รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดชิบะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
มิ.ย. 01, 2022
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดชิบะ’ กันเถอะ!
จังหวัดชิบะ (Chiba Prefecture) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคคันโต (Kanto Region) บริเวณทิศเหนือของจังหวัดนี้มีพื้นที่ติดกับจังหวัดอิบารากิ ส่วนบริเวณทิศตะวันตกมีพื้นที่ติดกับจังหวัดไซตามะและจังหวัดโตเกียว
แม้ว่า ‘จังหวัดชิบะ’ จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากเท่าจังหวัดอื่นๆในญี่ปุ่น แต่ที่นี่ก็เป็นถึงที่ตั้งของ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) สวนสนุกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น!
นอกจากนี้ชิบะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple) หนึ่งในวัดสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น หรือสวนโมบาระ (Mobara Park) ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
สำหรับการเดินทางไปที่ ‘จังหวัดชิบะ’ ก็สะดวกสบายมากค่ะ เพราะเราสามารถนั่งรถไฟ JR สายเคโย (JR Keiyo Line) จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ไปลงที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของชิบะอย่าง ‘โตเกียวดิสนีย์แลนด์’ ได้ค่ะ หรือจะนั่งรถไฟ JR สายโซบุ (JR Sobu Line) จากสถานีอื่นๆในโตเกียว อย่างสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) สถานีโตเกียว (Tokyo Station) หรือสถานีอากิฮาบาระ (Akihabara Station) ก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้ ‘สนามบินนาริตะ’ ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นก็ตั้งอยู่ในเขต ‘จังหวัดชิบะ’ ด้วย
เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ‘จังหวัดชิบะ’ แห่งนี้จะมีอะไรให้เราแวะเที่ยวกันบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ~!
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดชิบะ
-
- ชิบะพอร์ตทาวเวอร์ (Chiba Port Tower)
- เมืองซาวาระ (Sawara)
- สวนโมบาระ (Mobara Park)
- ภูเขาโนโกกิริ (Mount Nokogiri)
- วัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)
- ศาลเจ้าคาโตริ (Katori Jingu Shrine)
- โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
- จัมป์เฟสต้า (Jump Festa)
- ปราสาทโอตากิ (Otaki Castle)
- ถ้ำคาเมอิวะ (Kameiwa Cave)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดชิบะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดชิบะ
1. ชิบะพอร์ตทาวเวอร์ (Chiba Port Tower)
ชิบะพอร์ตทาวเวอร์ (Chiba Port Tower) เป็นตึกทรงสี่เหลี่ยมเปียกปูนที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือชิบะ (Chiba Port) นอกจากความสวยแปลกตาของรูปทรงตึกแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะจุดชมวิวกลางคืนที่สวยงามของจังหวัดชิบะ
และที่สำคัญ ชิบะพอร์ตทาวเวอร์ยังเป็นสถานที่สุดฮิตสำหรับการนัดเดทของคู่รักอีกด้วยค่ะ (เอาล่ะ! เราขอเชิญคนโสดมากองรวมกันตรงนี้ค่ะ 555) เพราะว่าที่ชั้น 2 ของอาคารแห่งนี้มีจุดพาวเวอร์สปอตที่เรียกว่า เท็งกุ โนะ เอ็นมุซึบิ (Tenku no Enmusubi) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Promenade of Love ด้วยเหตุนี้ชิบะพอร์ตทาวเวอร์จึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคู่รักหรือคนที่กำลังจะสารภาพรักกับใครสักคนค่ะ เพราะของแบบนี้มันก็ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันหน่อยเนอะ 555
นอกจากนี้พอเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะกลายเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามด้วยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับชิบะพอร์ตทาวเวอร์ (Chiba Port Tower)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานี Chiba Minato Station โดยใช้เวลา 10 นาที
ที่อยู่
- Japan, 〒260-0024 Chiba, Chuo Ward, Chuoko, 1 Chome, 千葉ポートパーク内
ติดต่อ
- +81432410125
เวลาทำการ
- เปิดตั้งแต่เวลา 9:00 – 20:00 น.
- ปิดทำการทุกวันปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม – 4 มกราคม
เว็บไซต์
พิกัด
2. เมืองซาวาระ (Sawara)
เมืองซาวาระ (Sawara) เป็นย่านเมืองเก่าในเมืองคาโตริ (Katori Prefecture) จังหวัดชิบะ เมืองแห่งนี้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ให้บรรยากาศของยุคเอโดะค่ะ
ท้องถนนของเมืองซาวาระนั้นเต็มไปด้วยอาคารไม้ที่ตั้งเรียงรายไปตามเส้นทาง อาคารเหล่านี้ประกอบไปด้วยเรียวกัง โรงหมักสาเก ร้านรวงต่างๆ รวมถึงร้านอาหารเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ อีกทั้งในบริเวณใกล้เคียงกันยังมีแม่น้ำโอโนะที่สวยงาม ซึ่งทุกคนสามารถเลือกล่องเรือชมเมืองก็ได้ค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองซาวาระ (Sawara)
วิธีเดินทาง
- รถไฟ : หากเดินทางจากสนามบินนาริตะ (สถานี Narita International Airport) ให้นั่งรถไฟ JR สาย Narita Line มาลงที่สถานี Sawara Station โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
- รถบัส : นั่งรถประจำทางจากสถานี Tokyo Station บริเวณทางออก Yaesu Exit
ที่อยู่
- 56-19 Sawarai, Katori-shi, Chiba-ken 287-0003, Japan
พิกัด
3. สวนโมบาระ (Mobara Park)
สวนโมบาระ (Mobara Park) เป็นสวนปลาคาร์ปที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโมบาระ (Mobara City) จังหวัดชิบะ สวนขนาด 160,000 ตารางเมตรแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะจุดชมดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของชิบะ เนื่องด้วยเราสามารถเข้ามาชมดอกไม้สวยๆได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ
อีกทั้งภายในสวนยังมีสะพานสีแดงสดใสที่ทอดตัวเหนือสระปลาคาร์ปอีกด้วย อีกทั้งยังมีประชากรต้นซากุระมากกว่า 2,800 ต้นเลยทีเดียว แน่นอนว่าเราสามารถพบต้นซากุระสายพันธุ์ ‘โซเมอิ โยชิโนะ’ (Somei Yoshino) ที่มีดอกเป็นสีชมพูอ่อนได้ที่สวนแห่งนี้ด้วยค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น สวนโมบาระยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระยอดนิยมของญี่ปุ่นอีกด้วย ดังนั้นผู้คนจำนวนมากจึงนิยมเดินทางมาที่สวนแห่งนี้เพื่อชมความงามของดอกซากุระสีชมพูอ่อนที่บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ค่ะ
แต่นอกจากซากุระแล้ว สวนโมบาระยังมีชื่อเสียงในเรื่องของดอกไฮเดรนเยียที่ผลิบานพร้อมกันในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย ดังนั้นหากมาเที่ยวไม่ทันช่วงฤดูใบไม้ผลิจริงๆ เพื่อนๆก็ยังสามารถชมดอกไฮเดรนเยียในช่วงหน้าร้อนกันได้นะเออ~!
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนโมบาระ (Mobara Park)
วิธีเดินทาง
- เดินจากที่ทำการไปรษณีย์โมบาระ (Mobara Post Office) โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่
- 1325-1 Takashi, Mobara, Chiba 297-0029, Japan
ติดต่อ
- +81475201548
เวลาทำการ
- เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด
4. ภูเขาโนโกกิริ (Mount Nokogiri)
ภูเขาโนโกกิริ (Mount Nokogiri) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรโบโซ (Boso Peninsula) จังหวัดชิบะ โดยภูเขาที่มีความสูง 300 เมตรแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องหน้าผาอันน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงรูปปั้นเหล่าสาวกของพระพุทธเจ้าที่เรียกกันว่า เฮียคุ-ชาคุคันนอน (Hyaku-Shaku Kannon) และพระพุทธรูปหินจำนวนมาก
นอกจากนี้ภูเขาโนโกกิริก็เป็นที่ตั้งของ วัดนิฮงจิ (Nihonji Temple) ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายโซโตะเซ็น (Soto Zen) ที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,300 ปีก่อน วัดแห่งนี้จึงถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคคันโต แต่ชื่อเสียงของวัดนิฮงจินั้นไม่ได้มาจากความเก่าแก่เพียงอย่างเดียว แต่มาจากพระไดบุทสึ (Daibutsu) ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางภูเขาโนโกกิริด้วย พระพุทธรูปปางหมอยาที่ทุกคนเห็นอยู่นี้มีความสูงจากพื้นดินถึง 31 เมตรเลยทีเดียวค่ะ
ตลอดเส้นทางขึ้นเขานั้นเรียงรายไปด้วยรูปปั้นของอัครสาวก 1,500 รูปที่สร้างโดยช่างแกะสลักระดับปรมาจารย์ อีกทั้งช่างคนนี้ยังเป็นผู้สร้างพระไดบุทสึด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ที่บริเวณด้านบนภูเขาก็มีประติมากรรมแกะสลักหน้าผารูป เทพธิดาแห่งความเมตตา ซึ่งเป็นหนึ่งในอัครสาวกด้วยค่ะ รูปสลักที่มีความสูงถึง 30 เมตรนี้สร้างขึ้นในปี 1966
- *หมายเหตุ : ระหว่างที่เขียนอยู่นี้ เรานึกขึ้นมาได้ด้วยว่านี่มันเหมือนสถานที่แห่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในการ์ตูนเรื่อง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เลยนี่นา! แถมยังเป็นตอนที่ทั้งหลอนทั้งเศร้าด้วยค่ะ 555 (ขอกระซิบบอกก่อนว่าทริกที่ฆาตกรใช้ในคดีนี้ก็น่าขนลุกใช้ได้เลยค่ะ) ถ้าเพื่อนๆอยากชมก็สามารถไปดูกันได้ใน ‘ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ปี 5 ตอน ทางเข้าเขาวงกต’ ความพิโรธของเทวรูปขนาดยักษ์ (ตอนที่ 223-224) นะคะ
ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาโนโกกิริ (Mount Nokogiri)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR ด่วนพิเศษสาย Sazanami Special Express จากสถานี Tokyo Station ไปลงที่สถานี Kimitsu Station จากนั้นให้เปลี่ยนขบวนรถเป็นสาย Uchibo Line ที่สถานีดังกล่าว เพื่อไปลงที่สถานี Hama-Kanaya Station โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ที่อยู่
- Motona, Kyonan, Awa District, Chiba 299-1901, Japan
เวลาทำการ
- ในช่วงวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 15 กุมภาพันธ์ กระเช้าลอยฟ้าจะเปิดให้บริการเวลา 09:00 – 16:00 น.
- ในช่วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ถึง 15 พฤศจิกายน กระเช้าลอยฟ้าจะเปิดให้บริการในเวลา 09:00 – 17:00 น.
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
- วัดนิฮงจิ : Nihonji Temple Website
- กระเช้าขึ้นภูเขาโนโกกิริ : Nokogiriyama Ropeway Website
พิกัด
5. วัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)
วัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple) เป็นวัดซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของ เทพฟุโดเมียวโอ (Fudō Myō-ō) เทพที่คอยปกปักษ์คุ้มครองพุทธศาสนาของญี่ปุ่น และเนื่องด้วยสิ่งที่เทพฟุโดเมียวโอรักษาไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับศาสนาชินโต แถมยังเป็นเทพแห่งการทำลายความสัมพันธ์ด้วย เทพฟุโดเมียวโอจึงโดนเทพอีกหลายองค์แบนไปโดยปริยาย
แต่ถึงเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ วัดนาริตะซัน ชินโชจิกลับเป็นสถานที่ที่มีพาวเวอร์สปอตแห่งการจับคู่รุนแรงและเข้มข้นมากเลยค่ะ (“ถึงจะไม่มีใครคบเรา แต่เราก็ทำให้มนุษย์มีคนมาขอคบได้นะเออ” ท่านเทพฟุโดเมียวโอไม่ได้กล่าว แต่ผู้เขียนกล่าวเสริมเองค่ะ 555)
นอกจากนี้ วัดนาริตะซัน ชินโชจิอันแสนกว้างใหญ่แห่งนี้ก็ยังมีสิ่งก่อสร้างและอาคารต่างๆที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะบูชาเทพอีกหลายองค์เลยค่ะ อีกทั้งยังมี ถนนนาริตะซัน โอโมเตะซันโด (Naritasan Omotesando) ที่สร้างขึ้นรอบบริเวณวัดอีกด้วย รับรองได้เลยว่าเพื่อนๆจะพบกับร้านรวงที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นและร้านอาหารมากมายได้ที่ถนนสายนี้อย่างแน่นอน
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานี JR Narita หรือ Keisei Narita Station โดยใช้เวลาประมาณ 18 นาที
ที่อยู่
- 1 Narita, Chiba 286-0023, Japan
ติดต่อ
- +81476222111
เวลาทำการ
- เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์
พิกัด
6. ศาลเจ้าคาโตริ (Katori Jingu Shrine)
ศาลเจ้าคาโตริ (Katori Jingu Shrine) ตั้งอยู่บริเวณนอกเมืองซาวาระ โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองนาริตะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและมีศาลเจ้าสาขาทั่วประเทศกว่า 100 แห่งแล้ว ศาลเจ้าคาโตริของจังหวัดชิบะก็ยังเป็นศาลเจ้าหลักเพียงหนึ่งเดียวของญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ เทพฟุทสึนุชิ (Futsunushi no Mikoto) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามของญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เอง ศาลเจ้าคาโตริจึงได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุครุ่งเรืองของซามูไร
เมื่อเข้ามาภายในบริเวณศาลเจ้า หากสังเกตดูทุกคนจะเห็นโคมไฟหินตั้งเรียงรายเป็นแนว อีกทั้งยังมีร้านค้าและร้านอาหารที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นด้วย
นอกจากนี้ ไฮไลต์ที่น่าสนใจที่สุดของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ อาคารหลักสีดำและประตูสีแดงซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1700 งานสถาปัตยกรรมทั้งสองชิ้นนี้นับเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่สุดของศาลเจ้าคาโตริเลยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าคาโตริ (Katori Jingu Shrine)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR Narita Line จากสถานี Narita Station ไปลงที่สถานี Sawara Station โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่อยู่
- 1697-1 Katori, Chiba 287-0017, Japan
ติดต่อ
- +81478573211
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์
พิกัด
7. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) สถานที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น สวนสนุกอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ การันตีได้จากจำนวนผู้คนที่พากันหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวที่สวนสนุกแห่งนี้ถึง 20 ล้านคนต่อปี!
สถิติดังกล่าวนับว่าเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากที่สุดของสวนสนุกในประเทศญี่ปุ่น และยังมากเป็นอันดับ 2 ของสวนสนุกทั่วโลกอีกด้วย
โตเกียวดิสนีย์แลนด์สร้างขึ้นโดยบริษัทผลิตภาพยนตร์การ์ตูน วอลต์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ (Walt Disney Animation Studios) ซึ่งเปิดให้บริการในปี 1983 และที่นี่ก็เป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งแรกที่สร้างขึ้นนอกประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ประกอบด้วยธีมพาร์คหลัก 7 โซน ได้แก่
- World Bazaar ตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้าหลักใกล้กับลานจอดรถ โซนนี้เป็นโซนชอปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร โดยพื้นที่โซนนี้ได้รับการออกแบบให้คล้ายกับยุคศตวรรษที่ 20 ของอเมริกาค่ะ
- Tomorrowland โซนนี้จะใช้ธีมอวกาศและเทคโนโลยีต่างๆจากโลกอนาคตมาเป็นธีมหลักของทั้งโซน สำหรับไฮไลต์ที่น่าสนใจในโซน Tomorrowland ก็มีเยอะแยะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Space Mountain, Star Tours และ Buzz Lightyear’s AstroBlasters
- Toontown โซนนี้มาในธีม ที่อยู่อาศัยของตัวละครดิสนีย์ แน่นอนว่าเราจะได้ลองเข้าไปสำรวจบ้านของมิกกี้ เม้าส์ หรือบ้านต้นไม้ของชิปและเดลล์ ยิ่งไปกว่านั้น โซนนี้ยังมีรถไฟเหาะขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับเด็กเล็กด้วยค่ะ
- Fantasyland เป็นโซนที่มาในธีมภาพยนตร์การ์ตูนดิสนีย์แบบคลาสสิค อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของปราสาทซินเดอเรลล่าอีกด้วย นอกจากนี้ทุกคนยังจะได้พบกับปีเตอร์แพน สโนว์ไวท์ และเมืองเล็กๆของวินนี่เดอะพูห์ในโซนนี้ด้วย
- Critter Country มาในธีมของการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Song of the South โดยมีเครื่องเล่นเรือแคนูที่ล่องไปตามแม่น้ำของอเมริกา
- Westernland เมืองจำลองที่สร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเมืองในบริเวณแม่น้ำอเมริกาฝั่งชายแดนตะวันตก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของเครื่องเล่นรถไฟเหาะ Big Thunder Mountain และยังมีเกาะ Tom Sawyer ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำด้วย
- Adventureland สำหรับโซนสุดท้ายนั้น ไหนๆมาในธีมผจญภัยแล้วก็ต้องจัดไปอย่าให้เสีย! ในโซนนี้เพื่อนๆสามารถเลือกที่จะล่องเรือเข้าไปในป่า สำรวจบ้านต้นไม้ของครอบครัวสวิส (Swiss Family Treehouse) นั่งรถไฟสายแม่น้ำตะวันตก หรือล่องเรือไปกับโจรสลัดในทะเลแคริบเบียนก็ย่อมได้ค่ะ
ใครเป็นสาวกดิสนีย์และได้มาเที่ยวญี่ปุ่น บอกเลยว่ายังไงก็ต้องมาเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์ให้ได้สักครั้ง!
ข้อมูลเกี่ยวกับโตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
วิธีเดินทาง
- เดินจากหน้าสถานีรถไฟ JR Maihama Station โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
- เมื่อมาถึงสถานี Tokyo Disneyland Station ก็จะเจอสวนสนุกทันที
ที่อยู่
- 1-1 Maihama, Urayasu, Chiba 279-0031, Japan
ติดต่อ
- +81453305211
เวลาทำการ
- วันธรรมดา : 9:00 – 22:00 น.
- วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 8:00 – 22:00 น.
ค่าเข้าชม
- ตั๋วประเภท single-day use
- ผู้ใหญ่ : 7,900 – 9,400 เยน
- นักเรียนประถม : 6,600 – 7,800 เยน
- เด็กเล็ก : 4,700 – 5,600 เยน
- สำหรับตั๋วประเภทอื่นๆ สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ >> Tokyo Disneyland Tickets
เว็บไซต์
พิกัด
8. จัมป์เฟสต้า (Jump Festa)
อีกหนึ่งอีเวนต์หลักที่สายอนิเมะรอคอยคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก จัมป์เฟสต้า (Jump Festa) งานอีเวนต์ที่รวบรวมทุกๆสิ่งเกี่ยวกับอนิเมะและมังงะในเครือ Jump ของสำนักพิมพ์ Shueisha เอาไว้ในงานเดียว โดยงานนี้จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมของทุกๆปีที่ Makuhari Messe Event Hall จังหวัดชิบะ
งานจัมป์เฟสต้าจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1999! ถือว่ายาวนานมากจริงๆค่ะ ในงานจะมีพวกวิดีโอเกม ฟิกเกอร์หายาก มังงะ เรียกได้ว่าเป็นที่ชุมนุมของเหล่าคนรักอนิเมะทั่วโลก แฟนๆของโชเน็นจัมป์จะต้องไม่พลาดงานนี้เด็ดขาดเลย!
อย่างไรก็ดี งานจัมป์เฟสต้าจะจัดช่วงปลายปีค่ะ ดังนั้นหากเพื่อนๆคนไหนสนใจก็อย่าลืมเช็กวันเวลาให้ดีนะจ๊ะ~!
ข้อมูลเกี่ยวกับจัมป์เฟสต้า (Jump Festa)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR สาย Saikyo Line จากสถานี Shibuya Line ไปลงที่สถานี Shin Kiba จากนั้นให้เปลี่ยนขบวนรถเป็นสาย Keiyo Line ที่สถานีดังกล่าว เพื่อไปลงที่จุดหมายซึ่งก็คือสถานี Kaihimmakuhari Station จากนั้นให้เดินต่อไปอีกนิด โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็จะถึง Makuhari Messe Event Hall ค่ะ
ที่อยู่
- Japan, 〒261-0023 Chiba, Mihama Ward, Nakase, 2−1
ติดต่อ
- +81432960001
เวลาทำการ
- 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์
พิกัด
9. ปราสาทโอตากิ (Otaki Castle)
ปราสาทโอตากิ (Otaki Castle) ตั้งอยู่ในคาบสมุทรโบโซ (Boso Peninsula) จังหวัดชิบะ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยตระกูลซาโตมิ (Satomi Clan) แต่แล้วในช่วงปลายศตวรรษเดียวกัน ภัยจากสงครามก็สร้างความเสียหายให้กับตัวปราสาทจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง
อย่างไรก็ดี ปราสาทโอตากิได้รับการซ่อมแซมและบูรณะใหม่ในปี 1672 โดยคำสั่งของตระกูลโทคุกาวะ (Tokugawa shogunate) นับตั้งแต่นั้นมาปราสาทแห่งนี้ก็กลับมามีสภาพสมบูรณ์และคงความงดงามเอาไว้ดังที่เห็นในปัจจุบัน
สำหรับใครที่ได้มาเที่ยวชิบะในช่วงปลายเดือนกันยายน ที่นี่จะมีการจัด งานเทศกาลปราสาทโอตากิ (Otaki Castle Festival) ขึ้นทุกๆปีค่ะ ภายในงานจะมีขบวนพาเหรดซามูไรและผู้คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสมัยเอโดะ เรียกได้ว่าเป็นอีเวนต์ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับปราสาทแห่งนี้จริงๆค่ะ
นอกจากนี้พอเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปราสาทโอตากิจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระที่ดีที่สุดของจังหวัดชิบะด้วยนะ~!
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทโอตากิ (Otaki Castle)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานีรถไฟ JR Otaki Station (สาย Isumi Line) โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ที่อยู่
- 482 Otaki, Isumi District, Chiba Prefecture 298-0216, Japan
ติดต่อ
- +81470823007
เวลาทำการ
- เปิดทุกวันอังคาร – วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม (เฉพาะ Otaki Castle Museum)
- ผู้ใหญ่ : 200 เยน
- นักเรียนมัธยม : 100 เยน
- ไม่มีค่าเข้าชมสำหรับเด็กเล็ก นักเรียนประถม และผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 64 ปีขึ้นไป
เว็บไซต์
พิกัด
10. ถ้ำคาเมอิวะ (Kameiwa Cave)
ถ้ำคาเมอิวะ (Kameiwa Cave) ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับน้ำตกโนมิโซ (Nomizo Waterfall) ในเขตอุทยานชิมิสุเคริว เมืองคิมิทสึ จังหวัดชิบะ
ความพิเศษของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้คือ ทัศนียภาพที่สวยงามจนน่าขนลุกในวันที่เกิดปรากฏการณ์พิเศษ ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ที่แสงอาทิตย์ส่องมายังบริเวณปากถ้ำแล้วตกกระทบลงบนผิวน้ำ ก่อนจะสะท้อนเข้าสู่ดวงตาของเรา เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันวิษุวัต (equinox) หรือวันที่ช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากันค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น ทัศนียภาพดังกล่าวยังทำให้ถ้ำคาเมอิวะแห่งนี้ได้รับเลือกให้ติดอันดับ 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นที่น่าไปเยือน ประจำปี 2019 โดยเว็บไซต์ GaijinPot อีกด้วย
แม้ว่าวันวิษุวัตจะมีเพียง 2 วันต่อปี แต่ถ้ำแห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ที่สวยงามในทุกๆฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เราสามารถสัมผัสได้ถึงความสดชื่นของทิวทัศน์สีเขียวชอุ่มของต้นไม้น้อยใหญ่รอบบริเวณปากถ้ำ หรือแสงสีเหลืองอันสวยงามของหิ่งห้อยที่คล้ายจะออกมาเต้นรำเหนือผิวน้ำในยามค่ำคืนของฤดูร้อน และเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง แมกไม้ทั้งหมดในบริเวณซุ้มประตูถ้ำก็จะแปรเปลี่ยนไปเป็นสีโทนร้อน ทั้งหมดล้วนเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมากจริงๆค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำคาเมอิวะ (Kameiwa Cave)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR สาย Kururi Line จากสถานี Kazusa Station ไปลงที่ Kameyama Station จากนั้นให้เดินต่อไปอีกประมาณ 30 นาที หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้เช่นกันค่ะ
ที่อยู่
- Sasa, Kimitsu, Chiba Prefecture 292-0526, Japan
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดชิบะ
เป็นที่รู้กันดีว่า จังหวัดชิบะ นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของชิบะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะ ‘คัตสึอุระ ทันทันเมน’ เนี่ยถือว่าเป็นของเด็ดเลยล่ะ! ถ้าใครไม่ได้ลองทานก็คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆเลยน๊า
ในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพ fromJapan ก็ได้นำ เมนูเด็ดประจำจังหวัดชิบะ มาฝากทุกคนกันด้วยค่ะ ว่าแต่เมนูเด็ดของจังหวัดชิบะจะมีอะไรบ้าง ต้องตามมาดูกันแล้วล่ะ!
1. ฮาการิเมะ (Hakarime)
ฮาการิเมะ (Hakarime) เป็นชื่อเรียกของปลาไหลคองเกอร์ (Conger Eel) ที่สามารถพบได้ในเมืองฟุตสึ (Futtsu City) เหตุผลที่เจ้าปลาไหลดังกล่าวมีชื่อเรียกแบบนี้ เป็นเพราะว่ารูปร่างของมันมีลักษณะคล้ายกับเครื่องชั่งน้ำหนัก หรือ ฮาการิเมะ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตามตลาดปลาและท่าเรือของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ปลาไหลฮาการิเมะนั้นมีความแตกต่างจากปลาไหลอุนางิตรง ‘แหล่งที่อยู่อาศัย’ ของพวกมันนั่นเอง โดยอุนางินั้นเป็นปลาไหลที่สามารถจับได้ในบริเวณน้ำจืด ส่วนฮาการิเมะสามารถจับได้ในทะเลค่ะ
ถ้าเพื่อนๆได้มาเที่ยวที่ชิบะก็อย่าลืมลองทานข้าวหน้าปลาไหลฮาการิเมะย่างดูนะคะ รับรองเลยว่ารสชาติของมันจะอร่อยจนติดตรึงในใจทุกคนไปอีกนานแน่นอน!
2. คัตสึอุระ ทันทันเมน (Katsuura Tantanmen)
คัตสึอุระ ทันทันเมน (Katsuura Tantanmen) เป็นเมนูราเมนที่มีชื่อเสียงของเมืองคัตสึอุระ (Katsuura City) จังหวัดชิบะ ความพิเศษของราเมนจานนี้อยู่ที่การใช้ซอสถั่วเหลืองซึ่งทำจากน้ำมันพริกและหัวหอมหลากหลายชนิด แค่เห็นชื่อวัตถุดิบก็แทบจะได้กลิ่นหอมชวนหิวกันแล้วใช่ไหมล่ะคะทุกคน นานๆทีเราจะเจออาหารญี่ปุ่นที่เข้มข้นไปด้วยเครื่องเทศแบบนี้อ่ะเนอะ 555
แต่เดิม ‘คัตสึอุระ ทันทันเมน’ เป็นเมนูที่ชาวประมงท้องถิ่นนิยมทานกันในช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ร่างกายของพวกเขาอบอุ่นสู้กับอากาศหนาวๆได้นั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆสามารถเจอเมนูคัตสึอุระ ทันทันเมนได้ตามร้านอาหารทั่วไปในเมืองคัตสึอุระเลยนะคะ
3. นาเมโร่ (Namerou)
นาเมโร่ (Namerou) เป็นอาหารท้องถิ่นอันเลื่องชื่อประจำคาบสมุทรโบโซ (Boso Peninsula) จังหวัดชิบะ โดยเขาจะนำเนื้อปลาสดๆมาผสมกับหอมแดง ใบชิโสะ และมิโซะ จากนั้นก็นำส่วนผสมทั้งหมดมาบดรวมกันด้วยมีดคมๆ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จสิ้นการรังสรรค์เมนูนี้ค่ะ
4. ชิบะสตรอว์เบอร์รี (Chiba Strawberry)
ที่จังหวัดชิบะนั้นมีฟาร์มสตรอว์เบอร์รีอยู่หลายแห่ง ดังนั้นการเก็บสตรอว์เบอร์รีจึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่เลยค่ะ
สำหรับสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ต่างๆที่ผลิตในจังหวัดชิบะนั้น เขาจะเรียกกันว่า ชิบะเบอร์รี (チーバベリー) เพื่อนๆสามารถพบเจ้าชิบะเบอร์รีอวบๆน่าหม่ำแบบนี้ได้ที่ฟาร์มสตรอว์เบอร์รีในเมืองซันมุ เมืองทาเตยามะ เมืองชิบะ และเมืองโทโนะโชค่ะ
ใครเป็นสตรอว์เบอร์รีเลิฟเวอร์ ห้ามพลาดการลองชิมชิบะสตรอว์เบอร์รีเลยน๊า~!
5. ปลาซาร์ดีนตากแห้ง (Dried Sardine)
ปลาซาร์ดีนตากแห้ง (Dried Sardine) เป็นอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อประจำเมืองคุจูคุริ (Kujukuri) วิธีการทำเมนูนี้คือเขาจะนำปลาซาร์ดีนสดไปปรุงรสด้วยมิรินก่อน จากนั้นก็นำไปตากให้แห้งภายใต้แสงแดดของคาบสมุทรโบโซ (Boso Penninsula) แต่บางครั้งคนท้องถิ่นก็จะใส่งาดำพร้อมกับพริกที่ฝานบางๆลงไปในปลาซาร์ดีนตากแห้งด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติความอร่อยให้กับเมนูนี้ค่ะ
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ