่นมาพอเป็นพิธีแบบนี้อาจจะยังไม่ทำให้คุณอยากอ่านต่อสักเท่าไหร่ งั้นเราจะขอรับบทเป็นคนเล่าประวัติคร่าวๆของจังหวัดนาราให้ทุกคนฟังเอง!
จังหวัดนาราตั้งอยู่บริเวณใจกลางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู และเริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 3 โดยมีเขตยามาโตะ (Yamato Precinct) เป็นศูนย์กลาง เดิมทีเมืองหลวงเก่าของนารานั้นตั้งขึ้นที่เขตอาสึกะ (Asuka Precinct) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของที่ราบลุ่มนารา อันเป็นใจกลางการปกครองและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 8 ก่อนที่เมืองหลวงจะย้ายไปยังเขตเฮโจเคียว (Heijokyo Precinct) ที่ตั้งของเมืองนาราในปัจจุบัน
ในปี 710 มีวัดและศาลเจ้ามากมายที่สร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของราชวงศ์และขุนนางชั้นสูง ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นมหานครแห่งวัด นอกจากนี้ยังมี ไดบุทสึ (Daibutsu) หรือพระพุทธรูปหล่อทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในโลกที่เก็บรักษาไว้ใน ‘ไดบุทสึเด็น’ (Daibutsuden) หรืออาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แน่นอนว่าที่จังหวัดนารายังมีวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องสถาปัตยกรรมไม้อย่าง วัดยาคุชิจิ (Yakushiji Temple) ที่ก่อตั้งโดยพระภิกษุชาวจีนรูปหนึ่งนามว่า กันจิน (Ganjin) ซึ่งท่านได้ธุดงค์มาที่ญี่ปุ่นด้วยความอุตสาหะเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา
ยิ่งไปกว่านั้น จังหวัดนารายังมี วัดโฮริวจิ (Horyuji Temple) ที่ว่ากันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 7 และเป็นที่รู้จักในฐานะพุทธศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งตัววัดเองยังถือเป็นสถาปัตยกรรมไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในอาคารของวัดโฮริวจินั้นเต็มไปภาพวาดและรูปปั้นมากมาย อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยนะ
สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวชมที่นี่ก็สามารถมาได้ตลอดทั้งปี เพื่อชมทิวทัศน์แสนงามของภูเขาโยชิโนะ (Mt. Yoshino) จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น
และที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับจังหวัดนี้ก็คือ สวนกวางนารา สวนสาธารณะซึ่งเต็มไปด้วยเหล่ากวางน้อยแสนน่ารักที่ได้รับการดูแลอย่างดีในฐานะผู้ส่งสารของพระเจ้า
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้โบราณสถานหรือเมืองเก่าแก่ในจังหวัดนารา ก็คงหนีไม่พ้นความอร่อยของอาหารท้องถิ่นในนาราอย่างแน่นอน ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราตามมาดูกันเลยดีกว่า~
“มิวะโซเมง” เป็นเมนูต้นตำรับของเมืองมิวะ จังหวัดนารา ด้วยความที่มิวะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพของน้ำเพราะมีต้นน้ำที่ดีอย่างภูเขามิวะ (Mt. Miwa) ชาวเมืองจึงได้บริโภคน้ำที่สะอาดและบริสุทธิ์ทุกวัน
สำหรับการทำเส้นมิวะโซเมงก็ต้องมีส่วนผสมอย่างแป้ง เกลือ และน้ำจากภูเขามิวะ รสชาติอ่อนๆแสนกลมกล่อมที่มาผสมผสานกับเส้นโซเมงบางๆนี้ นับว่าเป็นความอร่อยที่ดีต่อใจอย่างหนึ่งเลยล่ะ ไม่ว่าจะกินแบบร้อนหรือเย็นก็เอ็นจอยได้หมดจ๊ะ!
หากพูดถึง วากาชิ หรือขนมหวานญี่ปุ่น ก็คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักวากาชิที่ครองใจชาวญี่ปุ่นมานานแสนนานอย่าง ‘ขนมโมจิ’ ใช่ไหมล่ะคะ?
‘จังหวัดนารา’ เองก็มีโมจิที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง คุซึโมจิ อยู่ด้วยค่ะ ว่าแต่ขนมชิ้นนี้มีความพิเศษแตกต่างจากโมจิแบบอื่นยังไงกันนะ? เราจะมาให้คำตอบคุณเอง!
โมจิแบบปกตินั้นจะทำมาจากเค้กข้าวที่มีส่วนประกอบของโมจิโกเมะ (Mochigome) หรือแป้งกลูเตนญี่ปุ่น ก่อนเสิร์ฟจะโรยผงถั่วเหลืองคั่วบดละเอียด หรือผงคินาโกะ (Kinako) ลงบนตัวโมจิ นอกจากนี้ยังมีถั่วแดงกวนเป็นท็อปปิ้งด้วยนะ แต่คุซึโมจินั้นทำจากแป้งเท้ายายม่อม (Kuzu starch or Japanese arrowroot) ทำให้มีรสสัมผัสของเจลาตินมากกว่าความหนึบหนับของแป้งกลูเตน
แน่นอนว่าก่อนเสิร์ฟก็ต้องโรยด้วยผงคินาโกะที่มีความหอมหวานเฉพาะตัว ส่วนรสชาติน่ะเหรอ? ก็ต้องอร่อยเลิศอยู่แล้ว!
ถ้าเพื่อนๆสายของหวานคนไหนมาเที่ยวที่นารา ต้องไม่พลาดคุซึโมจิเด็ดขาดเลยนะ!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดนาราได้ที่นี่ : 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดนารา’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง
5. จังหวัดมิเอะ (Mie Prefecture)
“จังหวัดมิเอะ” (Mie Prefecture) ถ้าเอ่ยชื่อจังหวัดนี้กับคนไทย เชื่อว่าคงมีทั้งคนที่รู้สึกว่าคุ้นหูแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของญี่ปุ่น หรือบางคนก็ไม่เคยได้ยินชื่อจังหวัดนี้มาก่อนเลย แต่สำหรับคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้ว มิเอะนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
“มิเอะ” เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันไซ (Kansai) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองนาโกย่ากับโอซาก้า คนไทยเองก็น่าจะรู้จักสองสถานที่นี้มากกว่ามิเอะแน่นอน แต่ถ้าอย่างนั้นแล้วจังหวัดมิเอะมีทีเด็ดอะไรบ้างล่ะ? หากอยากรู้เรามาดูกันเลย! 😊
มิเอะเป็นหนึ่งในไม่กี่จังหวัดที่มีหมู่บ้านนินจา (และเป็นหมู่บ้านนินจาที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นซะด้วย) แถมยังมีปราสาทอีกต่างหาก
จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของ 1 ใน 3 อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกับอควาเรียมอีก 2 แห่งที่โอกินาว่าและโอซาก้า ซึ่งอควาเรียมของจังหวัดมิเอะอย่าง “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ” เป็นอควาเรียมเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีพะยูนด้วย
มิเอะเป็นที่ตั้งของหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นศาลของเทพเจ้าสูงสุดของ ศาสนาชินโต ศาสนาพื้นเมืองของญี่ปุ่น ในส่วนนี้มีการถกเถียงกันในหมู่คนญี่ปุ่นเลยทีเดียวว่าถ้าจะจัดทริปมูเตลู เราควรไปที่มิเอะหรือชิมาเนะดีนะ (แถมคนในสองจังหวัดนี้ต่างก็ขิงใส่กันด้วยว่า จังหวัดฉันนี่แหละบ้านของเทพเจ้าที่แท้จริง! ว่าไปนั่น)
‘จังหวัดมิเอะ’ เป็นโซนที่มีของกินอร่อยๆเพียบ! โดยเฉพาะกุ้งมังกรและเนื้อวากิวที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 3 เนื้อวากิวที่ดีที่สุดของประเทศ
แหล่งผลิตไข่มุกที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นก็อยู่ใน ‘จังหวัดมิเอะ’ เช่นกัน
จังหวัดนี้มีสวนสนุกหลายที่หลายธีม แถมยังมีสวนสนุกที่สร้างสถิติลงกินเนสส์บุ๊ค (Guinness Book of World Records) อีกด้วย
มิเอะเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยจุดชมวิวสวยๆทั้งวิวทะเลและวิวภูเขา พูดมาซะขนาดนี้แล้ว เรากล้าบอกเลยว่าถ้าใครชอบเที่ยวญี่ปุ่นแต่ยังไม่เคยมามิเอะนี่ คุณถือว่าพลาดอะไรมากเลยล่ะในแง่ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
สำหรับของกินแสนอร่อยที่ต้องมากินให้ได้ถ้ามาเที่ยวที่มิเอะก็คือ กุ้งมังกรอิเสะ
“กุ้งมังกรอิเสะ” หรือ “กุ้งมังกรญี่ปุ่น” (Ise Lobster) ถือเป็นราชากุ้งแห่งท้องทะเลญี่ปุ่น เพราะรสชาติเฉพาะตัวของเนื้อกุ้งที่มีความนุ่มมาก ไม่แข็งกระด้างเหมือนกุ้งมังกรชนิดอื่นๆ นอกจากนี้เนื้อของกุ้งมังกรอิเสะยังมีความหอมหวานมันอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบคุณภาพชั้นเลิศ แม้กระทั่งในประเทศญี่ปุ่นเองก็หาทานได้ยากมาก และเป็นกุ้งที่มีราคาสูงที่สุดในบรรดากุ้งทุกชนิด
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าทานกุ้งมังกรอิเสะแล้ว เราจะมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว เนื่องจากเปลือกของกุ้งอิเสะเป็นสีแดงเข้มคล้ายกับเกราะนักรบซามูไรและตัวโค้งงอเหมือนแผ่นหลังของผู้อาวุโส
การรับประทานกุ้งมังกรอิเสะในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมคือการรับประทานสดๆแบบซาชิมิ โดยการตัดส่วนหัวของกุ้งแยกออกจากลำตัว เมื่อรับประทานเนื้อสดๆจะต้องทานร่วมกับมันกุ้งที่แคะออกจากส่วนหัวเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยค่ะ
นอกจากกุ้งมังกรแล้วจังหวัดมิเอะก็ยังโด่งดังเรื่องอาหารทะเลทุกชนิดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหอยต่างๆที่ได้จากการงมโดย “อามะซัง” หรือหญิงที่ทำอาชีพประมงโดยการดำน้ำงมหอยในทะเล อาชีพนี้ได้รับการสืบทอดต่อกันมาถึง 2,000 กว่าปีเชียวนะ
การทานอาหารแบบดั้งเดิมที่ให้อามะซังย่างให้นั้นเป็นอะไรที่ดีงามสุดๆ ความสนุกคือเราจะได้ทานหอยเป็นๆสดใหม่ ซึ่งย่างบนตะแกรงร้อนๆด้วยเตาอิโรริโดยอามะซังที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล อีกทั้งยังได้ฟังเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายจากอามะซัง เช่น ประสบการณ์การจับปลาหรือวิธีการทานอาหารแต่ละชนิดให้อร่อย
หากทุกคนอยากสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ที่หาไม่ได้จากที่อื่นๆในญี่ปุ่น ต้องมาเที่ยวจังหวัดมิเอะกันให้ได้นะคะ 😊
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดมิเอะได้ที่นี่ : รวม 30 สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปโดนสักครั้งใน ‘จังหวัดมิเอะ’
6. จังหวัดชิกะ (Shiga Prefecture)
“นอกจากทะเลสาบแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
นี่คือวลีของเพื่อนบ้านชาวเกียวโตและโอซาก้าที่มักจะใช้แซวผู้คนใน จังหวัดชิกะ (Shiga Prefecture)
แต่ความจริงแล้วนี่เป็นคำแซวที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ เพราะถึงแม้ว่าจังหวัดชิกะจะมีจุดเด่นอยู่ที่ทะเลสาบใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง ‘ทะเลสาบบิวะ’ (Lake Biwa) แต่นอกจากทะเลสาบแห่งนี้แล้ว ชิกะยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจและสวยงามไม่แพ้จุดท่องเที่ยวของเกียวโตและโอซาก้าเลย เช่น หนึ่งในห้าปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เกียวโตและโอซาก้าไม่มี (แถมหลายๆที่คนน้อยด้วย ดีซะอีกที่ถ่ายรูปได้สบายๆ ไม่ติดคนให้รำคาญใจ)
นอกจากนี้ในส่วนของอาหารการกิน ชิกะก็มีของอร่อยทีเด็ดเป็น 1 ใน 3 เนื้อวากิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นด้วยค่ะ!
“จังหวัดชิกะ” เป็นสถานที่ซึ่งถ้าเรามาจากเกียวโตล่ะก็ ขอบอกว่าเดินทางโคตรของโคตรง่ายเลย! เพราะจากเกียวโตเราสามารถนั่งรถไฟมาที่นี่โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงแล้ว ในขณะที่จากโอซาก้าเราจะใช้เวลานานขึ้นอีกหน่อย โดยนั่งรถไฟประมาณชั่วโมงหนึ่ง ชิกะจึงเป็นจังหวัดที่เหมาะสำหรับการเป็น side trip เวลาไปเที่ยวสองจังหวัดยอดฮิตของภูมิภาคคันไซอย่างโอซาก้าหรือเกียวโตค่ะ (ใครเบื่อคนเยอะๆ อยากหาที่เที่ยวแบบ ‘เพชรในตม’ ก็ไปเลย เราแนะนำ!)
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดชิกะได้ที่นี่ : รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดชิกะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
7. จังหวัดวาคายามะ (Wakayama Prefecture)
“จังหวัดวาคายามะ” (Wakayama Prefecture) เป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอนชู โดยมีพรมแดนติดกับจังหวัดโอซาก้า นารา และมิเอะ วาคายามะเป็นจังหวัดที่มักจะถูกมองข้ามไปเพราะจังหวัดเพื่อนบ้านในแถบนั้นมีชื่อเสียงมากกว่า แต่ต้องบอกเลยว่า นี่แหละ! หนึ่งในจังหวัดที่เป็นเพชรในตมของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
ความน่าสนใจของ ‘จังหวัดวาคายามะ’ คือป่าไม้เขียวขจีที่สวยงาม รวมถึงการเป็นต้นกำเนิดของการนับถือสองศาสนาควบคู่กันของคนญี่ปุ่น คือ พุทธชินโต (Shinbutsu) ซึ่งมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้วาคายามะจึงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น ในระดับที่ไม่น้อยหน้าจังหวัดมิเอะและชิมาเนะเลยล่ะ (นอกจากนี้โซนคุมาโนะและโคยะซังยังได้รับตำแหน่งมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย)
นอกจากนี้วาคายามะยังเป็นจังหวัดที่มีเมืองตากอากาศและออนเซ็นชื่อดังหลายแห่ง ที่นี่จึงเหมาะแก่การมาพักผ่อนชิลล์ๆด้วยค่ะ
สำหรับของกินขึ้นชื่อของจังหวัดวาคายามะที่เราอยากให้ทุกคนไปลองกันก็คือ ปลาทูน่า และ เนื้อวาฬ!
ปลาทูน่า หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อ ปลามากุโระ เป็นหนึ่งในปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นและถูกนำมาทำอาหารมากที่สุด คนญี่ปุ่นจะนิยมทานปลาทูน่ากันแบบสดๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบของซาชิมิหรือซูชิ
จะว่าไปมันก็เป็นปลาที่หาได้ทั่วญี่ปุ่น แต่ทำไมเราต้องมาทานที่วาคายามะด้วยล่ะ?
ว่ากันว่าปลาทูน่าที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นต้องยกให้ปลาทูน่าจากวาคายามะค่ะ (หรืออีกที่หนึ่งก็คืออาโอโมริ) ฉะนั้นถ้าใครได้มาเที่ยวจังหวัดนี้ก็ต้องลองมาพิสูจน์ความอร่อยของปลาทูน่ากันแล้วล่ะ
ส่วนการทานเนื้อวาฬของญี่ปุ่นนั้นก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกินกว่า 1,000 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนัก รัฐบาลจึงส่งเสริมให้ประชาชนกินเนื้อวาฬ เพราะในสมัยนั้นเนื้อวาฬมีราคาถูก
แต่ในปัจจุบันด้วยหลายๆสาเหตุ รวมถึงเรื่องการอนุรักษ์ วาฬจึงกลายเป็นอาหารหรูขึ้นมาซะงั้น ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้นสถานที่ที่โด่งดังเรื่องการล่าวาฬก็คือจังหวัดวาคายามะนี่ล่ะ (ใครไม่อินขอให้ผ่านไปนะ)
สำหรับผู้เขียนที่เคยมีโอกาสได้ลิ้มลองมาแล้ว รสชาติของเนื้อวาฬจะคล้ายๆทูน่าผสมเนื้อไก่จ้า
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดวาคายามะได้ที่นี่ : รวม 15 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดวาคายามะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
*.。.*゚*.。.*゚*
และทั้งหมดนี้ก็คือ “ภูมิภาคคันไซ” แหล่งอารยธรรมและโซนท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆในหมู่นักเดินทางค่ะ หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว เราหวังว่าทุกคนจะได้ที่เที่ยวในใจสำหรับทริปคันไซครั้งหน้ากันนะคะ 😊
สำหรับใครที่อยากศึกษาเรื่องการเดินทางโดยรถไฟในคันไซ เราขอแนะนำให้ดูรายละเอียดของรถไฟฟ้าคินเท็ตสึเอาไว้ค่ะ เพราะรถไฟสายนี้ครอบคลุมการเดินทางในพื้นที่ส่วนใหญ่ของคันไซเลย ทุกคนสามารถเข้าไปดูได้ตามลิงก์นี้เลยค่ะ >> https://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ